ขอเล่าก่อนนะคะ ว่าสาเหตุที่ต้องให้คนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านก็เนื่องจากว่าคุณย่าเราท่านป่วยค่ะ เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง(กระดูกผุและหัก)
จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นครั้งที่ 3 และด้วยอายุที่มาก(78ปี) ร่างกายจึงไม่สามารถฟื้นตัวหรือกลับมาดีหรือเดินได้แบบคนปกติ และต้องพาไปทำกายภาพอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ด้วยเหตุนี้เอง.. ที่บ้านเราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างคนอื่นมาดูแลค่ะ เพื่อแบ่งเบาภาระเราค่ะ และก็นำมาซึ่งปัญหาทั้งหมดทั้งมวล...
ย่าเราได้เข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่เมื่อช่วงประมาณเดือนต.ค.ปี55 ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งย่าน เสียค่าผ่าตัดไปก็หลายแสนอยู่ค่ะ ซึ่งบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอกค่ะ ค่ารักษาพยาบาลก็คือเงินเก็บของปู่กับย่าตั้งแต่สมัยก่อนก็ต้องถูกถอนเอาส่วนนี้ออกมาใช้จนหมด
และหลังจากนั้นวันที่ออกจากรพ.ที่บ้านเราเลยมีมติว่าจะจ้างคนมาดูแลย่าเราเนื่องจากว่าปู่เค้าก็แก่มากแล้ว เราก็เรียน(ราม)ด้วย แต่เราก็ต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าว ดูแลเรื่องในบ้านทั้งหมด ทุกคนในบ้านกลัวว่าเราจะเหนื่อยเลยจ้างคนมาดูแลย่าเราด้วยเงินเดือน 12,000 บาท ดูแลเฉพาะคนป่วยเช็ดตัวย่าเรา เช้าเย็น พาไปหาหมอทำกายภาพสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ท่อนบนย่าเราสามารถดูแลตัวเองได้ทั้งหมดเหมือนคนปกติ แต่ท่อนล่างขยับได้มีความรู้สึกแต่ว่าเดินไม่ได้ T.T ส่วนซักเสื้อผ้าและงานอย่างอื่นทั้งหมดในบ้านเราเป็นคนทำค่ะ งานดูแลคนป่วยบ้านเรามีแค่นี้จริงๆค่ะ จะบอกว่าสบายมากสำหรับเรา ถ้าไม่มีเรื่องงานบ้านเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำเสร็จก็ลงไปนอนย่าเรายังไม่ว่าเลยค่ะ
แต่ก็ไม่รู้ทำไมนะคะว่าอยู่กันไม่ทน เรายังจำได้เลยค่ะ คนแรกจ้างมาจากศูนย์นิสัยขี้ขโมย ชอบขโมยของในตู้เย็นของเรากินบ่อยๆ เราก็เฉยๆค่ะ พอช่วงหลังๆ เหมือนกับว่าที่บ้านเราเอาใจเค้ามากไปเค้าเลยเหลิงคิดว่าทุกคนจะต้องง้อเค้า(ซึ่งเธอคิดผิด) ย่าเราใช้อะไรก็ไม่อยากทำ เถียงย่าเราค่ะ เผอิญวันนั้นเราเข้ามาได้ยินเค้าด่าย่าเรา เราเลยเดือดมากเราขึ้นเสียงดังไล่เค้าออกไปจากบ้าน เค้าร้องไห้เลยค่ะ คือเราอดทนดูพฤติกรรมของนางมาสักพักนึงแล้วล่ะหลายๆเรื่อง ย่าบอกเราเวลาย่าเราปวดอึนางก็พยายามจะไม่ล้าง หลีกเลี่ยง และไม่ให้ย่าเรากินย่าถ่ายค่ะ เพราะนางไม่ชอบมาล้างขี้ ซึ่งไม่มีใครชอบ
แต่ในเมื่อเป็นหน้าที่เรา เค้าจ้างเรามาอ่ะ เราก็ต้องทำไม่ใช่หรอ แต่นางก็ไม่ทำค่ะ
คนที่สองเป็นเด็กนศ.ค่ะ ทำงานดีใช้ได้เลยแต่นางติดคุยโทรศัพท์ ติดแฟนซึ่งก็เรื่องส่วนตัวค่ะ อันนี้เราจะไม่ยุ่ง แต่ว่าตีหนึ่งตีสองนี้นางก็คุยนะคะ คือถ้าจะคุยกันนานขนาดนี้แนะนำให้เอาสามีเข้ามาอยู่ด้วยเลยมั้ย(นึกในใจ) พอย่าเราเรียกตอนกลางคืนนางก็หงุดหงิดเอาอารมณ์มาลงกับคนป่วย หลังๆนางก็ออกไปเองค่ะ บอกอยากไปพักผ่อน ทำงานเบื่อและเครียด
คนที่ 3-6 อยู่ได้ไม่ถึงอาทิตย์ค่ะ มีปัญหาครอบครัวต้องกลับบ้านต่างจังกลหวัดผัวไปมีเมียน้อย อีกคนก็อุ้มย่าไม่ไหวปวดหลังขอไม่ทำ บางคนเข้ามาแล้วก็ออกเลยค่ะ ก็ไม่รู้สินะ
ซึ่งเราก็ต้องหาคนใหม่ต่อไป ซึ่งหายากมากกกก
คนที่ 5 คนนี้ได้มาจากศูนย์จักรินทร์สะพานใหม่ค่ะ เป็นคนที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเจอมา เราหาเค้ามาจากกูเกิ้ลซึ่งก็ไม่ได้เสิร์ชดูประวัติก่อนว่าศูนนี้มันอะไรยังไง เราโทรไปหาเค้าตอนเช้าค่ะ ตอนบ่ายเค้าเอาคนมาส่งให้ซึ่งเจ้านายเค้าก็ดูดีนะคะ ดูทำอะไรมีหลักมีฐานค่ะ ดูน่าเชื่อถือ เราจ่ายเงินมัดจำไปก่อน 12,000 ค่ะ จากนั้นก็เริ่มงานทันที
และคนของเค้าก็เฮงซวยห่วยจิ๊บหายยย คือแบบบบบ ขี้ขโมย(อีกแล้วค่ะ) นมของเราแช่ไว้ในตู้เย็น ขนมปังเอย อะไรที่แช่ไว้นางกินเรียบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นี่คนหรือตัวเฮียอะไรวะ เปลือกขนมกินตรงไหนก็ทิ้งมันตรงนั้นและไม่คิดที่จะเก็บ เราเข้าไปในห้องที่เก็บกระเป๋าของใช้นาง มดเต็มอ่ะ ซึ่งเราก็ต้องมาเก็บมันใช่เรื่องมั้ยย เงินย่าเราใสกระปุกออมสินไว้มีเงินประมาณ 500 กว่าบาททั้งเหรียญทั้งแบงค์ (กระป๋องปิดทึบซึ่งไม่รู้ว่ามันใช่อะไรงัด) มารู้ตอนหลังจากที่ออกจากบ้านเราไปแล้ว 1 วัน
หลังจากนั้นนางทำทุกอย่างให้เราทนไม่ไหวค่ะ ไม่รู้ว่ามันเป็นการตลาดของมันกับนายมันรึเปล่านะ ที่ส่งคนห่วยๆมาเพื่อหลอกลวงคนอีกเป็นจำนวนมากเพื่อเอาเงินมัดจำ และเราก็ทนมันไม่ได้จริงๆค่ะ เลยไล่ออกจากบ้าน โดยหารู้ไม่ค่ะ ว่าเงินมัดจะที่เสียไปทั้งหมดจะไม่มีทางได้คืน สารตะแล้วก็ประมาณ 5000 ซึ่งผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืนค่ะ โทรไปไม่รับหลายๆรอบก็ปิดเครื่องเลยค่ะ ไม่อยากไปฟ้องตำรวจค่ะ รู้ๆกันอยู่นะ อาจเสียเงินฟรี คือคิดแล้วมันม่คุ้มก็เลยปล่อยไปค่ะ แม้แต่พ่อเราเป็นทนายเค้ายังไม่ฟ้องเลยค่ะ พ่อบอกเสียทั้งเงินทั้งเวลาเลยไม่อยากยุ่งค่ะ
และคนสุดท้ายค่ะ คือคนปัจจุบันที่อาศัยอยู่บ้านเราตอนนี้ ซึ่งตอนแรกก็ดีนะคะ มาแรกๆนี่ทำทุกอย่างจนเราเกรงใจเลยค่ะ จนเราต้องออกปากบอกไม่ต้องหรอกพี่ จ้างมาดูแลคนป่วยเรื่องบ้านไม่ต้องทำหรอกหนูทำเองได้ และก็ดีอยู่แค่เดือนเดียวแหละค่ะ หลังๆก็ออกปีกออกลาย เราทำกับข้าวเสร็จยังไม่เคยมาช่วยตักเลยค่ะ ไปนั่งคุยโทรศัพท์รอเราเรียกทุกวัน เราก็เออทนๆ หลังๆมานี้เริ่มเล่นตัวค่ะ รู้ว่าเราต้องเอาใจเค้าเพื่อให้เค้าอยู่กับเรานานๆ แต่ก็นะหาเรื่องให้ไม่เว้นแต่ละวัน ย่าเราพูดบอกอะไรก็เถียงตลอด และเรื่องคุยโทรศัพท์นะคุยทั้งวัน ย่าเราบอกว่าพาไปทำกายภาพเค้าก็ทิ้งย่าเราให้อยู่กับนักกายภาพส่วนตัวเค้าไปโทรศัพท์ เอิ่มมม
อยู่กับย่าเราก็ด่าเราให้ย่าเราฟังว่าเราอ่ะขี้เกียจ ทั้งวันเอาแต่เล่นคอม เล่นเกม งานการอย่างอื่นในบ้านไม่หยิบไม่จับ น้องก็ด้วยพอกันเลยสองคนนี้อ่ะ เห็นแล้วก็เหนื่อยแทน ด้วยเหตุนี้ไงเค้าถึงไม่อยากมีลูก นั่นคือสิ่งที่เค้าเล่าให้ย่าเราฟังและย่าเราก็มาเล่าให้เราฟังวันนี้ ซึ่งวันนี้นางลาหยุดงาน คือดีอ่ะ
อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย นินทาเจ้านายแม่มเลย เราเลยเล่าให้ย่าเราฟังว่าเค้าก็มาด่าย่าลับหลังให้หนูฟังเหมือนกันแหละ เราก็เลยเล่าให้ย่าฟัง
ย่าเรากระจ่างเลยค่ะ เราก็บอกว่าย่าอดทนหน่อยนะ เดี๋ยวหนูหาคนให้ย่าใหม่ คือเราจิตตกกับคนคนนี้มากอ่ะ เราไม่คิดเลยว่าต่อหน้าเรานี่เค้าดีมากเลยนะ แต่กับคนอื่นเค้าเอาไปพูดอีกอย่างนึง ขนาดเจ้านายเก่าเค้า เรายังเคยได้ยินเค้านินทานายเก่าให้ย่าเราฟังอยู่บ่อยๆ เออคนแบบนี้มันมีอยู่ในสังคมนี้เยอะจริงๆนะเออ
สิ่งนึงที่เราจะบอกคือชีวิตคุณจะไม่มีทางดีกว่านี้ได้เลย แม้แต่คนที่มีบุณคุณให้ข้าวคุณกิน ให้ที่อยู่อาศัย ให้เงินเดือนคุณใช้ คุณยังนินทาด่าได้ เตือนไว้นะคะ ไปทำงานที่ไหนอย่านินทานายเก่าให้นายใหม่ฟัง อย่าทำดีโดยการกดหัวคนอื่นขึ้นไป มันไม่เท่ห์!!! คนจะดีต้องดีด้วยตัวของตัวเอง จำไว้
ปล.ใครเคยมีคนที่ดูแลคนป่วยดีๆบอกหน่อยนะคะ หลังไมค์มาก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
เมื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติ เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านและปั่นหัวคนในครอบครัว เราจะจัดการอย่างไรดีคะ
จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นครั้งที่ 3 และด้วยอายุที่มาก(78ปี) ร่างกายจึงไม่สามารถฟื้นตัวหรือกลับมาดีหรือเดินได้แบบคนปกติ และต้องพาไปทำกายภาพอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ด้วยเหตุนี้เอง.. ที่บ้านเราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างคนอื่นมาดูแลค่ะ เพื่อแบ่งเบาภาระเราค่ะ และก็นำมาซึ่งปัญหาทั้งหมดทั้งมวล...
ย่าเราได้เข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่เมื่อช่วงประมาณเดือนต.ค.ปี55 ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งย่าน เสียค่าผ่าตัดไปก็หลายแสนอยู่ค่ะ ซึ่งบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอกค่ะ ค่ารักษาพยาบาลก็คือเงินเก็บของปู่กับย่าตั้งแต่สมัยก่อนก็ต้องถูกถอนเอาส่วนนี้ออกมาใช้จนหมด
และหลังจากนั้นวันที่ออกจากรพ.ที่บ้านเราเลยมีมติว่าจะจ้างคนมาดูแลย่าเราเนื่องจากว่าปู่เค้าก็แก่มากแล้ว เราก็เรียน(ราม)ด้วย แต่เราก็ต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าว ดูแลเรื่องในบ้านทั้งหมด ทุกคนในบ้านกลัวว่าเราจะเหนื่อยเลยจ้างคนมาดูแลย่าเราด้วยเงินเดือน 12,000 บาท ดูแลเฉพาะคนป่วยเช็ดตัวย่าเรา เช้าเย็น พาไปหาหมอทำกายภาพสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ท่อนบนย่าเราสามารถดูแลตัวเองได้ทั้งหมดเหมือนคนปกติ แต่ท่อนล่างขยับได้มีความรู้สึกแต่ว่าเดินไม่ได้ T.T ส่วนซักเสื้อผ้าและงานอย่างอื่นทั้งหมดในบ้านเราเป็นคนทำค่ะ งานดูแลคนป่วยบ้านเรามีแค่นี้จริงๆค่ะ จะบอกว่าสบายมากสำหรับเรา ถ้าไม่มีเรื่องงานบ้านเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำเสร็จก็ลงไปนอนย่าเรายังไม่ว่าเลยค่ะ
แต่ก็ไม่รู้ทำไมนะคะว่าอยู่กันไม่ทน เรายังจำได้เลยค่ะ คนแรกจ้างมาจากศูนย์นิสัยขี้ขโมย ชอบขโมยของในตู้เย็นของเรากินบ่อยๆ เราก็เฉยๆค่ะ พอช่วงหลังๆ เหมือนกับว่าที่บ้านเราเอาใจเค้ามากไปเค้าเลยเหลิงคิดว่าทุกคนจะต้องง้อเค้า(ซึ่งเธอคิดผิด) ย่าเราใช้อะไรก็ไม่อยากทำ เถียงย่าเราค่ะ เผอิญวันนั้นเราเข้ามาได้ยินเค้าด่าย่าเรา เราเลยเดือดมากเราขึ้นเสียงดังไล่เค้าออกไปจากบ้าน เค้าร้องไห้เลยค่ะ คือเราอดทนดูพฤติกรรมของนางมาสักพักนึงแล้วล่ะหลายๆเรื่อง ย่าบอกเราเวลาย่าเราปวดอึนางก็พยายามจะไม่ล้าง หลีกเลี่ยง และไม่ให้ย่าเรากินย่าถ่ายค่ะ เพราะนางไม่ชอบมาล้างขี้ ซึ่งไม่มีใครชอบ
แต่ในเมื่อเป็นหน้าที่เรา เค้าจ้างเรามาอ่ะ เราก็ต้องทำไม่ใช่หรอ แต่นางก็ไม่ทำค่ะ
คนที่สองเป็นเด็กนศ.ค่ะ ทำงานดีใช้ได้เลยแต่นางติดคุยโทรศัพท์ ติดแฟนซึ่งก็เรื่องส่วนตัวค่ะ อันนี้เราจะไม่ยุ่ง แต่ว่าตีหนึ่งตีสองนี้นางก็คุยนะคะ คือถ้าจะคุยกันนานขนาดนี้แนะนำให้เอาสามีเข้ามาอยู่ด้วยเลยมั้ย(นึกในใจ) พอย่าเราเรียกตอนกลางคืนนางก็หงุดหงิดเอาอารมณ์มาลงกับคนป่วย หลังๆนางก็ออกไปเองค่ะ บอกอยากไปพักผ่อน ทำงานเบื่อและเครียด
คนที่ 3-6 อยู่ได้ไม่ถึงอาทิตย์ค่ะ มีปัญหาครอบครัวต้องกลับบ้านต่างจังกลหวัดผัวไปมีเมียน้อย อีกคนก็อุ้มย่าไม่ไหวปวดหลังขอไม่ทำ บางคนเข้ามาแล้วก็ออกเลยค่ะ ก็ไม่รู้สินะ
ซึ่งเราก็ต้องหาคนใหม่ต่อไป ซึ่งหายากมากกกก
คนที่ 5 คนนี้ได้มาจากศูนย์จักรินทร์สะพานใหม่ค่ะ เป็นคนที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเจอมา เราหาเค้ามาจากกูเกิ้ลซึ่งก็ไม่ได้เสิร์ชดูประวัติก่อนว่าศูนนี้มันอะไรยังไง เราโทรไปหาเค้าตอนเช้าค่ะ ตอนบ่ายเค้าเอาคนมาส่งให้ซึ่งเจ้านายเค้าก็ดูดีนะคะ ดูทำอะไรมีหลักมีฐานค่ะ ดูน่าเชื่อถือ เราจ่ายเงินมัดจำไปก่อน 12,000 ค่ะ จากนั้นก็เริ่มงานทันที
และคนของเค้าก็เฮงซวยห่วยจิ๊บหายยย คือแบบบบบ ขี้ขโมย(อีกแล้วค่ะ) นมของเราแช่ไว้ในตู้เย็น ขนมปังเอย อะไรที่แช่ไว้นางกินเรียบ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เปลือกขนมกินตรงไหนก็ทิ้งมันตรงนั้นและไม่คิดที่จะเก็บ เราเข้าไปในห้องที่เก็บกระเป๋าของใช้นาง มดเต็มอ่ะ ซึ่งเราก็ต้องมาเก็บมันใช่เรื่องมั้ยย เงินย่าเราใสกระปุกออมสินไว้มีเงินประมาณ 500 กว่าบาททั้งเหรียญทั้งแบงค์ (กระป๋องปิดทึบซึ่งไม่รู้ว่ามันใช่อะไรงัด) มารู้ตอนหลังจากที่ออกจากบ้านเราไปแล้ว 1 วัน
หลังจากนั้นนางทำทุกอย่างให้เราทนไม่ไหวค่ะ ไม่รู้ว่ามันเป็นการตลาดของมันกับนายมันรึเปล่านะ ที่ส่งคนห่วยๆมาเพื่อหลอกลวงคนอีกเป็นจำนวนมากเพื่อเอาเงินมัดจำ และเราก็ทนมันไม่ได้จริงๆค่ะ เลยไล่ออกจากบ้าน โดยหารู้ไม่ค่ะ ว่าเงินมัดจะที่เสียไปทั้งหมดจะไม่มีทางได้คืน สารตะแล้วก็ประมาณ 5000 ซึ่งผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืนค่ะ โทรไปไม่รับหลายๆรอบก็ปิดเครื่องเลยค่ะ ไม่อยากไปฟ้องตำรวจค่ะ รู้ๆกันอยู่นะ อาจเสียเงินฟรี คือคิดแล้วมันม่คุ้มก็เลยปล่อยไปค่ะ แม้แต่พ่อเราเป็นทนายเค้ายังไม่ฟ้องเลยค่ะ พ่อบอกเสียทั้งเงินทั้งเวลาเลยไม่อยากยุ่งค่ะ
และคนสุดท้ายค่ะ คือคนปัจจุบันที่อาศัยอยู่บ้านเราตอนนี้ ซึ่งตอนแรกก็ดีนะคะ มาแรกๆนี่ทำทุกอย่างจนเราเกรงใจเลยค่ะ จนเราต้องออกปากบอกไม่ต้องหรอกพี่ จ้างมาดูแลคนป่วยเรื่องบ้านไม่ต้องทำหรอกหนูทำเองได้ และก็ดีอยู่แค่เดือนเดียวแหละค่ะ หลังๆก็ออกปีกออกลาย เราทำกับข้าวเสร็จยังไม่เคยมาช่วยตักเลยค่ะ ไปนั่งคุยโทรศัพท์รอเราเรียกทุกวัน เราก็เออทนๆ หลังๆมานี้เริ่มเล่นตัวค่ะ รู้ว่าเราต้องเอาใจเค้าเพื่อให้เค้าอยู่กับเรานานๆ แต่ก็นะหาเรื่องให้ไม่เว้นแต่ละวัน ย่าเราพูดบอกอะไรก็เถียงตลอด และเรื่องคุยโทรศัพท์นะคุยทั้งวัน ย่าเราบอกว่าพาไปทำกายภาพเค้าก็ทิ้งย่าเราให้อยู่กับนักกายภาพส่วนตัวเค้าไปโทรศัพท์ เอิ่มมม
อยู่กับย่าเราก็ด่าเราให้ย่าเราฟังว่าเราอ่ะขี้เกียจ ทั้งวันเอาแต่เล่นคอม เล่นเกม งานการอย่างอื่นในบ้านไม่หยิบไม่จับ น้องก็ด้วยพอกันเลยสองคนนี้อ่ะ เห็นแล้วก็เหนื่อยแทน ด้วยเหตุนี้ไงเค้าถึงไม่อยากมีลูก นั่นคือสิ่งที่เค้าเล่าให้ย่าเราฟังและย่าเราก็มาเล่าให้เราฟังวันนี้ ซึ่งวันนี้นางลาหยุดงาน คือดีอ่ะ
อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย นินทาเจ้านายแม่มเลย เราเลยเล่าให้ย่าเราฟังว่าเค้าก็มาด่าย่าลับหลังให้หนูฟังเหมือนกันแหละ เราก็เลยเล่าให้ย่าฟัง
ย่าเรากระจ่างเลยค่ะ เราก็บอกว่าย่าอดทนหน่อยนะ เดี๋ยวหนูหาคนให้ย่าใหม่ คือเราจิตตกกับคนคนนี้มากอ่ะ เราไม่คิดเลยว่าต่อหน้าเรานี่เค้าดีมากเลยนะ แต่กับคนอื่นเค้าเอาไปพูดอีกอย่างนึง ขนาดเจ้านายเก่าเค้า เรายังเคยได้ยินเค้านินทานายเก่าให้ย่าเราฟังอยู่บ่อยๆ เออคนแบบนี้มันมีอยู่ในสังคมนี้เยอะจริงๆนะเออ
สิ่งนึงที่เราจะบอกคือชีวิตคุณจะไม่มีทางดีกว่านี้ได้เลย แม้แต่คนที่มีบุณคุณให้ข้าวคุณกิน ให้ที่อยู่อาศัย ให้เงินเดือนคุณใช้ คุณยังนินทาด่าได้ เตือนไว้นะคะ ไปทำงานที่ไหนอย่านินทานายเก่าให้นายใหม่ฟัง อย่าทำดีโดยการกดหัวคนอื่นขึ้นไป มันไม่เท่ห์!!! คนจะดีต้องดีด้วยตัวของตัวเอง จำไว้
ปล.ใครเคยมีคนที่ดูแลคนป่วยดีๆบอกหน่อยนะคะ หลังไมค์มาก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ