ผมเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับเศรฐกิจโลกแบบนี้ถือว่าถูกต้องมั้ยครับ

แม้อเมริกาจะมีหนี้เพิ่มมากขึ้นจนไม่อาจจะสามมารถใช้หนี้ได้หมด แต่อเมริกาก็ยังเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุด
และถึงอย่างไรเงิน$ ก็มีค่า(จะมาจากมีปืนกระบอกโตที่สุดหรือเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดก็ตาม) ยังไงโลก(โดยเฉพาะจีน)
ก็ต้องการเงิน $ มาขับเคลื่อนเศรฐกิจให้ดำเนินต่อไปได้แม้จะรู้ว่าเงิน $ เป็นแค่กระดาษลอยๆ แต่ถ้าอยู่ๆ อเมริกาล้มครืน
ก็จะไม่มีคนซื้อสินค้า สายการผลิตต่างๆก็ล่มตามไปด้วย จึงต้องจำใจรับเงิน $ ที่ปั๊มมามากขึ้นทุกวัน เพื่อให้กลไกต่างๆยังอยู่รอด
แล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เงินเฟ้อจะไม่ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมีโอกาสกลายเป็นแบบ ซิมบับเวในสเกลที่ใหญ่กว่า คือ อเมริกา
หรือทั้งโลกเลยใช่มั้ยครับ  หรือมูลเหตุของสงครามโลกครั้งที่3จะมาจากจุดนี้ ???
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ถึงอเมริกาจะพิมพ์ธนบัตรได้โดยไม่ต้องมีทองค้ำประกัน      แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาอยากพิมพ์เท่าไหร่ก็ได้นะครับ     เขาต้องคำนวณปริมาณที่จะพิมพ์กับสถานการณ์    และยังต้องอิงกับ GDP อีก      ล่าสุดนี่เห็นจะมามุขใหม่ด้วยการเปลี่ยนจาก GDP ทั่วไป    ไปเป็นเอาสินทรัพย์ต่างๆในอเมริกาที่ตีค่าเป็นเงินได้มาเป็นตัวอิงด้วย

ถ้าถามว่าอเมิกาล้มครืน    ประเทศต่างๆเสียหายไปด้วยไม่น้อยเลยครับเพราะดอลล่าร์ที่นานาชาติถือเอาไว้ก็กลายเป็นเศษกระดาษตามไปด้วย      ไม่ว่ายังไงนานาประเทศก็ยังจำเป็นต้องจำยอมให้ความเชื่อถือในดอลล่าร์      ซึ่งก็ทำให้อเมริกาไม่จำต้องกลัวปัญหาหนี้     มีหนี้มากเท่าไหร่ก็ออกพันธบัตรมาดูดเงินต่างชาติไปใช้หนี้      ต่างชาติเห็นดอกเบี้ยดีก็ซื้อพันธบัตร     ถึงเวลาจ่ายดอกเบี้ยอเมริกาก็พิมพ์ดอลล่าร์มาจ่ายให้      สรุปว่าอเมริกาเอาเงินต่างชาติมาใช้    ถึงเวลาก็คืนด้วยดอลล่าร์ที่พิมพ์มาให้      

หลายๆประเทศเห็นท่าไม่ดีก็พยายามลดการถือครองดอลล่าร์ลง      อย่างจีนเองก็เอาดอลล่าร์ที่ถือครองไว้มหาศาลไปลงทุนในต่างประเทศซะ     จะได้เปลี่ยนสินทรัพย์จากดอลล่าร์ที่เป็นแค่กระดาษ    ไปเป็นกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินต่างๆที่จับต้องได้ในหลายๆประเทศ      และยังสร้างรายได้และหาทรัพยากรต่างๆกลับมาให้จีนอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่