สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องอยากระบาย และอยากจะขอความเห็น ว่าเราควรทำยังไงดีค่ะ
เราอยู่กับตายายมาตั้งแต่เด็กยันโตค่ะ ตายายเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูเรา โดยที่แม่มีครอบครัวใหม่และมีน้องให้เราอีกคน พ่อเราก็มีครอบครัวใหม่มีน้องอีกคน พ่อไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูเราเลยค่ะ ตั้งแต่แม่แยกทางมา พ่อก็เหมือนหายสาบสูญไปจากชีวิตเราเลยค่ะ ไม่เคยติดต่อมา ไม่เคยแม้แต่จะมาเหลียวแลเลยค่ะ เราเคยที่จะพยายามติดต่อทางจดหมายไปหาพ่อตามที่อยู่ในใบเกิด แต่ไม่มีคนรับจดหมายค่ะ ถูกส่งตีกลับมาทุกฉบับ แม่ก็ส่งเสียเราเรียนจนจบ ม.3 พอจบเราก็อยากจะเรียนทางด้านสายอาชีพ เรียนได้ปีกว่าค่ะ แม่เริ่มที่จะส่งไม่ไหวเพราะน้องก็จะขึ้น ม.1 เราเลยเลือกที่จะออกมาทำงาน ตอนนั้นเรายอมรับเลยค่ะ ว่าเราเป็นเด็กดื้อ ขาดความอบอุ่น จนได้มาเจอแฟนคนปัจจุบัน เราเลือกที่จะมาอยู่ด้วยกัน เขาทำงานช่วยกับเก็บเงินพอที่จะผ่อนมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งค่ะ เจ้านายที่ทำงานเขาเห็นแฟนเราขยันทำงานดี เขาก็สนับสนุนให้เรียนต่อ กศน.ทั้งคู่ค่ะ เราก็ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเมียแกทำกับข้าวงานบ้าน เงินเดือนเราสองคนไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำค่ะ แต่อยู่ได้พอส่งรถ ส่งให้ทางบ้าน แล้วก็เกิดเรื่องค่ะ จู่ๆพ่อก็มาตามหาเราค่ะ ทั้งๆที่สิบกว่าปีมานี่เขาไม่เคยติดต่อมาค่ะ (ซึ่งหลังจากที่เราย้ายมาอยู่กับเขาเราได้ถามเหตุผลไป เขาบอกเขาไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ และดูแลค่ะ ) เขาก็ทิ้งเบอร์โทรไว้ที่บ้านยายเราค่ะ ยายให้เบอร์เขากับเรา ตัดสินใจอยู่นานค่ะ ว่าจะโทรหาเขาดีไหม ตัดสินใจเกือบเดือนเลยค่ะ เลยติดต่อเขาไป ความคิดในตอนนั้นแค่อยากจะเจอหน้า อยากจะทานข้าวกับเขาสักมื้อแค่นั้นค่ะ เขาก็ถามสาระทุกข์-สุขไปแล้วก็วางหูไป หลังจากนั้นอีกประมาณสัก2อาทิตย์ เขาก็ติดต่อมาอีกค่ะ เขาอยากให้เราไปทำงานอยู่กับเขาอีกจังหวัดหนึ่ง เขาให้เหตุผลว่าอย่างน้อยเป็นลูกน้องของเขา ก็ดีกว่าไปเป็นลูกน้องของคนอื่นค่ะ ในตอนนั้นเราก็คล้อยตามเขา เพราะเราอยากจะอยู่ใกล้เขา อยากจะตอบแทนบุญคุณเขาบ้าง อีกอย่างที่จะมาอยู่ก็ใกล้บ้านเรามากขึ้น คิดว่าอย่างน้อยกลับบ้านก็ไม่เสียเงินเยอะเหมือนที่อยู่ปัจจุบันในตอนนั้น เรากับแฟนก็ตัดสินใจย้ายมาค่ะ โดยเขาเช่าหอให้เราอยู่ค่ะ ไม่ได้ให้เขาไปอยู่ในบ้านเขา ด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านที่เขาอยู่ อยู่กันหลายคนค่ะ ไม่มีที่ให้อยู่ เราก็ตกลงเพราะเราก็ไม่สะดวกใจที่จะเข้าไปยุ่งกับครอบครัวใหม่เขาอยู่แล้ว ก็เลยอยู่หอกัน เขาให้แฟนเราฝึกงานกับช่างหลายๆคน คือคนไหนทำงานเร่งก็ให้แฟนเราไปช่วยแล้วคิดเงินรายวันกับช่าง แต่ให้แฟนเราเป็นเดือน เงินเดือนรวมกัน2คนก็เยอะกว่าที่เดิมไม่มากเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็เสียค่าหอ ค่ากินเอง ในตอนนั้นเราก็โอเคไม่เป็นไร ทนได้ ส่วนเราพ่อให้ทำบัญชีให้เขา ซึ่งเราบอกเขาเราไม่ได้ชอบงานเกี่ยวกับตัวเลขนะ แต่เราทำได้ เราคลุกคลีกับคนงานเพราะแฟนเราทำงาน เราว่างก็ลงไปช่วยบ้าง คุยด้วยบ้าง มีช่วงหนึ่งที่โรงงานเกิดการระบาดของยาเสพติด และขโมยของไปขาย แฟนเราเห็นแต่ไม่กล้าที่จะบอก เราเลยเลือกที่เป็นคนจะบอกพ่อ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเขาไม่เชื่อ แล้วคิดว่าเราอิจฉาคนอื่น มีต่อค่ะ
พ่อใครเป็นแบบพ่อของเราบ้าง
เราอยู่กับตายายมาตั้งแต่เด็กยันโตค่ะ ตายายเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูเรา โดยที่แม่มีครอบครัวใหม่และมีน้องให้เราอีกคน พ่อเราก็มีครอบครัวใหม่มีน้องอีกคน พ่อไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูเราเลยค่ะ ตั้งแต่แม่แยกทางมา พ่อก็เหมือนหายสาบสูญไปจากชีวิตเราเลยค่ะ ไม่เคยติดต่อมา ไม่เคยแม้แต่จะมาเหลียวแลเลยค่ะ เราเคยที่จะพยายามติดต่อทางจดหมายไปหาพ่อตามที่อยู่ในใบเกิด แต่ไม่มีคนรับจดหมายค่ะ ถูกส่งตีกลับมาทุกฉบับ แม่ก็ส่งเสียเราเรียนจนจบ ม.3 พอจบเราก็อยากจะเรียนทางด้านสายอาชีพ เรียนได้ปีกว่าค่ะ แม่เริ่มที่จะส่งไม่ไหวเพราะน้องก็จะขึ้น ม.1 เราเลยเลือกที่จะออกมาทำงาน ตอนนั้นเรายอมรับเลยค่ะ ว่าเราเป็นเด็กดื้อ ขาดความอบอุ่น จนได้มาเจอแฟนคนปัจจุบัน เราเลือกที่จะมาอยู่ด้วยกัน เขาทำงานช่วยกับเก็บเงินพอที่จะผ่อนมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งค่ะ เจ้านายที่ทำงานเขาเห็นแฟนเราขยันทำงานดี เขาก็สนับสนุนให้เรียนต่อ กศน.ทั้งคู่ค่ะ เราก็ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเมียแกทำกับข้าวงานบ้าน เงินเดือนเราสองคนไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำค่ะ แต่อยู่ได้พอส่งรถ ส่งให้ทางบ้าน แล้วก็เกิดเรื่องค่ะ จู่ๆพ่อก็มาตามหาเราค่ะ ทั้งๆที่สิบกว่าปีมานี่เขาไม่เคยติดต่อมาค่ะ (ซึ่งหลังจากที่เราย้ายมาอยู่กับเขาเราได้ถามเหตุผลไป เขาบอกเขาไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ และดูแลค่ะ ) เขาก็ทิ้งเบอร์โทรไว้ที่บ้านยายเราค่ะ ยายให้เบอร์เขากับเรา ตัดสินใจอยู่นานค่ะ ว่าจะโทรหาเขาดีไหม ตัดสินใจเกือบเดือนเลยค่ะ เลยติดต่อเขาไป ความคิดในตอนนั้นแค่อยากจะเจอหน้า อยากจะทานข้าวกับเขาสักมื้อแค่นั้นค่ะ เขาก็ถามสาระทุกข์-สุขไปแล้วก็วางหูไป หลังจากนั้นอีกประมาณสัก2อาทิตย์ เขาก็ติดต่อมาอีกค่ะ เขาอยากให้เราไปทำงานอยู่กับเขาอีกจังหวัดหนึ่ง เขาให้เหตุผลว่าอย่างน้อยเป็นลูกน้องของเขา ก็ดีกว่าไปเป็นลูกน้องของคนอื่นค่ะ ในตอนนั้นเราก็คล้อยตามเขา เพราะเราอยากจะอยู่ใกล้เขา อยากจะตอบแทนบุญคุณเขาบ้าง อีกอย่างที่จะมาอยู่ก็ใกล้บ้านเรามากขึ้น คิดว่าอย่างน้อยกลับบ้านก็ไม่เสียเงินเยอะเหมือนที่อยู่ปัจจุบันในตอนนั้น เรากับแฟนก็ตัดสินใจย้ายมาค่ะ โดยเขาเช่าหอให้เราอยู่ค่ะ ไม่ได้ให้เขาไปอยู่ในบ้านเขา ด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านที่เขาอยู่ อยู่กันหลายคนค่ะ ไม่มีที่ให้อยู่ เราก็ตกลงเพราะเราก็ไม่สะดวกใจที่จะเข้าไปยุ่งกับครอบครัวใหม่เขาอยู่แล้ว ก็เลยอยู่หอกัน เขาให้แฟนเราฝึกงานกับช่างหลายๆคน คือคนไหนทำงานเร่งก็ให้แฟนเราไปช่วยแล้วคิดเงินรายวันกับช่าง แต่ให้แฟนเราเป็นเดือน เงินเดือนรวมกัน2คนก็เยอะกว่าที่เดิมไม่มากเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็เสียค่าหอ ค่ากินเอง ในตอนนั้นเราก็โอเคไม่เป็นไร ทนได้ ส่วนเราพ่อให้ทำบัญชีให้เขา ซึ่งเราบอกเขาเราไม่ได้ชอบงานเกี่ยวกับตัวเลขนะ แต่เราทำได้ เราคลุกคลีกับคนงานเพราะแฟนเราทำงาน เราว่างก็ลงไปช่วยบ้าง คุยด้วยบ้าง มีช่วงหนึ่งที่โรงงานเกิดการระบาดของยาเสพติด และขโมยของไปขาย แฟนเราเห็นแต่ไม่กล้าที่จะบอก เราเลยเลือกที่เป็นคนจะบอกพ่อ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเขาไม่เชื่อ แล้วคิดว่าเราอิจฉาคนอื่น มีต่อค่ะ