สวัสดีสาวๆ ห้องแป้งนะคะ นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตที่ตั้งในพันทิป
ต้องบอกก่อนเลยว่าเล่นพันทิปมาเกือบจะสิบปีเห็นจะได้
เริ่มจากเข้ามาแชทในห้องเหนือ 1 ตอนนั้นอยากฝึกพิมพ์ดีด
ยังอ่านกระทู้ไม่เป็น ตอนนี้กลายเป็นเทพพิมพ์ดีดไปแล้ว ต้องขอบคุณพันทิป 555
เราเร่ร่อนเล่นอยู่หลายห้อง ไม่ได้สมัครสมาชิกเพราะไม่คิดว่าจะตั้งกระทู้อะไร
แค่อ่านของเพื่อนๆ ก็เพลินจะแย่แล้ว (แต่ได้ความรู้เพียบนะเออ)
อย่างที่บอกว่านี่เป็นกระทู้แรกในชีวิต
ก็เลยอยากจะเขียนอะไรที่มันมีสาระตอบแทนสังคม (พันทิป) สักหน่อย
(ไม่ได้ถามใครด้วยว่าอยากรู้รึเปล่า 555)
อาจจะยาวสักหน่อยนะคะ แต่อยากจะเป็นอุทธาหรณ์ให้สาวๆ
ได้ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น หรือเตือนหนุ่มๆ (ที่หลงเข้ามาอ่าน) ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอย่างเราๆ บ้าง
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณสองปีก่อน ตอนนั้นเรากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด
ลาออกจากงานบริษัทที่ทำมาเกือบสี่ปี เพราะความคิดเริ่มไม่ตรงกับผู้บริหาร ก็เลยลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้าน
ตอนนั้นอายุ 28 กะว่าค่อยมาหางานทำใกล้บ้าน ขอพักผ่อนสมองหลังจากไฟแรงตรากตรำทำงานมาหลายปี
ช่วงนั้นเราก็รับสอนพิเศษตอนเย็นไปด้วย อยากทำอะไรก็ทำ ไปวิ่งออกกำลังกายหลังจากไม่ได้วิ่งมานาน
ตามอ่านหนังสือที่อยากอ่าน ทำให้สมองโล่งที่สุด กลับมาอยู่บ้านนอก อากาศดี ผู้คนดี มีแต่เพื่อนบ้านเก่าๆ โลกสวย
แต่แล้ววันหนึ่งโลกสวยๆ (ในความคิด) ของเราก็เปลี่ยนไป วันนั้นเราขับมอเตอร์ไซด์สกู๊ตเตอร์กลับบ้าน
หลังจากที่ไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ช่วงเวลายามเย็น พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บรรยากาศกำลังโพล้เพล้
เรากำลังจะเลี้ยวเข้าปากซอยหมู่บ้าน ในขณะที่เลี้ยวนั้น เราเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะนั่งคร่อมมอเตอร์ไซด์ของเขา
ไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดนักว่าเป็นยี่ห้ออะไร แต่น่าจะเป็นฮอนด้าเวฟ ตัวสูงใหญ่ไม่อ้วนไม่ผอม เขาใส่หมวกไอ้โม่งปิดหน้า
ตอนนั้นเราไม่ได้เอะใจ เพราะตอนขับผ่านมันเป็นช่วงเวลาไม่กี่วินาที
และตอนนั้นแถวบ้านเราเค้าก็กำลังอยู่ในช่วงฤดูกาลเกี่ยวข้าว
ชาวนาส่วนใหญ่ก็ใส่หมวกไอ้โม่งกันทั้งนั้น
เราขับผ่านมาได้สัก 10 เมตร ยังไม่เอะใจอะไร
จนกระทั่งรู้สึกเหมือนมีมอเตอร์ไซด์ขับตามอยู่ข้างหลังแบบระยะประชิด
คิดในใจแว้บแรกว่า เฮ้ย! ชิดไปมั้ย
แต่ก็ไม่ทันแล้ว จังหวะที่เราหันไปมอง ไอ้บ้านั่นมันก็ขับมาประกบเราแล้ว
ก่อนที่มันจะเอื้อมมือข้างซ้ายมาจับที่หน้าอกเรา ตอนนั้นเราตกใจก่อนเลย
ก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผลในเวลาไม่ถึงวินาทีว่า
…ไอ้บ้านี่มันโรคจิตแล้วล่ะ...
หลังจากตกใจ อารมณ์โมโหก็ตามมาติดๆ เราโกรธมาก ในสมองคิดแค่ว่า ไอ้บ้านี่มันเป็นใครฟระ!
และพอคิดแบบนั้นปุ๊บ เราก็ปล่อยมือข้างขวาจากคันเร่ง แล้วเอื้อมไปคว้าชายเสื้อของมันเอาไว้
(มือซ้ายยังจับแฮนด์รถอยู่นะคะ นึกภาพออกมั้ย) เราจับเสื้อมันเอาไว้ได้ค่ะ! และก็เหมือนมันจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าทำผิด มันก็รีบบิดมอเตอร์ไซด์จะหนี
ทีนี้นึกภาพออกมั้ยคะ
หากคุณนึกภาพตามได้ถูกต้อง คุณก็จะรู้ว่าเราโง่บรรลัยแค่ไหน T^T
เพราะพอมันบิดคันเร่งหนี มันก็กระชากเราและรถไปด้วย เพราะเราปล่อยมือขวาที่จับคันเร่งไว้
(รถมันพุ่งทะยานไปข้างหน้า ส่วนรถเราค่อยๆ ชะลอตัวเพราะปล่อยคันเร่ง)
แต่ตอนนั้นเราไม่สนอะไรแล้วค่ะ โกรธมาก ล้มเป็นล้ม
ตอนนี้รู้แล้วว่าความคิดนั้น ช่างโง่เง่าซะเหลือเกิน (มาคิดได้ทีหลัง)
สุดท้ายมันหนีไปได้ ส่วนเรารถล้ม
ได้แผลเหวอะตรงแขนขวา หลังมือซ้าย และหัวเข่าอีกนิดหน่อย
ยังดีที่วันนั้นเราใส่กางเกงยีนส์ขายาว เสื้อแขนยาว
และตอนล้มก็โพรเทคหัวตัวเองไว้ก่อน (กลัวเสียโฉมไปมากกว่านี้)
เจ็บตัว รถพัง แต่ก็ยังขับกลับบ้านไปฟ้องแม่กับลุงกำนัลได้อยู่
ก่อนที่จะตัดสินใจไปแจ้งความในที่สุด ไปทั้งที่อยู่ในสภาพเยินๆ แบบนั้นนั่นแหละค่ะ
มาตรึกตรองทีหลังว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว เพราะไอ้โรคจิตนั่นมันก่อคดีมาหลายครั้งแล้ว
แต่บังเอิญว่าที่ผ่านมาไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และก็ไม่มีใครไปแจ้งความ มันก็เลยลอยนวลมาลวนลามคนอื่นได้แบบนี้
อันที่จริงถือว่ามันอุกอาจมากทีเดียว เพราะบริเวณที่เรารถล้มมีบ้านของคุณตำรวจกระจัดกระจายอยู่หลายหลัง
(แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เราซวยเองด้วยแหละที่ผ่านมาในจังหวะที่ไม่มีใครเดินถนนพอดี แถมเวลายังโพล้เพล้
เราสายตาสั้น ไม่ได้ใส่แว่น ยิ่งในยามที่แสงน้อยแบบนั้นก็เลยมองเห็นแบบเบลอๆ ไม่เห็นป้ายทะเบียนชัดเจน)
พอไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เรายังไม่ทำแผล เพราะต้องการให้ตำรวจ (ที่เข้าเวรในตอนนั้น)
เห็นว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะคะ เพราะมาลองคิดดูว่าหากเราแค่โดนลวนลามเฉยๆ
ไม่ได้มีบาดแผลฉกรรจ์เลือดอาบแขนไปให้ดู ตอนนี้จะจับไอ้โรคจิตคนนั้นได้ไหม
(พยายามเล่าให้ตัวเองดูเป็นฮีโร่ เพื่อกลบเกลื่อนความโง่ของตัวเอง 555)
ไม่ได้อคติกับคุณตำรวจแต่อย่างใดนะคะ
แต่ก็เพิ่งทราบตอนนั้นเองว่ามีคนบ่นมาสักพักแล้วเรื่องโรคจิตคนนี้ แต่ก็ยังจับไม่ได้ว่าเป็นใคร
เรากลับบ้านมาทำแผลด้วยความรู้สึกแค้นใจ ลามไปถึงแม่ที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ
กังวลว่าไอ้โรคจิตจะกลับมาดักอีกหรือเปล่า เพราะตอนนั้นไม่มั่นใจว่ามันตั้งใจให้เป็นเรา
หรือแค่ซวยที่ผ่านมาตอนนั้นพอดี
จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณสามเดือน
ช่วงนั้นญาติของเราที่เป็นตำรวจก็แวะมาซักถามเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย
แต่เราก็บอกอะไรไม่ได้มาก เพราะมันใส่หมวกไอ้โม่ง ตอนนั้นฟ้าสลัวและก็เกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันได้เห็นป้ายทะเบียนรถ
บอกได้แค่ว่า น่าจะเป็นรถฮอนด้าเวฟ จากที่เห็นแว้บๆ และเสียงรถมันก็เบามาก ตอนที่มันประกบมาใกล้ๆ
ตอนนั้นเราไม่ได้ยินเสียงเลย มารู้ตัวตอนที่มันใกล้จนสามารถเอื้อมมือมาแตะหน้าอกได้แล้ว ตอนนั้นโมโหมาก
แต่มาตอนนี้ก็นึกแล้วขำนะคะ อยากจะถามมันเหมือนกันว่า มันฟินเหรอ? จับไปก็เจอแต่ฟองน้ำ 555
ถัดจากนั้นไม่นาน ญาติของเราก็โทรมาบอกว่าจับได้แล้ว สะดวกมาชี้ตัวหรือเปล่า
ตอนนั้นเราได้งานทำแล้วและกำลังยุ่ง ก็เลยถามไปว่าจำเป็นมากไหม
ญาติเราบอกกลับมาว่า ก็ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่
เพราะตอนที่จับได้ก็เพราะมันกลับมาก่อคดีอีกครั้ง คราวนี้มีพลเมืองดีช่วยน้องผู้หญิงคนนั้นไว้
ได้ข่าวว่าไอ้โรคจิตนั่นถูกพลเมืองดีซ้อมซะน่วมตอนโดนจับส่งตำรวจ
สมน้ำหน้ามัน 555 (เคืองแต่ไม่แค้น ท่องไว้ๆ)
เค้าเล่าให้ฟังอีกว่า ผู้ชายคนนี้เก็บกด เพราะแต่งงานกับผู้หญิงอายุมากกว่า ประมาณนี้แหละค่ะ
แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะ โรคจิตก็คือโรคจิต มันก็โทษนั่นนี่ กลบเกลื่อนความวิปริตของตัวเอง
จากเรื่องที่เกิดขึ้น ทำเอาเราผวาไปเลยค่ะ ถือว่าเป็นเรื่องถูกลวนลามที่หนักสุดแล้ว
ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอบ้าง พวกถ้ำมองประมาณนี้ แต่ไม่ใช่มาประชิดตัวอะไรแบบนี้
เราบอกตามตรงว่าเรายังเป็นสาว
(คนเหนือเค้าหมายถึงยังไม่แต่งงาน ไม่ได้หมายถึงอายุนะคะ เพราะตอนนี้ก็คงเรียกว่า สาวเหลือน้อยลงไปทุกที)
ตอนถูกลวนลามก็เลยโมโหมาก ตัดสินใจอะไรแบบไม่ได้คิด
เรื่องนี้ทำให้พี่สาวด่าเราชุดใหญ่ นางบอกว่า เป็นชั้นจะรีบจอดรถอย่างสวยๆ รีบจำป้ายทะเบียน แล้วก็แจ้งความ มันจับหน้าอกก็ปล่อยมันดิ ก็แค่จับ
พี่สาวเราแต่งงานแล้ว ดูนางปลงและไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด (-*-)?
ตอนนี้เรามานั่งคิดได้หลายประเด็นเลยค่ะ เรื่องที่จะเตือนสาวๆ ให้ระวังภัยที่ถูกคุกคามจากพวกโรคจิต
เรื่องของเรามันอาจจะไม่รุนแรง (แต่ก็ได้แผลเป็น เฮ้อ เศร้า…)
แต่หากเป็นเคสอื่นที่เห็นกันตามข่าวทุกวันนี้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
จึงขอสรุปเป็นข้อๆ แชร์ให้สาวๆ ดังนี้ค่ะ
วิธีลดความเสี่ยงจากพวกโรคจิต
1. ต้องหัดสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวบ้าง ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ลองสังเกตดูผู้คนหรือสิ่งแวดล้อมบ้างว่ามีความปลอดภัยแค่ไหน หัดทำตัวเป็น ‘เชอร์ล็อค โฮมส์’ อย่ามัวแต่ก้มหน้ากดโทรศัพท์ เพราะภัยมันอยู่รอบตัวคุณ และมันจะมาแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวด้วย ขนาดเราที่เป็นแฟนซีรี่ย์ Criminal Mind เห็นว่าเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กมาไม่รู้กี่คดี ขนาดระวังตัวสุดๆ ระแวงสุดๆ ก็ยังเจอแบบไม่คาดคิดมาก่อน
2. หากเป็นไปได้ พยายามอย่าแต่งตัวโป๊ อันนี้จากใจจริงเลยนะคะ บอกตรงๆ ว่าสาวๆ สมัยนี้แต่งตัวหวือหวากันเหลือเกิน รู้ว่ามีดีให้โชว์ (เหมือนเพลงของใ…เ…ย ใบ้คำหน่อย กลัวโดนฟ้อง 555) แต่อยากจะบอกว่าโรคจิตมันไม่เลือกหน้าตาหรอกนะคะ ขนาดเตี้ยล่ำและแต่งตัวมิดชิดอย่างเรามันยังลวนลาม (แถเนื้อตัวเองขายเลยนะเนี่ย) ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว คนมันจะสวย ใส่อะไรก็สวยค่ะ แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ยังสวย หรืออาจจะลองปรับเปลี่ยนการแต่งตัวบ้าง จากที่ใส่สั้นก็เปลี่ยนมาใส่ยาว อาจจะกระโปรงหรือจั๊มสูท พวกสูงๆ ขายาวๆ ใส่อะไรก็สวยค่ะ แถมยังปลอดภัยกว่าด้วย
3. อย่าไว้ใจใคร แม้แต่คนรู้จักก็ตาม อยากจะบอกว่ามีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลยที่เคยถูกลวนลามจากคนใกล้ตัว อยากเตือนสาวๆ ว่าให้ระวังไว้สักหน่อย อย่าปักใจอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ เคยมีเคสคนรู้จักที่เป็นสาวห้าว (ทอมบอย) เธอไปกินเหล้ากับเพื่อนผู้ชายเพราะไว้ใจ คิดว่าอยู่ในแก็งค์เดียวกัน สุดท้ายโดนเพื่อนในวงเหล้าขืนใจ สุดท้ายโดนบังคับแต่งงานเพราะมีลูก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เลิกกัน และเธอก็กลับมาเป็นทอม มีแฟนเป็นผู้หญิง แล้วลูกล่ะ?
4. ใช้สติให้มากๆ สติมา ปัญญาเกิด เคสของเราก็อย่างที่บอกคือทำไปแบบไม่ทันได้คิด และก็ได้แผลมาแบบไม่ได้คาดคิดด้วย ไม่คุ้มหรอกค่ะที่เอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยงขนาดนั้น กับไอ้คนบ้าๆ บอๆ ไร้ประโยชน์ สู้ทำแบบที่พี่สาวของเราบอกดีกว่า ถ้าให้แนะนำ ก็คืออย่าทำแบบเราค่ะ
5. อย่าพยายามไปไหนมาไหนเพียงลำพัง เราเข้าใจหัวอกคนโสดดีค่ะ อายุขนาดเรา เพื่อนก็ไม่ค่อยว่าง ไหนจะลูก ไหนจะสามี บางคนโสดเหมือนกันแต่ก็ต้องทำงาน เวลาหยุดไม่ตรงกันอีก กินข้าวดูหนังคนเดียว สวยๆ ในที่ชุมชน สามารถทำได้ค่ะ แต่หากจำเป็นต้องไปในที่ที่มีความเสี่ยงจนเกินไป เช่น เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวต่างจังหวัด หรือต้องขับรถไปธุระในสถานที่ไม่คุ้นเคย เราแนะนำว่าควรหาเพื่อนไปด้วยนะคะ อันที่จริงเรานับถือเพื่อนๆ บางคนมากที่กล้าที่จะแบกเป้เที่ยวลุยเดี่ยวลำพัง ก็อยากจะเตือนเพื่อนๆ นักเดินทางให้ระมัดระวังให้มากๆ นะคะ
6. อย่าอาฆาตแค้น และจมอยู่กับความทุกข์นานเกินไป เพื่อนๆ บางคนอาจจะมองว่าเรื่องของเราน่ะจิ๊บๆ เพราะบางคนอาจเจอการถูกลวนลามที่รุนแรงกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวห้องแป้งที่มีแต่สวยๆ กันทั้งนั้น (แอบติดตามอยู่นะฮ้าทุกคน 555) แต่ก็อย่างที่บอกไป บางทีพวกโรคจิตมันก็ไม่ได้คัดหน้าตา แค่เป็นเพศหญิงก็พอ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าถึกๆ แล้วจะปลอดภัย ระวังตัวตลอดเวลาดีที่สุดค่ะ เราใช้เวลารักษาแผลใจอยู่หลายเดือน (ฟังดูเหมือนอกหัก) กว่าจะปลุกใจให้ตัวเองกลับมาเข้มแข็ง และหวาดระแวงเพศชายน้อยลง
7. ฝากถึงหนุ่มๆ ที่พลัดหลงเข้ามาอ่าน ไม่ใช่ว่าทุกคนเป็นคนไม่ดีหรอกนะคะ ที่เป็นสุภาพบุรุษก็มี แต่ที่เราเจอมันน้อยนิดเหลือเกิน อย่างน้อยก็มีเพื่อน (เคย) สนิทของเราคนนึงล่ะที่ยังพอทำให้เราเชื่อมั่นได้บ้าง (ตอนนี้มันมีแฟนและทอดทิ้งเพื่อนอย่างเราไปละ เฮ้อ) เราเข้าใจค่ะว่าผู้ชายมันก็มีบ้างเรื่องอารมณ์ เพราะธรรมชาติของคุณเป็นแบบนั้น แต่อยากฝากว่าอย่าไปหมกมุ่นกับมันมาก หันไปเตะบอลเหมือนที่พี่โน้สแนะนำก็ดีนะคะ 555
8. สำหรับคนที่มีคู่นะคะ ฝากถึงหนุ่มๆ ว่าช่วยดูแลสาวๆ ของคุณให้ดี อย่าคิดว่าเป็นของตาย เจอหน้ากันทุกวันแล้วไม่ไยดี อยากจะบอกว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ (แม้บางคนจะแลดูถึก อย่างเช่นเราก็ตาม) ไม่ใช่แค่ดูแลแฟน แต่ฝากไปถึงดูแลคุณแม่ คุณย่าคุณยาย พี่สาวน้องสาว หรือแม้แต่ลูกสาวของคุณให้ดี เพราะคนสมัยนี้ยากที่จะหยั่งรู้จิตใจ ส่วนถ้ามีลูกชาย สอนเค้าให้โตขึ้นมาแบบสุภาพบุรุษ (ไม่ต้องถึงกับจุฑาเทพก็ได้) ผู้ชายแบบนี้ยังเป็นที่ต้องการของสาวๆ ทุกยุคทุกสมัยนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่อดทนอ่านเรื่องของเราจนจบ
เป็นห่วงทุกคนนะค้า v(^_____^)v
แชร์ประสบการณ์ ถูกโรคจิตลวนลาม! สาวๆ พึงระวัง
ต้องบอกก่อนเลยว่าเล่นพันทิปมาเกือบจะสิบปีเห็นจะได้
เริ่มจากเข้ามาแชทในห้องเหนือ 1 ตอนนั้นอยากฝึกพิมพ์ดีด
ยังอ่านกระทู้ไม่เป็น ตอนนี้กลายเป็นเทพพิมพ์ดีดไปแล้ว ต้องขอบคุณพันทิป 555
เราเร่ร่อนเล่นอยู่หลายห้อง ไม่ได้สมัครสมาชิกเพราะไม่คิดว่าจะตั้งกระทู้อะไร
แค่อ่านของเพื่อนๆ ก็เพลินจะแย่แล้ว (แต่ได้ความรู้เพียบนะเออ)
อย่างที่บอกว่านี่เป็นกระทู้แรกในชีวิต
ก็เลยอยากจะเขียนอะไรที่มันมีสาระตอบแทนสังคม (พันทิป) สักหน่อย
(ไม่ได้ถามใครด้วยว่าอยากรู้รึเปล่า 555)
อาจจะยาวสักหน่อยนะคะ แต่อยากจะเป็นอุทธาหรณ์ให้สาวๆ
ได้ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น หรือเตือนหนุ่มๆ (ที่หลงเข้ามาอ่าน) ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอย่างเราๆ บ้าง
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณสองปีก่อน ตอนนั้นเรากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด
ลาออกจากงานบริษัทที่ทำมาเกือบสี่ปี เพราะความคิดเริ่มไม่ตรงกับผู้บริหาร ก็เลยลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้าน
ตอนนั้นอายุ 28 กะว่าค่อยมาหางานทำใกล้บ้าน ขอพักผ่อนสมองหลังจากไฟแรงตรากตรำทำงานมาหลายปี
ช่วงนั้นเราก็รับสอนพิเศษตอนเย็นไปด้วย อยากทำอะไรก็ทำ ไปวิ่งออกกำลังกายหลังจากไม่ได้วิ่งมานาน
ตามอ่านหนังสือที่อยากอ่าน ทำให้สมองโล่งที่สุด กลับมาอยู่บ้านนอก อากาศดี ผู้คนดี มีแต่เพื่อนบ้านเก่าๆ โลกสวย
แต่แล้ววันหนึ่งโลกสวยๆ (ในความคิด) ของเราก็เปลี่ยนไป วันนั้นเราขับมอเตอร์ไซด์สกู๊ตเตอร์กลับบ้าน
หลังจากที่ไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ช่วงเวลายามเย็น พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บรรยากาศกำลังโพล้เพล้
เรากำลังจะเลี้ยวเข้าปากซอยหมู่บ้าน ในขณะที่เลี้ยวนั้น เราเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะนั่งคร่อมมอเตอร์ไซด์ของเขา
ไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดนักว่าเป็นยี่ห้ออะไร แต่น่าจะเป็นฮอนด้าเวฟ ตัวสูงใหญ่ไม่อ้วนไม่ผอม เขาใส่หมวกไอ้โม่งปิดหน้า
ตอนนั้นเราไม่ได้เอะใจ เพราะตอนขับผ่านมันเป็นช่วงเวลาไม่กี่วินาที
และตอนนั้นแถวบ้านเราเค้าก็กำลังอยู่ในช่วงฤดูกาลเกี่ยวข้าว
ชาวนาส่วนใหญ่ก็ใส่หมวกไอ้โม่งกันทั้งนั้น
เราขับผ่านมาได้สัก 10 เมตร ยังไม่เอะใจอะไร
จนกระทั่งรู้สึกเหมือนมีมอเตอร์ไซด์ขับตามอยู่ข้างหลังแบบระยะประชิด
คิดในใจแว้บแรกว่า เฮ้ย! ชิดไปมั้ย
แต่ก็ไม่ทันแล้ว จังหวะที่เราหันไปมอง ไอ้บ้านั่นมันก็ขับมาประกบเราแล้ว
ก่อนที่มันจะเอื้อมมือข้างซ้ายมาจับที่หน้าอกเรา ตอนนั้นเราตกใจก่อนเลย
ก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผลในเวลาไม่ถึงวินาทีว่า
…ไอ้บ้านี่มันโรคจิตแล้วล่ะ...
หลังจากตกใจ อารมณ์โมโหก็ตามมาติดๆ เราโกรธมาก ในสมองคิดแค่ว่า ไอ้บ้านี่มันเป็นใครฟระ!
และพอคิดแบบนั้นปุ๊บ เราก็ปล่อยมือข้างขวาจากคันเร่ง แล้วเอื้อมไปคว้าชายเสื้อของมันเอาไว้
(มือซ้ายยังจับแฮนด์รถอยู่นะคะ นึกภาพออกมั้ย) เราจับเสื้อมันเอาไว้ได้ค่ะ! และก็เหมือนมันจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าทำผิด มันก็รีบบิดมอเตอร์ไซด์จะหนี
ทีนี้นึกภาพออกมั้ยคะ
หากคุณนึกภาพตามได้ถูกต้อง คุณก็จะรู้ว่าเราโง่บรรลัยแค่ไหน T^T
เพราะพอมันบิดคันเร่งหนี มันก็กระชากเราและรถไปด้วย เพราะเราปล่อยมือขวาที่จับคันเร่งไว้
(รถมันพุ่งทะยานไปข้างหน้า ส่วนรถเราค่อยๆ ชะลอตัวเพราะปล่อยคันเร่ง)
แต่ตอนนั้นเราไม่สนอะไรแล้วค่ะ โกรธมาก ล้มเป็นล้ม
ตอนนี้รู้แล้วว่าความคิดนั้น ช่างโง่เง่าซะเหลือเกิน (มาคิดได้ทีหลัง)
สุดท้ายมันหนีไปได้ ส่วนเรารถล้ม
ได้แผลเหวอะตรงแขนขวา หลังมือซ้าย และหัวเข่าอีกนิดหน่อย
ยังดีที่วันนั้นเราใส่กางเกงยีนส์ขายาว เสื้อแขนยาว
และตอนล้มก็โพรเทคหัวตัวเองไว้ก่อน (กลัวเสียโฉมไปมากกว่านี้)
เจ็บตัว รถพัง แต่ก็ยังขับกลับบ้านไปฟ้องแม่กับลุงกำนัลได้อยู่
ก่อนที่จะตัดสินใจไปแจ้งความในที่สุด ไปทั้งที่อยู่ในสภาพเยินๆ แบบนั้นนั่นแหละค่ะ
มาตรึกตรองทีหลังว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว เพราะไอ้โรคจิตนั่นมันก่อคดีมาหลายครั้งแล้ว
แต่บังเอิญว่าที่ผ่านมาไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และก็ไม่มีใครไปแจ้งความ มันก็เลยลอยนวลมาลวนลามคนอื่นได้แบบนี้
อันที่จริงถือว่ามันอุกอาจมากทีเดียว เพราะบริเวณที่เรารถล้มมีบ้านของคุณตำรวจกระจัดกระจายอยู่หลายหลัง
(แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เราซวยเองด้วยแหละที่ผ่านมาในจังหวะที่ไม่มีใครเดินถนนพอดี แถมเวลายังโพล้เพล้
เราสายตาสั้น ไม่ได้ใส่แว่น ยิ่งในยามที่แสงน้อยแบบนั้นก็เลยมองเห็นแบบเบลอๆ ไม่เห็นป้ายทะเบียนชัดเจน)
พอไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เรายังไม่ทำแผล เพราะต้องการให้ตำรวจ (ที่เข้าเวรในตอนนั้น)
เห็นว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะคะ เพราะมาลองคิดดูว่าหากเราแค่โดนลวนลามเฉยๆ
ไม่ได้มีบาดแผลฉกรรจ์เลือดอาบแขนไปให้ดู ตอนนี้จะจับไอ้โรคจิตคนนั้นได้ไหม
(พยายามเล่าให้ตัวเองดูเป็นฮีโร่ เพื่อกลบเกลื่อนความโง่ของตัวเอง 555)
ไม่ได้อคติกับคุณตำรวจแต่อย่างใดนะคะ
แต่ก็เพิ่งทราบตอนนั้นเองว่ามีคนบ่นมาสักพักแล้วเรื่องโรคจิตคนนี้ แต่ก็ยังจับไม่ได้ว่าเป็นใคร
เรากลับบ้านมาทำแผลด้วยความรู้สึกแค้นใจ ลามไปถึงแม่ที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ
กังวลว่าไอ้โรคจิตจะกลับมาดักอีกหรือเปล่า เพราะตอนนั้นไม่มั่นใจว่ามันตั้งใจให้เป็นเรา
หรือแค่ซวยที่ผ่านมาตอนนั้นพอดี
จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณสามเดือน
ช่วงนั้นญาติของเราที่เป็นตำรวจก็แวะมาซักถามเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย
แต่เราก็บอกอะไรไม่ได้มาก เพราะมันใส่หมวกไอ้โม่ง ตอนนั้นฟ้าสลัวและก็เกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันได้เห็นป้ายทะเบียนรถ
บอกได้แค่ว่า น่าจะเป็นรถฮอนด้าเวฟ จากที่เห็นแว้บๆ และเสียงรถมันก็เบามาก ตอนที่มันประกบมาใกล้ๆ
ตอนนั้นเราไม่ได้ยินเสียงเลย มารู้ตัวตอนที่มันใกล้จนสามารถเอื้อมมือมาแตะหน้าอกได้แล้ว ตอนนั้นโมโหมาก
แต่มาตอนนี้ก็นึกแล้วขำนะคะ อยากจะถามมันเหมือนกันว่า มันฟินเหรอ? จับไปก็เจอแต่ฟองน้ำ 555
ถัดจากนั้นไม่นาน ญาติของเราก็โทรมาบอกว่าจับได้แล้ว สะดวกมาชี้ตัวหรือเปล่า
ตอนนั้นเราได้งานทำแล้วและกำลังยุ่ง ก็เลยถามไปว่าจำเป็นมากไหม
ญาติเราบอกกลับมาว่า ก็ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่
เพราะตอนที่จับได้ก็เพราะมันกลับมาก่อคดีอีกครั้ง คราวนี้มีพลเมืองดีช่วยน้องผู้หญิงคนนั้นไว้
ได้ข่าวว่าไอ้โรคจิตนั่นถูกพลเมืองดีซ้อมซะน่วมตอนโดนจับส่งตำรวจ
สมน้ำหน้ามัน 555 (เคืองแต่ไม่แค้น ท่องไว้ๆ)
เค้าเล่าให้ฟังอีกว่า ผู้ชายคนนี้เก็บกด เพราะแต่งงานกับผู้หญิงอายุมากกว่า ประมาณนี้แหละค่ะ
แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะ โรคจิตก็คือโรคจิต มันก็โทษนั่นนี่ กลบเกลื่อนความวิปริตของตัวเอง
จากเรื่องที่เกิดขึ้น ทำเอาเราผวาไปเลยค่ะ ถือว่าเป็นเรื่องถูกลวนลามที่หนักสุดแล้ว
ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอบ้าง พวกถ้ำมองประมาณนี้ แต่ไม่ใช่มาประชิดตัวอะไรแบบนี้
เราบอกตามตรงว่าเรายังเป็นสาว
(คนเหนือเค้าหมายถึงยังไม่แต่งงาน ไม่ได้หมายถึงอายุนะคะ เพราะตอนนี้ก็คงเรียกว่า สาวเหลือน้อยลงไปทุกที)
ตอนถูกลวนลามก็เลยโมโหมาก ตัดสินใจอะไรแบบไม่ได้คิด
เรื่องนี้ทำให้พี่สาวด่าเราชุดใหญ่ นางบอกว่า เป็นชั้นจะรีบจอดรถอย่างสวยๆ รีบจำป้ายทะเบียน แล้วก็แจ้งความ มันจับหน้าอกก็ปล่อยมันดิ ก็แค่จับ
พี่สาวเราแต่งงานแล้ว ดูนางปลงและไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด (-*-)?
ตอนนี้เรามานั่งคิดได้หลายประเด็นเลยค่ะ เรื่องที่จะเตือนสาวๆ ให้ระวังภัยที่ถูกคุกคามจากพวกโรคจิต
เรื่องของเรามันอาจจะไม่รุนแรง (แต่ก็ได้แผลเป็น เฮ้อ เศร้า…)
แต่หากเป็นเคสอื่นที่เห็นกันตามข่าวทุกวันนี้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
จึงขอสรุปเป็นข้อๆ แชร์ให้สาวๆ ดังนี้ค่ะ
วิธีลดความเสี่ยงจากพวกโรคจิต
1. ต้องหัดสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวบ้าง ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ลองสังเกตดูผู้คนหรือสิ่งแวดล้อมบ้างว่ามีความปลอดภัยแค่ไหน หัดทำตัวเป็น ‘เชอร์ล็อค โฮมส์’ อย่ามัวแต่ก้มหน้ากดโทรศัพท์ เพราะภัยมันอยู่รอบตัวคุณ และมันจะมาแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวด้วย ขนาดเราที่เป็นแฟนซีรี่ย์ Criminal Mind เห็นว่าเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กมาไม่รู้กี่คดี ขนาดระวังตัวสุดๆ ระแวงสุดๆ ก็ยังเจอแบบไม่คาดคิดมาก่อน
2. หากเป็นไปได้ พยายามอย่าแต่งตัวโป๊ อันนี้จากใจจริงเลยนะคะ บอกตรงๆ ว่าสาวๆ สมัยนี้แต่งตัวหวือหวากันเหลือเกิน รู้ว่ามีดีให้โชว์ (เหมือนเพลงของใ…เ…ย ใบ้คำหน่อย กลัวโดนฟ้อง 555) แต่อยากจะบอกว่าโรคจิตมันไม่เลือกหน้าตาหรอกนะคะ ขนาดเตี้ยล่ำและแต่งตัวมิดชิดอย่างเรามันยังลวนลาม (แถเนื้อตัวเองขายเลยนะเนี่ย) ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว คนมันจะสวย ใส่อะไรก็สวยค่ะ แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ยังสวย หรืออาจจะลองปรับเปลี่ยนการแต่งตัวบ้าง จากที่ใส่สั้นก็เปลี่ยนมาใส่ยาว อาจจะกระโปรงหรือจั๊มสูท พวกสูงๆ ขายาวๆ ใส่อะไรก็สวยค่ะ แถมยังปลอดภัยกว่าด้วย
3. อย่าไว้ใจใคร แม้แต่คนรู้จักก็ตาม อยากจะบอกว่ามีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลยที่เคยถูกลวนลามจากคนใกล้ตัว อยากเตือนสาวๆ ว่าให้ระวังไว้สักหน่อย อย่าปักใจอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ เคยมีเคสคนรู้จักที่เป็นสาวห้าว (ทอมบอย) เธอไปกินเหล้ากับเพื่อนผู้ชายเพราะไว้ใจ คิดว่าอยู่ในแก็งค์เดียวกัน สุดท้ายโดนเพื่อนในวงเหล้าขืนใจ สุดท้ายโดนบังคับแต่งงานเพราะมีลูก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เลิกกัน และเธอก็กลับมาเป็นทอม มีแฟนเป็นผู้หญิง แล้วลูกล่ะ?
4. ใช้สติให้มากๆ สติมา ปัญญาเกิด เคสของเราก็อย่างที่บอกคือทำไปแบบไม่ทันได้คิด และก็ได้แผลมาแบบไม่ได้คาดคิดด้วย ไม่คุ้มหรอกค่ะที่เอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยงขนาดนั้น กับไอ้คนบ้าๆ บอๆ ไร้ประโยชน์ สู้ทำแบบที่พี่สาวของเราบอกดีกว่า ถ้าให้แนะนำ ก็คืออย่าทำแบบเราค่ะ
5. อย่าพยายามไปไหนมาไหนเพียงลำพัง เราเข้าใจหัวอกคนโสดดีค่ะ อายุขนาดเรา เพื่อนก็ไม่ค่อยว่าง ไหนจะลูก ไหนจะสามี บางคนโสดเหมือนกันแต่ก็ต้องทำงาน เวลาหยุดไม่ตรงกันอีก กินข้าวดูหนังคนเดียว สวยๆ ในที่ชุมชน สามารถทำได้ค่ะ แต่หากจำเป็นต้องไปในที่ที่มีความเสี่ยงจนเกินไป เช่น เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวต่างจังหวัด หรือต้องขับรถไปธุระในสถานที่ไม่คุ้นเคย เราแนะนำว่าควรหาเพื่อนไปด้วยนะคะ อันที่จริงเรานับถือเพื่อนๆ บางคนมากที่กล้าที่จะแบกเป้เที่ยวลุยเดี่ยวลำพัง ก็อยากจะเตือนเพื่อนๆ นักเดินทางให้ระมัดระวังให้มากๆ นะคะ
6. อย่าอาฆาตแค้น และจมอยู่กับความทุกข์นานเกินไป เพื่อนๆ บางคนอาจจะมองว่าเรื่องของเราน่ะจิ๊บๆ เพราะบางคนอาจเจอการถูกลวนลามที่รุนแรงกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวห้องแป้งที่มีแต่สวยๆ กันทั้งนั้น (แอบติดตามอยู่นะฮ้าทุกคน 555) แต่ก็อย่างที่บอกไป บางทีพวกโรคจิตมันก็ไม่ได้คัดหน้าตา แค่เป็นเพศหญิงก็พอ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าถึกๆ แล้วจะปลอดภัย ระวังตัวตลอดเวลาดีที่สุดค่ะ เราใช้เวลารักษาแผลใจอยู่หลายเดือน (ฟังดูเหมือนอกหัก) กว่าจะปลุกใจให้ตัวเองกลับมาเข้มแข็ง และหวาดระแวงเพศชายน้อยลง
7. ฝากถึงหนุ่มๆ ที่พลัดหลงเข้ามาอ่าน ไม่ใช่ว่าทุกคนเป็นคนไม่ดีหรอกนะคะ ที่เป็นสุภาพบุรุษก็มี แต่ที่เราเจอมันน้อยนิดเหลือเกิน อย่างน้อยก็มีเพื่อน (เคย) สนิทของเราคนนึงล่ะที่ยังพอทำให้เราเชื่อมั่นได้บ้าง (ตอนนี้มันมีแฟนและทอดทิ้งเพื่อนอย่างเราไปละ เฮ้อ) เราเข้าใจค่ะว่าผู้ชายมันก็มีบ้างเรื่องอารมณ์ เพราะธรรมชาติของคุณเป็นแบบนั้น แต่อยากฝากว่าอย่าไปหมกมุ่นกับมันมาก หันไปเตะบอลเหมือนที่พี่โน้สแนะนำก็ดีนะคะ 555
8. สำหรับคนที่มีคู่นะคะ ฝากถึงหนุ่มๆ ว่าช่วยดูแลสาวๆ ของคุณให้ดี อย่าคิดว่าเป็นของตาย เจอหน้ากันทุกวันแล้วไม่ไยดี อยากจะบอกว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ (แม้บางคนจะแลดูถึก อย่างเช่นเราก็ตาม) ไม่ใช่แค่ดูแลแฟน แต่ฝากไปถึงดูแลคุณแม่ คุณย่าคุณยาย พี่สาวน้องสาว หรือแม้แต่ลูกสาวของคุณให้ดี เพราะคนสมัยนี้ยากที่จะหยั่งรู้จิตใจ ส่วนถ้ามีลูกชาย สอนเค้าให้โตขึ้นมาแบบสุภาพบุรุษ (ไม่ต้องถึงกับจุฑาเทพก็ได้) ผู้ชายแบบนี้ยังเป็นที่ต้องการของสาวๆ ทุกยุคทุกสมัยนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่อดทนอ่านเรื่องของเราจนจบ
เป็นห่วงทุกคนนะค้า v(^_____^)v