บทที่ 6… บ้านหลังใหม่ในฝันร้าย
เมื่อเช้าวันอาทิตย์มาถึง สิ่งที่กำลังรอคอยกำลังจะได้มาครอบครอง ตอนนี้บ้านเป็นสิ่งเดียวที่วันดีอยากได้เป็นสมบัติของตนเองสักชิ้น เธอไม่อยากเช่าบ้านอีกแล้ว เธอสู้อุตส่าห์อดทนทำงานเพื่อให้ผ่านโปรเป็นพนักงานประจำมีรายได้เข้าบัญชีที่แน่นอน เพื่อจะได้ร่วมกู้กับยศ สองสามเดือนที่ผ่านมาวันดีและยศตระเวนดูบ้านมือสองมาหลายหลังแล้ว แต่ยังไม่มีหลังไหนถูกใจ ถึงแม้ถูกใจแต่ก็ยื่นกู้ไม่ผ่าน
‘สงสัยเจ้าที่ไม่ชอบพวกเรา’ ยศบอกวันดี ท่าจะจริงอย่างที่ยศว่า ‘บ้านคงเลือกคนอยู่ ไม่ใช่คนอยู่เลือกบ้าน’
จนเมื่ออาทิตย์ก่อน วันดีได้รู้จักกับวิรัฒน์ ซึ่งเป็นสามีของเพื่อนร่วมงานโดยบังเอิญ และรู้ว่าเขาเป็นนายหน้าขายบ้าน วันดีเลยขอให้เขาช่วยหาบ้านมือสองสวยๆ ราคาไม่แพงให้สักหลัง ไม่กี่วันวิรัฒน์ก็โทรศัพท์มานัดแนะดูบ้านแถวชานเมือง อยู่ไม่ไกลจากแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สนนราคาไม่แพงนัก ทำให้วันดีไม่รีรอจะตอบรับคำมาดูบ้าน...
เมื่อรถมา จอดหน้าบ้านแฝดสองชั้น ด้านนอกตอนนี้ดูรกครึ้มไปหน่อยหากตัดแต่งกิ่งก้านต้นไม้คงจะร่มรื่นกว่านี้ ตัวบ้านถึงจะไม่ใหม่แต่ก็ไม่โทรมนัก
"บ้านยังดูใหม่ ทำไมเจ้าของจะขายละคะ" วันดีอดถามไม่ได้
"เจ้าของไม่ได้ขายเองหรอกครับ แต่ถูกแบงค์ยึด"
วิรัฒน์เปิดประตูบ้านรอไว้อยู่ก่อนแล้ว เพื่อไล่กลิ่นอับชื้น ก่อนเดินนำครอบครัวของวันดีเข้าไปในบ้าน ข้างในบ้านดูคุ้นตาวันดีมาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทันทีที่ก้าวมาหยุดตรงบันไดบ้าน สายตามองเห็นประตูห้องใต้บันได ความทรงจำในฝันร้ายคืนนั้นก็กลับมา... เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มหน้าทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากนัก ยิ่งวิรัฒน์พาชมห้องหับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ลานซักล้างหลังบ้าน ยิ่งตอกย้ำภาพความฝันร้ายให้ชัดเจนมากขึ้น
"เป็นอย่างไร ชอบไหม" เมื่อเห็นวันดีเงียบปากตั้งแต่เดินเข้าบ้าน ยศจึงเอ่ยถามพลางจับมือภรรยาแล้วต้องตกใจเมื่อมือของวันดีเย็นเฉียบ
"ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมมือเย็นจัง"
"ปละ...เปล่า" วันดียังไม่กล้าบอกสามี รอให้แน่ชัดกว่านี้ก่อน ...อาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็ได้ เธอแอบหวังเช่นนั้น
"ชอบไหมลูก" ยศหันมาถามใยไหมที่อยู่ข้างๆ
"เดี๋ยวขึ้นไปดูบ้างบนกันครับ" วิรัฒน์เดินนำหน้าก้าวขึ้นบันไดไปชั้นสอง "ข้างบนมีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำครับ" วิรัฒน์หันมาบอก "ห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กอย่างละหนึ่งห้อง"
วันดีรู้สึกเสียบวาบ ... จนขนลุกเกรียวทุกรูขุมขน ทุกอย่างเหมือนในความฝันไม่มีผิดเพี้ยน
"เข้าไปดูห้องนอนได้นะครับคุณวัน" วิรัฒน์บอกพร้อมเปิดประตูห้องนอนใหญ่ เชิญชวน แต่วันดียังยืนตัวแข็งทื่อ แข้งขาก้าวไม่ออก เธอชะเง้อมองอยู่หน้าห้องไม่กล้าเดินเข้าไป ...กลัวจะเจอผีร้ายอย่างในความฝัน
"เข้ามาสิวัน" ยศคะยั้นคะยอแถมเดินจูงมือเธอเข้าไปอย่างเก้ๆ กังๆ
"ห้องก็กว้างดีนะ" ยศบอกภรรยาที่ยืนหลุบตามองพื้นตลอดเวลา
ทันใดนั้นประตูห้องก็ปิด เสียงดังปัง! จนวันดีสะดุ้งโหยงร้องเสียงหลง
"...ผี ผี!!..."
ยศรีบเข้ามาปลอบภรรยาที่หลับตาปี๋ ยืนตัวสั่นอย่างกะลูกนก พลอยทำให้ใยไหมและวิรัฒน์ตกใจไปด้วย
"ผีเพ่อที่ไหน ไม่มี!! ลืมตาดูสิ" ยศรีบบอกวันดี "ก็แค่ลมพัดแรงเท่านั้น"
"...ลม เลิมที่ไหนยศ" วันดีย้อนถาม "หน้าต่างสักบานก็ไม่ได้เปิด"
...จริงสิ... จริงอย่างที่วันดีว่า ยศเพิ่งสังเกตเห็น หน้าต่างถูกปิดไว้ แล้วลมมาได้อย่างไร... ยศส่งสายตาเชิงถามใยไหมว่า มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ใยไหมไม่ตอบ...ตกลงมีหรือไม่มีนะ...
"คงเป็นลมจากชั้นล่างนะครับ เมื่อกี้เข้ามาไม่ได้ปิดประตูบ้าน" เสียงของวิรัฒน์แทรกขึ้นเหมือนสวรรค์ทรงโปรดประทานแนะทางออกให้ยศ "บ้านนี้ไม่มีประวัติหรอกครับ"
สิ่งที่วิรัฒน์บอกไม่ได้ช่วยให้วันดีหายหวาดกลัวสักนิด เธอเกาะแขนยศไว้แน่น เกรงว่าผีสาวในความฝันจะโผล่มาทักทาย
"ไปดูห้องนอนเล็กกันดีกว่า" ยศบอกภรรยาพลางตบลงบนหลังมือภรรยาเบาๆ เชิงปลอบใจ "ไปลูก ไปดูห้องหนูกันดีกว่า" ขณะที่วิรัฒน์เดินนำไปเปิดประตูห้อง ทันใดนั้นวันดีก็ได้ยินเสียงอี๊ดอ๊าดเหมือนเชือกกำลังถูกรัดให้แน่นขึ้น เธอไม่กล้าหันมากลับมอง ..กลัวจะเห็นผีสาวห้อยคอ... จึงรีบเดินกระชับแขนยศไว้แน่น...
"ห้องนอนของหนูทาสีอะไรดีนะ" ยศหันมาถามลูกสาว พยายามทำลายบรรยากาศไม่ให้ภรรยาหวาดกลัว
"...ข้าวกล้อง..." ใยไหมไม่ตอบเพ่อ แต่กลับเอ่ยชื่อเพื่อน
"ข้าวกล้องอะไรกันลูก" ผู้เป็นพ่อถาม แต่ใยไหมกลับเงียบไม่ตอบ ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้วันดีมากขึ้น
"หนูอย่าบอกนะว่า ...เห็น.." วันดีพูดค้างไว้แค่นั้น
ใยไหมส่ายหัวตอบ เมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้าวกล้องว่าจะไม่บอกใคร เมื่อใยไหมไม่พูด ข้าวกล้องก็สิ่งยิ้มแป้น...ขอบคุณที่ใยไหมรักษาสัญยา
"ห้องนอนนี่ของฉัน" ข้าวกล้องกระซิบบอกใยไหม "แต่เธอจะอยู่ก็ได้นะ ฉันไม่ว่า"
"ลงข้างล่างกันเถอะยศ" วันดีหันมาบอกสามี "วันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครจ้องมองเราอยู่"
"คิดมากนะ ไม่เห็นมีอะไรเลย"
"เชื่อวันสิ"
"ลงก็ลง" เมื่อเห็นท่าทีร้อนร้นของภรรยาจึงจำต้องลงไปชั้นล่าง
"เป็นไง ชอบไหมครับ" วิรัฒน์ถามยศ
"ก็โอเคครับ" ยศตอบ
"ราคาอย่างนี้ ในทำเลดี หาไม่ได้อีกแล้วนะครับ" วิรัฒน์นำเสนอ "ผมอยากให้พวกคุณรีบตัดสินใจ จะได้รีบเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง"
"จะกู้ผ่านหรือครับ"
"ผ่านสิครับ เดี๋ยวผมช่วยเต็มที่"
"วันว่าไง" ยศหันไปถามวันดีที่ยังมีทีท่าไม่หายหวาดหลัว พลางเดินตรงไปห้องใต้บันไดกำลังจะเอื้อมมือเปิด แต่วันดีส่งเสียงห้ามเสียก่อนจึงทำให้เขาชะงักลง
"อย่าเปิด!!!"
"มีอะไรวันทำไมถึงเปิดไม่ได้" ยศหันมาถาม
วันดีไม่รู้จะบอกยศอย่างไรดี...
"วัน...วันกลัวฝุ่นจะเยอะนะคะ เดี๋ยวภูมิแพ้ลูกกำเริบ" ยศไม่ปักใจเชื่อคำพูของวันดี มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ
วิญญาณพยาบาท # 6
เมื่อเช้าวันอาทิตย์มาถึง สิ่งที่กำลังรอคอยกำลังจะได้มาครอบครอง ตอนนี้บ้านเป็นสิ่งเดียวที่วันดีอยากได้เป็นสมบัติของตนเองสักชิ้น เธอไม่อยากเช่าบ้านอีกแล้ว เธอสู้อุตส่าห์อดทนทำงานเพื่อให้ผ่านโปรเป็นพนักงานประจำมีรายได้เข้าบัญชีที่แน่นอน เพื่อจะได้ร่วมกู้กับยศ สองสามเดือนที่ผ่านมาวันดีและยศตระเวนดูบ้านมือสองมาหลายหลังแล้ว แต่ยังไม่มีหลังไหนถูกใจ ถึงแม้ถูกใจแต่ก็ยื่นกู้ไม่ผ่าน
‘สงสัยเจ้าที่ไม่ชอบพวกเรา’ ยศบอกวันดี ท่าจะจริงอย่างที่ยศว่า ‘บ้านคงเลือกคนอยู่ ไม่ใช่คนอยู่เลือกบ้าน’
จนเมื่ออาทิตย์ก่อน วันดีได้รู้จักกับวิรัฒน์ ซึ่งเป็นสามีของเพื่อนร่วมงานโดยบังเอิญ และรู้ว่าเขาเป็นนายหน้าขายบ้าน วันดีเลยขอให้เขาช่วยหาบ้านมือสองสวยๆ ราคาไม่แพงให้สักหลัง ไม่กี่วันวิรัฒน์ก็โทรศัพท์มานัดแนะดูบ้านแถวชานเมือง อยู่ไม่ไกลจากแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สนนราคาไม่แพงนัก ทำให้วันดีไม่รีรอจะตอบรับคำมาดูบ้าน...
เมื่อรถมา จอดหน้าบ้านแฝดสองชั้น ด้านนอกตอนนี้ดูรกครึ้มไปหน่อยหากตัดแต่งกิ่งก้านต้นไม้คงจะร่มรื่นกว่านี้ ตัวบ้านถึงจะไม่ใหม่แต่ก็ไม่โทรมนัก
"บ้านยังดูใหม่ ทำไมเจ้าของจะขายละคะ" วันดีอดถามไม่ได้
"เจ้าของไม่ได้ขายเองหรอกครับ แต่ถูกแบงค์ยึด"
วิรัฒน์เปิดประตูบ้านรอไว้อยู่ก่อนแล้ว เพื่อไล่กลิ่นอับชื้น ก่อนเดินนำครอบครัวของวันดีเข้าไปในบ้าน ข้างในบ้านดูคุ้นตาวันดีมาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทันทีที่ก้าวมาหยุดตรงบันไดบ้าน สายตามองเห็นประตูห้องใต้บันได ความทรงจำในฝันร้ายคืนนั้นก็กลับมา... เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มหน้าทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากนัก ยิ่งวิรัฒน์พาชมห้องหับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ลานซักล้างหลังบ้าน ยิ่งตอกย้ำภาพความฝันร้ายให้ชัดเจนมากขึ้น
"เป็นอย่างไร ชอบไหม" เมื่อเห็นวันดีเงียบปากตั้งแต่เดินเข้าบ้าน ยศจึงเอ่ยถามพลางจับมือภรรยาแล้วต้องตกใจเมื่อมือของวันดีเย็นเฉียบ
"ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมมือเย็นจัง"
"ปละ...เปล่า" วันดียังไม่กล้าบอกสามี รอให้แน่ชัดกว่านี้ก่อน ...อาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็ได้ เธอแอบหวังเช่นนั้น
"ชอบไหมลูก" ยศหันมาถามใยไหมที่อยู่ข้างๆ
"เดี๋ยวขึ้นไปดูบ้างบนกันครับ" วิรัฒน์เดินนำหน้าก้าวขึ้นบันไดไปชั้นสอง "ข้างบนมีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำครับ" วิรัฒน์หันมาบอก "ห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กอย่างละหนึ่งห้อง"
วันดีรู้สึกเสียบวาบ ... จนขนลุกเกรียวทุกรูขุมขน ทุกอย่างเหมือนในความฝันไม่มีผิดเพี้ยน
"เข้าไปดูห้องนอนได้นะครับคุณวัน" วิรัฒน์บอกพร้อมเปิดประตูห้องนอนใหญ่ เชิญชวน แต่วันดียังยืนตัวแข็งทื่อ แข้งขาก้าวไม่ออก เธอชะเง้อมองอยู่หน้าห้องไม่กล้าเดินเข้าไป ...กลัวจะเจอผีร้ายอย่างในความฝัน
"เข้ามาสิวัน" ยศคะยั้นคะยอแถมเดินจูงมือเธอเข้าไปอย่างเก้ๆ กังๆ
"ห้องก็กว้างดีนะ" ยศบอกภรรยาที่ยืนหลุบตามองพื้นตลอดเวลา
ทันใดนั้นประตูห้องก็ปิด เสียงดังปัง! จนวันดีสะดุ้งโหยงร้องเสียงหลง
"...ผี ผี!!..."
ยศรีบเข้ามาปลอบภรรยาที่หลับตาปี๋ ยืนตัวสั่นอย่างกะลูกนก พลอยทำให้ใยไหมและวิรัฒน์ตกใจไปด้วย
"ผีเพ่อที่ไหน ไม่มี!! ลืมตาดูสิ" ยศรีบบอกวันดี "ก็แค่ลมพัดแรงเท่านั้น"
"...ลม เลิมที่ไหนยศ" วันดีย้อนถาม "หน้าต่างสักบานก็ไม่ได้เปิด"
...จริงสิ... จริงอย่างที่วันดีว่า ยศเพิ่งสังเกตเห็น หน้าต่างถูกปิดไว้ แล้วลมมาได้อย่างไร... ยศส่งสายตาเชิงถามใยไหมว่า มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ใยไหมไม่ตอบ...ตกลงมีหรือไม่มีนะ...
"คงเป็นลมจากชั้นล่างนะครับ เมื่อกี้เข้ามาไม่ได้ปิดประตูบ้าน" เสียงของวิรัฒน์แทรกขึ้นเหมือนสวรรค์ทรงโปรดประทานแนะทางออกให้ยศ "บ้านนี้ไม่มีประวัติหรอกครับ"
สิ่งที่วิรัฒน์บอกไม่ได้ช่วยให้วันดีหายหวาดกลัวสักนิด เธอเกาะแขนยศไว้แน่น เกรงว่าผีสาวในความฝันจะโผล่มาทักทาย
"ไปดูห้องนอนเล็กกันดีกว่า" ยศบอกภรรยาพลางตบลงบนหลังมือภรรยาเบาๆ เชิงปลอบใจ "ไปลูก ไปดูห้องหนูกันดีกว่า" ขณะที่วิรัฒน์เดินนำไปเปิดประตูห้อง ทันใดนั้นวันดีก็ได้ยินเสียงอี๊ดอ๊าดเหมือนเชือกกำลังถูกรัดให้แน่นขึ้น เธอไม่กล้าหันมากลับมอง ..กลัวจะเห็นผีสาวห้อยคอ... จึงรีบเดินกระชับแขนยศไว้แน่น...
"ห้องนอนของหนูทาสีอะไรดีนะ" ยศหันมาถามลูกสาว พยายามทำลายบรรยากาศไม่ให้ภรรยาหวาดกลัว
"...ข้าวกล้อง..." ใยไหมไม่ตอบเพ่อ แต่กลับเอ่ยชื่อเพื่อน
"ข้าวกล้องอะไรกันลูก" ผู้เป็นพ่อถาม แต่ใยไหมกลับเงียบไม่ตอบ ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้วันดีมากขึ้น
"หนูอย่าบอกนะว่า ...เห็น.." วันดีพูดค้างไว้แค่นั้น
ใยไหมส่ายหัวตอบ เมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้าวกล้องว่าจะไม่บอกใคร เมื่อใยไหมไม่พูด ข้าวกล้องก็สิ่งยิ้มแป้น...ขอบคุณที่ใยไหมรักษาสัญยา
"ห้องนอนนี่ของฉัน" ข้าวกล้องกระซิบบอกใยไหม "แต่เธอจะอยู่ก็ได้นะ ฉันไม่ว่า"
"ลงข้างล่างกันเถอะยศ" วันดีหันมาบอกสามี "วันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครจ้องมองเราอยู่"
"คิดมากนะ ไม่เห็นมีอะไรเลย"
"เชื่อวันสิ"
"ลงก็ลง" เมื่อเห็นท่าทีร้อนร้นของภรรยาจึงจำต้องลงไปชั้นล่าง
"เป็นไง ชอบไหมครับ" วิรัฒน์ถามยศ
"ก็โอเคครับ" ยศตอบ
"ราคาอย่างนี้ ในทำเลดี หาไม่ได้อีกแล้วนะครับ" วิรัฒน์นำเสนอ "ผมอยากให้พวกคุณรีบตัดสินใจ จะได้รีบเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง"
"จะกู้ผ่านหรือครับ"
"ผ่านสิครับ เดี๋ยวผมช่วยเต็มที่"
"วันว่าไง" ยศหันไปถามวันดีที่ยังมีทีท่าไม่หายหวาดหลัว พลางเดินตรงไปห้องใต้บันไดกำลังจะเอื้อมมือเปิด แต่วันดีส่งเสียงห้ามเสียก่อนจึงทำให้เขาชะงักลง
"อย่าเปิด!!!"
"มีอะไรวันทำไมถึงเปิดไม่ได้" ยศหันมาถาม
วันดีไม่รู้จะบอกยศอย่างไรดี...
"วัน...วันกลัวฝุ่นจะเยอะนะคะ เดี๋ยวภูมิแพ้ลูกกำเริบ" ยศไม่ปักใจเชื่อคำพูของวันดี มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ