จุดยืนของสตาร์ในราชันชุดขาว

ตามประสาเรอัล มาดริด รวย ใหญ่คับฟ้าทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด แต่ถ้าเป็นการบริหารแบบสโมสรที่ไม่ติดลมบนป่านเห็นทีต้องซี้ม่องเท่งเอาเชือกผูกเพดานแขวนคอกันไปแล้ว จั่วหัวชวนคุยขึ้นมาก็เชื่อว่าหลายคนคงรู้ว่าผมกำลังพูดถึงประเด็นอะไร กระนั้นก็ต้องยอมรับนะครับว่ากว่าจะสั่งสมบารมีสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้มันต้องใช้เวลาและความสำเร็จที่พอกพูน

แชมป์ ลา ลีกา สเปน 32 สมัย, โกปา เดล เรย์ 19 ครั้ง, ซูเปอร์โกปา อีก 9 หน ไหนจะยูโรเปี้ยน คัพ สูงสุด 10 สมัย ไม่รวมถึงถ้วยอื่นๆ อย่างสโมสรโลก และหลากหลายโทรฟี่อีก

ขนาดทุกวันนี้หลายทีมพยายามจะก้าวขึ้นมาบังรัศมี เรอัล มาดริด แม้กระทั่ง บาร์เซโลน่า คู่แข่งภาพรวมเรื่องการตลาดก็ยังเป็นรองอยู่นิดๆ ส่วนพวกเศรษฐีหน้าใหม่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เชลซี ถึงจะเริ่มได้รับความนิยมแต่เรื่องศักดิ์ศรีก็ยังเป็นรองสุดกู่

รึจะอย่าง โมนาโก หรือ เปแอสเช ไหนว่าแน่ๆ เงินถุงเงินถังพอหยั่งเชิงกันแล้วก็รู้ทันทีว่าใครแข็งกว่า

เพราะพะยี่ห้อของราชันชุดขาวมันไม่ใช่แค่ว่าเงินหนาอย่างเดียวหากแต่บารมีถึง ขนาดที่ว่าต่อให้นักเตะคนไหนไปอยู่ที่รวยแล้วครั้นมาดริดทาบทามมาเป็นตัวอ่อนเหมือนถูกขี้ผึ้งลนไฟทุกที

มาดริดทำได้อย่างไรกับการสร้างความคิดเข้าไปฝังหัวสตาร์ทุกยุคทุกสมัยว่า "ชีวิตหนึ่งในการเล่นอาชีพสูงสุดคือการเล่นให้ เรอัล มาดริด"

เราจึงเห็นทุกครั้งที่นักเตะย้ายไปอยู่มาดริดแล้วจะพูดว่าความฝันเป็นจริง

อย่างไรก็ดีการจ่ายเงินมหาศาลชนิดแทบไม่ต้องคิดของมาดริดแบบนี้ก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่าถ้าไม่บ้าก็เมาล่ะครับเพราะทีมอื่นนี่เค้าต้องมีการทำงบบัญชีกันจ้าละหวั่นเพื่อไม่ให้ติดตัวเลขสีแดง ซื้อมาก็ต้องขายไป

บางคนเถียงว่า ซื้อมาขายไป มาดริด ก็ทำเหมือนกัน อันนั้นก็ถูกแต่มีอย่างที่ไหนส่วนใหญ่ซื้อมาแพงขายไปถูกตลอด ผิดกับบางทีมต้องซื้อกะเก็งเพื่ออนาคตมาใช้ประโยชน์ได้ไม่พอเวลาขายอย่างน้อยๆ ต้องได้ทุนคืน ขาดทุนก็ไม่มาก หรือไม่ก็กำไรไปเลย

ฉะนั้นในเรื่องแบบนี้ก็มีไม่กี่ทีมหรอกครับที่จะทำได้

ต่อให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ เชลซี, แมนซิตี้ ที่ว่าเงินหนาแน่ๆ ถึงตอนนี้ทำอะไรก็ยังต้องคิด เสี่ยหมี เองก็มีติดเบรกหลายยกโดยเฉพาะช่วงหลังเน้นการซื้อดาวรุ่งอนาคตไกลมาเป็นส่วนใหญ่ไม่ใช่คว้าตอนที่พีกแล้ว แถมเน้นเนื่องการดันเยาวชนขึ้นสู่ชุดใหญ่ด้วย

ยิ่งถ้าเป็นลิเวอร์พูลยิ่งต้องรัดเข็มขัดเข้าไปใหญ่กว่าจะจ่ายเงินแต่ละเพนต์ แต่ละปอนด์ ต้องดีดลูกคิดหนักเราจึงเห็นว่าการลงตลาดของหงส์แดงในช่วงหลังกว่าจะได้นักเตะสักคนแฟนๆ ต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก โดยกำหนดว่าค่าตัวต้องสมเหตุสมผล ที่สำคัญจุดที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในดีลก็คือนักเตะคนนั้นมีใจอยากมา ไม่อย่างนั้นก็เห็นเป็นรองชาวบ้านทุกทีถ้าต้องเปิดศึกแข่งกันแบบหมัดต่อหมัด

มาดริด ถ้าจัดเป็นเศรษฐีก็ถือว่ากล้าเสี่ยงพอดู ขาใหญ่ทีเดียวในตลาด ด้วยชื่อที่ติดและความสำเร็จที่มีมาต่อเนื่อง บางปีอาจจั่วลม แต่ส่วนใหญ่ก็มีแชมป์ติดมือแทบทุกปี เล็กบ้างใหญ่บ้าง หรือบางปีก็เหมาพวง ยิ่งคว้าแชมเปี้ยนลีกในฤดูกาลล่าสุดได้ด้วยเลยยิ่งเนื้อหอมเข้าไปกว่าเดิมอีก

แต่ปัญหาของทีมก็คือแม้จะใส่ใจทีมเยาวชนทว่าเด็กของมาดริดก็ดันขึ้นมายากแล้วในทุกวันนี้ซึ่งผิดกับ บาร์เซโลน่า ที่ยังพอมีช่องให้ยืนให้หายใจกันบ้าง ปี หรือสองปีสักคนสองคน ส่วนมาดริด อย่าง อัลบาโร่ โมราต้า ขนาดยิงแหลกในทีมชุดเล็กของสเปนจนเป็นแชมป์แต่สุดท้ายก็ไม่มีที่ว่างต้องปล่อยให้กับ ยูเวนตุส นี่ถ้า เฆเซ่ ไม่เดี้ยงหนักเผลอๆ อาจโดนโละด้วย ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า เพราะสโมสรนำโดยท่านประธาน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เป็นพวกบ้ายี่ห้อ กาแลคติกอส ตอนนี้จะเข้ารุ่นที่สามแล้ว
บางตัวที่ มาดริด คว้ามาในตลาดซัมเมอร์นี้ดูแล้วดีอย่าง โทนี่ โครส ซึ่งเข้ามาตัดเกมในระบบของ คาร์โล อันเชลอตติ ที่วางไว้ 4-2-3-1


ก็เข้าใจนะครับว่าพอทีมประสบความสำเร็จแล้วอาจจำต้องโละนักเตะส่วนเกินออกไปบ้างบางคนวัยอาจแก่เกินแกง บางคนเรื่องของไฟ และบางคนต้องชิงขายไม่เช่นนั้นราคาจะตกแบบครึ่งต่อครึ่งมากกว่านี้ อย่าง ซามี่ เคดิร่า หรือ ชาบี อลอนโซ่ เชื่อว่าอย่างน้อยๆ ต้องมีคนใดคนหนึ่งไปจริงๆ เช่นกันกับ อังเคล ดิ มาเรีย ไม่ใช่ว่าอยู่กับ มาดริด แล้วไม่มีประโยชน์แต่ตอนนี้สโมสรหันไปขายนักเตะใหม่แล้ว

ฟุตบอลทุกวันนี้เป็นธุรกิจ มันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด เสี่ยงมากหรือน้อยไม่รู้แต่รู้ว่าอยู่แบบจ่อมจมกับที่ระดับยี่ห้อของมาดริดทำไม่ได้ต้องปรับโน่นเปลี่ยนนี่เพื่อสร้างกระแสเลี้ยงธุรกิจตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นเลยว่าการคว้าตัว ฮาเมส โรดริเกซ ถ้าเป็นสโมสรอื่นที่มี อีสโก้ อยู่แล้วคงไม่บ้าจ่ายเงินถึง 60 ล้านปอนด์ หรือสามพันกว่าล้านดึง ฮาเมส มาอีกด้วยว่าสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกัน

อย่างตอนที่คว้า อีสโก้ จากมาลาก้า แม้จะจ่ายไม่มากเท่าทว่ามาดริดก็ตามล่าไม่เว้นวันอยู่ๆ ตอนนี้ทำท่าเหมือนจะไม่เห็นค่าจนมีข่าวลือว่าจะโละทิ้งมี เรือใบ ที่มีอดีตเจ้านายเก่า มานูเอล เปเยกรีนี่ กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งมีเงินหนาจากการขาย หลุยส์ ซัวเรซ มาให้ความสนใจ

ฮาเมส เล่นตัวรุกได้ทั้งหมดในระบบของ คาร์โล อันเชลอตติ ซึ่งก็ไม่ต่างจาก อีสโก้ แต่ซีซั่นก่อน อีสโก้ ก็เป็นแค่ตัวสำรองซึ่งในความเป็นจริงถ้าไปอยู่ทีมอื่นเขาสามารถเป็นตัวจริงได้อย่างสบายๆ


ซึ่งถ้าดูการจัดทัพในตำแหน่งตัวรุก ฮาเมส ใส่เบอร์ 10, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เบอร์ 7, แกเร็ธ เบล เบอร์ 11, คาริม เบนเซม่า ที่เล่นหน้าเป้า เบอร์ 9 ส่วน โทนี่ โครส ตัวใหม่ใส่เบอร์ 8 ก็จะเห็นว่านี่คือแนวรุกเหยียบ 15,000 ล้านบาท เพราะค่าตัวทุกคนรวมกันสูงถึง 275 ล้านปอนด์ทีเดียว

กลางรับปีนี้จึงน่าจะออกมาที่ ลูก้า โมดริช คู่กับ โทนี่ โครส เพราะชาบี วัยก็ดาวน์ลงไป ส่วน เคดิร่า กำลังจะขายทิ้ง สามตัวรุก โรนัลโด้, ฮาเมส และ เบล มี เบนเซม่า เป็นหน้าเป้า เห็นแล้วก็น่าทึ่ง

กระนั้นถ้าเป็น อีสโก้ นึกภาพแล้วเจ้าตัวก็คงน้อยใจน่าดูถ้าไม่คิดว่าตัวเองอายุยังน้อยแถมค่าเหนื่อยที่ได้รับจากสโมสรก็ฟู่ฟ่า หลายคนที่อยู่บางคนอายุมากแล้วแต่อยู่มาดริดเพราะไม่ต้องลงเล่น ไม่บอบช้ำนั่งนับเงินก็เพลินแล้วเหมือนกับ สตีฟ แม็คมานามาน ในช่วงหนึ่งเข้าโรงหมอมากกว่าอยู่ในสนามแต่เคยติดอันดับนักเตะเศรษฐีของโลกก็แล้วกัน

การคว้าฮาเมสเรื่องตอบโจทย์ผลงานในสนามยังพูดไม่ได้แต่ตอนนี้ก็เรื่องความดังของเขาจากฟุตบอลโลกที่คว้ารางวัลดาวซัลโว และลูกยิงสุดสวยที่สุดก็ทำให้กระแสของหมอนี่ฟีเวอร์ถึงขนาดขายเสื้อ 900 ตัวในหนึ่งชั่วโมงเกลี้ยงสโตร์ก็แล้วกัน กระแสมันเลยไม่ต่างจากตอนคว้า เดวิด เบ็คแฮม มาจนโดนสื่อหลายสำนักค่อนขอดว่าซื้อมาเพราะเอามาเป็นนายแบบขายเสื้อมากกว่า

มาดริด คงไม่สนใจอะไรเพราะค่าตอบแทนของ ฮาเมส ขนาดยังไม่ลงสนามก็พอที่จะทำให้เริ่มถอนทุนได้แล้ว สปอนเซอร์ และการขายลิขสิทธิ์ต่างๆ รวมถึงเสื้อ กับ สินค้าที่ระลึกตรงนั้นมูลค่าเด้งกลับมาอีกเท่าไหร่ เพียงแต่ฮาเมสถ้าไปอยู่ทีมอื่นก็คงไม่ทำเงินมากขนาดนี้

ฉะนั้นสำหรับการตลาดของมาดริดจึงเป็นอะไรที่น่าอิจฉาไม่ใช่ว่าทุกทีมจะเลียนแบบกันได้ง่ายๆ จริงอยู่ฟุตบอลมีวัฎจักรเหมือนกราฟที่พุ่งสูงสุดก็ต้องมีจุดตกต่ำ แต่เคสของมาดริดเป็นอะไรที่น่าศึกษาเพราะยังค้างอยู่บนจุดสูงสุดได้นาน หรือเวลาตกก็ไม่รวดเร็ว ครั้นตกแล้วก็ใช้เวลาไม่นานในการดีดตัวขึ้นมาอยู่แถวหน้าใหม่ได้

ด้วยเหตุนี้การเป็นนักเตะของเรอัล มาดริด หลายคนจึงเข้าใจดีว่าถ้าได้เล่นก็จะเป็นบุญโข แต่ถ้าไม่ได้เล่นหรือลงบ้างไม่ลงบ้างส่วนใหญ่ก็แทบไม่โวยวายอะไรเพราะอยู่ในสโมสรที่ดีที่สุดในโลกทุกด้านไปแล้ว

อย่างไรก็ดีสำหรับนักเตะบางคนอาจมีความทะเยอทะยานกว่านั้นเมื่อถึงจุดหนึ่งถ้ายังอยู่ในช่วงอายุน้อยอยู่ ฝีเท้าสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล บางทีการโกยเงินอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบเพราะการตอบแทนความทะยานอยากในการได้ลงเล่นสม่ำเสมอเป็นตัวจริงและนำทีมประสบความสำเร็จ คือสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าใช่มากกว่า

ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าแม้ซีซั่นนี้ "อีสโก้" จะไม่ย้ายแต่ซีซั่นหน้าเขาก็น่าจะต้องหอบกระเป๋าสู่โลกที่กว้างกว่าเพื่อหาคำตอบให้กับความต้องการสูงสุดของการเป็นนักเตะ เฉกเช่น เมซุต โอซิล ซึ่งไปอยู่กับอาร์เซน่อล

ขณะเดียวกัน "ฮาเมส" เองถ้าวันหนึ่งต้องตกอยู่ในสภาพของ "อีสโก้" ก็อาจต้องเลือกทางออกในอีกรอบเดียวกัน

ส่วน เรอัล มาดริด นั้นพวกเขาใหญ่พอที่จะไม่ง้อใคร
เพราะนโยบายของพวกเขา "จ่ายหนัก" โดยไม่จำเป็นต้อง "รับผิดชอบ"

ขอบคุณ เต็ก บางจาก

Cr:http://www.ssballthai.in.th/boards/topic/1091928

ผ่านไปเห็นพอดี เนื้อหาถูกใจผมหลายอย่าง โดยเฉพาะประโยค "จ่ายหนัก" โดยไม่จำเป็นต้อง "รับผิดชอบ" นี่ใช่เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่