นักจิตวิทยาชี้ ... แท้จริงแล้ว "ความหึงหวง" ไม่ใช่ "ความรัก"

"ความหึงหวง" ไม่ได้เกิดจากความรัก
แต่เกิดจากอารมณ์ผสมผสานระหว่างเจ็บปวดเสียใจ โกรธ กลัว
เป็นการรับรู้ว่ากำลังจะสูญเสียคนรัก

ความหึงหวงมี 2 แบบ คือ
1) รู้ว่ามีบุคคลที่สามแทรกในความสัมพันธ์
2) หวาดระแวงไปเอง ทั้งที่คู่ของคุณไม่ได้มีพฤติกรรมนอกใจใดๆ

ความหึงหวงของชายและหญิงต่างกันไปคนละแบบ :
ช. = จะเป็นทุกข์ร้อนหากรับรู้ว่าหญิงไปนอกกายกับชายอื่น
เช่น ส่งสายตาหวานซึ้ง ควงแขน ไปจนถึงการมี sex ฯลฯ
ญ. = จะเดือดเนื้อร้อนใจเมื่อรู้ว่าชายปันใจให้หญิงอื่น
เช่น คุยเล่นหัวเราะคิกคักกัน ใส่ใจสาวอื่นจนออกนอกหน้า ฯลฯ

การแสดงออกว่าหึงหวง :
- ผู้ที่มองตัวเองในทางบวก (คนมองโลกแง่ดี)
จะใช้คำพูดไม่สุภาพกับคู่รัก ปิดประตูกระแทก ไประบายลงกับสิ่งของ
- ผู้ที่มองตัวเองในด้านลบ (คนมองโลกแง่ร้าย)
จะตบตี ลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายคู่รัก ไปถึงฆ่า อย่างที่พบในข่าวบ่อยๆ

ทำไมบางคนมีนิสัยขี้หึงรุนแรง?
- เกิดจากความสัมพันธ์แบบพึ่งพาโดยคนคนเดียว
- คนที่ไม่มีตัวเลือกอื่นใด
ขณะพวกไม่หึงคิดว่าหากขาดเขา เรายังมีคนอื่นมาแทนได้

จุดแตกหักของความหึงหวง :
ญ. = จะทำท่าทีละเลย เพิกเฉย เย็นชาต่อคู่รักของตน
และพยายามพัฒนาตัวเอง ให้ดีขึ้น ด้วยหวังว่าคนรักกลับมามองตน
ช. = มักหันไปจีบหญิงอื่นแทน เพื่อแก้แค้น

ภูมิคุ้มกันอาการหึงหวง
1) สร้างรูปแบบความผูกพันให้มั่นคง ชัดเจนในความสัมพันธ์
2) ไม่เป็นคนหมกมุ่น หรือมองตัวเองทางลบ อย่าพยายามคิดไปเอง
3) ไม่หวาดหวั่นต่อคำพูดต่างๆจากคนนอก หากวิตกให้ถามเจ้าตัวทันที
4) หัดพึ่งตนเอง

เพิ่มเติม :
มีงานวิจัยของนักจิตวิทยาสังคม พบว่า
คู่รักกว่า 2 ใน 3 ระบุ เคย"ตั้งใจ"ที่จะกระทำให้คู่รักหึงหวงตน
ถ้าเขาหึงคุณ แม้จะมากไป แสดงว่าเขายังให้ความสำคัญกับคุณอยู่
หากไม่ชอบ หรือรำคาญ ก็ควรพูดบอกกันตรงๆ แต่ไม่หยาบไม่แรง ว่า
ไม่ชอบนะ อย่าทำแบบนี้อีก หันหน้ามาพูดจาคุยกัน จะได้เคลียร์กันไป


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

CREDIT: https://th-th.facebook.com/psytu/posts/467233503318826
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่