Solar Rooftop กลายเป็นกระแสให้ได้เฮขึ้นมาทันที หลังจากมีข่าวดีจากกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมว่า การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ Solar Rooftop ที่มีกำลังการผลิตไม่เกิน 1 เมกะวัตต์ ไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ส่วนกำลังผลิตที่มากกว่านั้นจะต้องดำเนินการขอใบ รง.4 กับกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามเดิม
นั่นหมายความว่า… นับจากนี้จะมีผู้ที่สนใจหันมาติดตั้งSolar Rooftop ในบ้านที่อยู่อาศัยและในธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้น
การพัฒนาพลังงานทดแทนกำลังได้รับความสนใจและถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดการพัฒนาเศรษฐกิจจากผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product-GDP)ซึ่งในส่วนของนโยบายภาครัฐมีความชัดเจนว่าจะมีการพัฒนาพลังงานทดแทนจากปัจจุบันที่เติบโตอยู่ประมาณ 23 % ให้ก้าวไปถึง 29% ในปี พ.ศ. 2573
นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง Solar Cell ลงทุนอย่างไรให้เหมาะสม ที่ไบเทค บางนา ถึงก้าวต่อไปของ Solar Rooftop ว่า ในภาพรวมเรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทนที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานแสงอาทิตย์นั้น ประเทศไทยมีความล้ำหน้ากว่าประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน และหากเทียบในระดับสังคมโลกก็อยู่ในระดับกลาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในประเทศไทยมีศักยภาพสูง และจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือจากภาคเอกชนในการเดินหน้าพัฒนาต่อไปในรูปแบบต่างๆ โดยปัจจุบันการส่งเสริมด้านพลังงานทดแทนเป็น Mega Trends ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ทั้งการพัฒนา Biomass / Biogas หรือพลังงานลม รวมไปถึงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar สำหรับประเทศไทยมีเป้าหมายในการพัฒนาพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง จากที่เคยกำหนดไว้ที่ 500 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้นถึง 3500 เมกะวัตต์
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะสังเกตได้ว่าค่าไฟฟ้ามีการปรับตัวขึ้นประมาณ 30 % และจากการสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าพบว่ามีปริมาณลดลง ส่งผลให้อนาคตประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ดังนั้น Solar Rooftop จึงกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
หากมองไปถึงเรื่องของราคาค่าไฟฟ้าปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.96 บาท ต่อหน่วย แต่หากมีการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านพักอาศัยก็สามารถขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐได้ในราคา 6.96 บาท ส่วนธุรกิจขนาดเล็กราคา 6.55 บาท และธุรกิจขนาดกลางราคา 6.16 บาท ตลอดระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้ยังมีนโยบาย การส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วยคือ1 ชุมชน 1 เมกะวัตต์ เพื่อยกระดับรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์เป็น Mega Trends ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจจึงมีการพัฒนารูปแบบต่าง ๆ ของ Solar Cell ออกมา ล่าสุดสหรัฐอเมริกามีแนวคิดในทำ Solar Roadway โดยกระทรวงขนส่งของสหรัฐฯ ได้ให้งบประมาณในการศึกษาวิจัย ซึ่งในอนาคตพื้นผิวถนนจะทำด้วย Solar ทั้งหมดเพื่อนำพลังงานความร้อนและแรงสั่นสะเทือนที่ได้ไปใช้เพื่อการผลิตไฟฟ้า เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่มีการพัฒนาและมีอัตราการเติบโตของการใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น อาทิ ประเทศจีน เติบโตอยู่ที่ 500 % ญี่ปุ่น300 % และเยอรมนี 200%
หลังจากนี้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ในเมืองไทยเป็นเรื่องที่ต้องจับตา เพราะศักยภาพในการผลิตพลังงานมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งโอกาสในการพัฒนากระบวนการและเทคโนโลยียังมีอยู่มาก นอกจากนี้การพัฒนาพลังงานทดแทนของภาครัฐมีเป้นหมายที่ชัดเจน ประกอบกับภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะลงทุน รวมไปถึงธนาคารต่าง ๆ เริ่มมีความเข้าใจในธุรกิจนี้มากขึ้น จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ในประเทศไทยสามารถเติบโตได้ตามเทรนด์ของโลก
ที่มา : hunt-magazine
MegaTrend พลังงานทางเลือกเพื่อชีวิต Solar Rooftop
นั่นหมายความว่า… นับจากนี้จะมีผู้ที่สนใจหันมาติดตั้งSolar Rooftop ในบ้านที่อยู่อาศัยและในธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้น
การพัฒนาพลังงานทดแทนกำลังได้รับความสนใจและถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดการพัฒนาเศรษฐกิจจากผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product-GDP)ซึ่งในส่วนของนโยบายภาครัฐมีความชัดเจนว่าจะมีการพัฒนาพลังงานทดแทนจากปัจจุบันที่เติบโตอยู่ประมาณ 23 % ให้ก้าวไปถึง 29% ในปี พ.ศ. 2573
นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง Solar Cell ลงทุนอย่างไรให้เหมาะสม ที่ไบเทค บางนา ถึงก้าวต่อไปของ Solar Rooftop ว่า ในภาพรวมเรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทนที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานแสงอาทิตย์นั้น ประเทศไทยมีความล้ำหน้ากว่าประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน และหากเทียบในระดับสังคมโลกก็อยู่ในระดับกลาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในประเทศไทยมีศักยภาพสูง และจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือจากภาคเอกชนในการเดินหน้าพัฒนาต่อไปในรูปแบบต่างๆ โดยปัจจุบันการส่งเสริมด้านพลังงานทดแทนเป็น Mega Trends ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ทั้งการพัฒนา Biomass / Biogas หรือพลังงานลม รวมไปถึงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar สำหรับประเทศไทยมีเป้าหมายในการพัฒนาพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง จากที่เคยกำหนดไว้ที่ 500 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้นถึง 3500 เมกะวัตต์
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะสังเกตได้ว่าค่าไฟฟ้ามีการปรับตัวขึ้นประมาณ 30 % และจากการสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าพบว่ามีปริมาณลดลง ส่งผลให้อนาคตประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ดังนั้น Solar Rooftop จึงกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
หากมองไปถึงเรื่องของราคาค่าไฟฟ้าปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.96 บาท ต่อหน่วย แต่หากมีการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านพักอาศัยก็สามารถขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐได้ในราคา 6.96 บาท ส่วนธุรกิจขนาดเล็กราคา 6.55 บาท และธุรกิจขนาดกลางราคา 6.16 บาท ตลอดระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้ยังมีนโยบาย การส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วยคือ1 ชุมชน 1 เมกะวัตต์ เพื่อยกระดับรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์เป็น Mega Trends ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจจึงมีการพัฒนารูปแบบต่าง ๆ ของ Solar Cell ออกมา ล่าสุดสหรัฐอเมริกามีแนวคิดในทำ Solar Roadway โดยกระทรวงขนส่งของสหรัฐฯ ได้ให้งบประมาณในการศึกษาวิจัย ซึ่งในอนาคตพื้นผิวถนนจะทำด้วย Solar ทั้งหมดเพื่อนำพลังงานความร้อนและแรงสั่นสะเทือนที่ได้ไปใช้เพื่อการผลิตไฟฟ้า เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่มีการพัฒนาและมีอัตราการเติบโตของการใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น อาทิ ประเทศจีน เติบโตอยู่ที่ 500 % ญี่ปุ่น300 % และเยอรมนี 200%
หลังจากนี้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ในเมืองไทยเป็นเรื่องที่ต้องจับตา เพราะศักยภาพในการผลิตพลังงานมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งโอกาสในการพัฒนากระบวนการและเทคโนโลยียังมีอยู่มาก นอกจากนี้การพัฒนาพลังงานทดแทนของภาครัฐมีเป้นหมายที่ชัดเจน ประกอบกับภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะลงทุน รวมไปถึงธนาคารต่าง ๆ เริ่มมีความเข้าใจในธุรกิจนี้มากขึ้น จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ในประเทศไทยสามารถเติบโตได้ตามเทรนด์ของโลก
ที่มา : hunt-magazine