คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
เวลาดูโฆษณาอวยนมผง ไม่ได้คิดว่าเด็กที่ดูงงๆก๊งๆคิดอะไรไม่ออกคนนั้นโง่หรอกนะ ตรงกันข้าม รู้สึกว่า "เออ ไอ้นี่มันเด็กปกติ" แต่ไอ้ที่เด็กฉลาดเว่อร์ๆ แก้ปัญหายังกะแม็กไกเวอร์นั่นแหละ ที่มันไม่ปกติ!!!
ก็แหม คิดดูดิ หน้าเด็กมันอายุแค่เท่าไหร่ มีทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้เป็นคุ้งเป็นแควปานนั้น ยกตัวอย่าง โฆษณาเอาแผ่นกระดาษทึบไปบังสปอตไลท์ ฉายไฟกลายเป็นดาว เอิ่มมม อายุขนาดนั้น อิฉันยังปีนต้นไม้ เล่นวิ่งไล่จับอยู่เลย อย่างเก่งก็แบ่งขนมกับเพื่อนเป็น นับตังค์หมูออมสินได้ วางแผนรวมกลุ่มจับด้วงกว่าง เลี้ยงแมงทับได้ แค่นั้น เจ้าหนูนี่มันแอ๊ดวานซ์ขนาดนี้ มันต้องเป็นญาติไอสไตน์แหงๆ
แล้วโฆษณางานแต่งที่นักดนตรีไม่มาแล้วจู่ๆเด็กโผล่ไปดีดพิณแก้วนำ้ โห คิดแก้ปัญหาได้ฉับไวมากเลยนะคะ ไหนจะอยู่ๆก็ลุกขึ้นมาดีดพิณในงานใครก็ไม่รู้ ไหนจะเสกแก้วนำ้ที่มีปริมาณนำ้ขนาดต่างๆกันออกมาได้ในพริบตาราวกับมีมนต์วิเศษ ของอย่างนี้เด็กลุกขึ้นมาทำคนเดียวไม่ได้หรอก มันเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการ วางแผน
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง อิฉันต้องคิดว่า เอิ่ม หนูเป็นคนวางยานักดนตรีใช่ไหมคะลูก หรืออิแม่มันทำเพื่อสร้างโอกาสให้ลูกเกิด (อิแม่จ้างบ๋อยหยอดยานักดนตรี และแอบเตรียมแก้วนำ้ไว้หลังเวที) ลำพังปาฏิหาริย์นมผงทำไม่ได้เด็ดๆ เรื่องซับซ้อนขนาดนี้มันต้องเป็นซันซิลค์ โค-ครีเอชั่น ระดมสมองกันวางแผนแล้วสร้างให้เกิด
แต่โฆษณาเด็กพูดภาษาต่างด้าวได้เราเฉยๆนะ คิดถึงหลักความเป็นจริงว่า ท่านพ่อท่านแม่ที่บ้านอาจสื่อสารด้วยภาษาต่างประเทศ เรียนกวดวิชากับอิหนูเหม่ยเหรินหยู โตมาในสังคมพหุวัฒนธรรม ฯลฯ มันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในโลกความเป็นจริง ถามว่า เด็กอายุเท่านั้นพูดภาษาต่างประเทศได้ฉลาดไหม ก็ฉลาด แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ความสามารถทางภาษาเกิดจากการเลียนแบบ ไม่ได้ดูฉลาดเกินอายุจนผิดปกติ และคงไม่ได้เป็นปาฏิหาริย์นมผงแน่ๆ แต่นมผงอาจเป็นอาหารเสริมที่อาป๊าอาม้าเสิร์ฟระหว่างติวลูกฟุดฟิดฟอไฟ
ก็แหม คิดดูดิ หน้าเด็กมันอายุแค่เท่าไหร่ มีทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้เป็นคุ้งเป็นแควปานนั้น ยกตัวอย่าง โฆษณาเอาแผ่นกระดาษทึบไปบังสปอตไลท์ ฉายไฟกลายเป็นดาว เอิ่มมม อายุขนาดนั้น อิฉันยังปีนต้นไม้ เล่นวิ่งไล่จับอยู่เลย อย่างเก่งก็แบ่งขนมกับเพื่อนเป็น นับตังค์หมูออมสินได้ วางแผนรวมกลุ่มจับด้วงกว่าง เลี้ยงแมงทับได้ แค่นั้น เจ้าหนูนี่มันแอ๊ดวานซ์ขนาดนี้ มันต้องเป็นญาติไอสไตน์แหงๆ
แล้วโฆษณางานแต่งที่นักดนตรีไม่มาแล้วจู่ๆเด็กโผล่ไปดีดพิณแก้วนำ้ โห คิดแก้ปัญหาได้ฉับไวมากเลยนะคะ ไหนจะอยู่ๆก็ลุกขึ้นมาดีดพิณในงานใครก็ไม่รู้ ไหนจะเสกแก้วนำ้ที่มีปริมาณนำ้ขนาดต่างๆกันออกมาได้ในพริบตาราวกับมีมนต์วิเศษ ของอย่างนี้เด็กลุกขึ้นมาทำคนเดียวไม่ได้หรอก มันเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการ วางแผน
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง อิฉันต้องคิดว่า เอิ่ม หนูเป็นคนวางยานักดนตรีใช่ไหมคะลูก หรืออิแม่มันทำเพื่อสร้างโอกาสให้ลูกเกิด (อิแม่จ้างบ๋อยหยอดยานักดนตรี และแอบเตรียมแก้วนำ้ไว้หลังเวที) ลำพังปาฏิหาริย์นมผงทำไม่ได้เด็ดๆ เรื่องซับซ้อนขนาดนี้มันต้องเป็นซันซิลค์ โค-ครีเอชั่น ระดมสมองกันวางแผนแล้วสร้างให้เกิด
แต่โฆษณาเด็กพูดภาษาต่างด้าวได้เราเฉยๆนะ คิดถึงหลักความเป็นจริงว่า ท่านพ่อท่านแม่ที่บ้านอาจสื่อสารด้วยภาษาต่างประเทศ เรียนกวดวิชากับอิหนูเหม่ยเหรินหยู โตมาในสังคมพหุวัฒนธรรม ฯลฯ มันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในโลกความเป็นจริง ถามว่า เด็กอายุเท่านั้นพูดภาษาต่างประเทศได้ฉลาดไหม ก็ฉลาด แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ความสามารถทางภาษาเกิดจากการเลียนแบบ ไม่ได้ดูฉลาดเกินอายุจนผิดปกติ และคงไม่ได้เป็นปาฏิหาริย์นมผงแน่ๆ แต่นมผงอาจเป็นอาหารเสริมที่อาป๊าอาม้าเสิร์ฟระหว่างติวลูกฟุดฟิดฟอไฟ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมโฆษณา นมผงสำหรับเด็ก ต้องทำให้เด็กคนหนึ่ง "ฉลาด" ขั้นเทพ ในขณะที่ ทำให้เด็กคนหนึ่ง "โง่" บัดซบ ไปเลย