เกือบโดนล่วงละเมิดในตอนเด็ก

ปัจจุบันเห็นข่าวล่วงละเมิด/ข่มขืน ไม่เว้นแต่ละวันทั้งเด็ก หญิงสาว คนชรา
ก็ชวนให้หดหู่ใจ ว่าคนเราทำไปได้ยังไง จะยับยั้งชั่งใจไม่ได้เลยหรอ

ทำให้เรานึกหวนกลับไปเมื่อตอนเด็ก อายุซัก 11-12 ปี จำได้ว่าเรียนอยู่ ป.6
เพราะตอนนั้นครอบครัวมีปัญหา โดนตราหน้า "พ่อเป็นบ้า แม่ติดคุก"
เราเลยต้องมาอยู่กับยาย พร้อมน้อง 3 ขวบอีกคน
ชีวิตก็ดำเนินไปแบบลำบากตามสไตล์เด็กบ้านนอก ครอบครัวไม่ครบ ยายค่อนข้างหัวโบราณ
แต่ก็ยังดีตรงที่เราได้เรียนหนังสือ หัวเด็ดตีนขาด ไม่มีเงินไปโรงเรียนยังไง เราก็จะไป

มีอยู่วันนึง ยายใช้ให้เราปั่นจักรยานไปเอาเงินที่ป้า ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
ต้องไปบนถนนใหญ่ ระยะทางประมาณ 2 กม.บนถนนเส้นใหญ่
เหตุเกิดในตอนขาไป ปั่นไปได้ ยังไม่พ้นหมู่บ้าน คือยังมีบ้านคนริมถนนอยู่ประปลาย
ก็เจอรถคันหนึ่ง สีอะไร รุ่นอะไร เราจำไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าเป็นรถกระบะตอนเดียว
มีผู้ชายคนนึง อายุน่าจะซัก ประมาณว่าเป็นลุงเราได้ (ความรู้สึกตอนนั้น จำได้แบบนี้ แต่เรากะอายุคนไม่ค่อยเก่ง)
กวักมือเรียกเรา ว่าหนูๆ หนูมีไฝในที่ลับนะ ถ้าหนูปล่อยไว้ หนูจะเรียนไม่จบตามที่หวังนะ
เราก็จอดจักรยานถาม ด้วยความที่อยากเรียนหนังสือมาก กลัวว่าจะมีอะไรมาทำให้เรียนไม่ได้ ก็จอดฟัง

เราถามเขาว่า ลุงเป็นคนที่นี่หรอ
เขาบอกว่าใช่
เราถามอีกว่ารู้จักป้าเราไหม
เขาก็บอกว่ารู้จักสิ รู้จักดี
เราเลยคิดว่าน่าจะไม่มีอะไร ก็คนแถวนี้ เพราะคนแถวนี้ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอยู่
เราเลยเขาเรื่อง เราถามว่าแล้วจะแก้ไขยังไง
เขาตอบว่า ต้องทำพิธีเอาไฝออก
เราก็ถามอีก แล้วทำยังไง
เขาบอกให้เราขึ้นไปบนรถ โดยเขาจะไปจอดรถตรงซอยข้างหน้า
ตอนนั้น เรามองไปที่ซอยนั้น แล้วรู้สึกกลัว เพราะเป็นซอยตัดเข้าไปเป็นทุ่งนา ไม่มีบ้านคน
เราเลยบอกว่าไม่ไปตรงนั้นหรอก ทำพิธีตรงนี้ได้ไหม
เขาก็บอกว่าได้ งั้นขึ้นมาบนรถสิ
เราก็กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ขึ้นไป
ในใจคิดว่า คงไม่มีอะไรหรอก ใครจะมาทำอะไร เงินก็ไม่มีให้เอาซักบาท และเราก็แค่เด็ก

พอขึ้นไป เขาก็ล้วงมือเข้าไปในเสื้อเรา
เราตกใจถามว่าทำอะไร
เขาบอกว่า ทำพิธี จับไฝออก
เราก็ใจดีสู้เสือ ให้เขาทำพิธีต่อ
ปรากฏว่ามันมาบีบหน้าอกเรา แบบว่าตอนนั้นจำได้เลย ว่าบีบแรงมาก เราเจ็บมาก
เลยปัดมือออก และรีบลงจากรถมา และปั่นจักรยานกลับบ้านแบบไม่คิดชีวิต
พร้อมกับเหลียวหลังมามองว่ามันตามมารึป่าว
ปรากฏว่า มันเลี้ยวรถตามมา เท่านั้นล่ะ เราปั่นสุดชีวิต จนออกจากถนนใหญ่เลี้ยวเข้าซอย
แล้วหันมามองอีก ก็ไม่เห็นรถมันอีก

รีบปั่นจนมาถึงบ้าน ก็ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เพราะอายว่าโดนลวนลาม และก็ตกใจมาก
แต่จำไม่ได้นะ ว่ายาย ถามถึงเรื่องเงินว่ายังไง ที่ให้ไปขอป้า
จำได้แต่ว่า กลัวจนไม่กล้าปั่นจักรยานออกไปไหนไกลนอกจากบริเวณหมู่บ้าน
และไม่เคยเข้าใกล้ ไม่เคยไว้ใจคนแปลกหน้า ตั้งแต่นั้น

หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนเกือบจะลืมเรื่องนี้ไป
แต่ก็ยังฝังลึกในใจตลอด ว่าห้ามไว้ใจใครเด็ดขาด
จนแม่พ้นโทษหลังจากนั้น 3 ปี พ่อก็ดีขึ้น กลับมาอยู่เป็นครอบครัว
แม่ก็ส่งเสียให้เราเรียนจนจบสมใจ ปัจจุบันเป็นพนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง
เรื่องนี้เราก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังอีก นอกจากสามีเรา เพราะเราคุยกันทุกเรื่อง

จนวันนี้ ก็คิดว่า อยากมาแชร์ประสบการณ์ในพันทิพค่ะ
ว่าจงดูแล และสั่งสอนบุตรหลานให้ดี ว่าอย่าไว้ใจใคร
อย่าปล่อยให้ไปไหนตามลำพัง ขนาดว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังต้องระวัง
นับประสาอะไรกับเด็ก เพราะถ้าบังเอิญเจอเหตุการณ์อย่างเรา อาจจะไม่โชคดีก็ได้
เรายังคิดเลยว่า โชคดีเท่าไรแล้ว ที่มันไม่มีมีด มีอาวุธ มาขู่เรา

ขอบคุณ ที่อ่านมาจนจบค่ะ เราไม่คิดว่า จะพิมพ์ได้ยาวขนาดนี้ ^^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่