1) นายเทพมนตรีได้แอบเอาเอกสาร ลายพระราชหัตถเลขา ร.5 ไปจำนำเป็นเงิน 5 หมื่นบาท เอาเงินไปใช้ส่วนตัวโดยไม่แจ้งแก่เจ้าเจ้าของเอกสารเมื่อจำนำได้เงินไปแล้ว ยังโทรกลับไปโกหกนาย ธนา ว่า ยังคงเก็บเอกสารไว้ในที่อันควร จริงหรือไม่
2) นายเทพมนตรี ได้ออกอุบายหลอกเอาเอกสารไปจากพี่จันทร์ แล้วเอาไปเร่ขาย 4-5 ล้านบาท หวังเอากำไรเข้าตัวโดยไม่บอกพี่จันทร์ จริงหรือไม่
3) เมื่อการเเอบเร่ขายถูกจับได้ นายยังคงไม่ยอมที่จะให้พี่จันทร์เก็บเอกสารไว้แต่โดยดี ยังคงยื้อด้วยข้ออ้าง และข้อแก้ตัวต่างๆนานา เป็นเพราะ นายยัง คงเห็นเอกสารลายพระหัตถ์ ร.5 เป็นสินค้าที่จะทำเงินให้นายได้อย่างมโหฬาร หาใช่เจตนาเพื่อการรักษาสมบัติแผ่นดินโดยสุจริตจึงไม่อยากให้หลุดมือไป ใช่หรือไม่
4) นายเทพมนตรี ได้รับโอน 7 หมื่นบาท เป็นเงินค่าเอกสาร ร.5 อีกชุด ที่นายไปขอความช่วยเหลือเอาไว้ โดยอ้างว่าหากโอนเงินอีก 7 หมื่นบาทนี้ไปให้โดยเร็ว ก่อนเที่ยง ก็จะสามารถช่วยให้เอกสารไม่ต้องถูกนำออกไปนอกประเทศ เนื่องจากนายเทพมนตรีมีเงินส่วนตัวอยู่บ้างแล้ว แต่เมื่อโอนเงินไป ให้ นายเทพมนตรีกลับไม่นำไปจ่ายค่าเอกสาร แต่ได้นำเงินนั้นบินไปเที่ยวตุรกีแทน จริงหรือไม่
5) เมื่อเอกสารชุดที่พี่จันทร์เป็นเหยื่อความโกหกหลอกลวงของนายจนถูกจับโกหกได้และถูกพี่จันทร์ยึดเอกสารไว้ นายเทพมนตรี ได้ส่งข้อความไป โกหกใครอีกคนว่าเอกสารชุดนั้นถูกตำรวจยึดไป ไม่มีเอกสารนั้นอยู่อีกแล้ว จริงหรือไม่ เพราะอะไรจึงต้องทำเช่นนั้น
6) เมื่อนายเทพมนตรีได้รับการโอนเงินค่าเอกสารลายพระหัตถ์ฯ จำนวน 7 หมื่นบาทแล้ว ไม่นำไปจ่ายค่าเอกสารลายพระหัตถ์ฯ ตามที่อ้างว่าต้องเร่ง ดำเนินการด่วนก่อนที่ฝรั่งจะนำออกไปนอกประเทศ แต่กลับนำเงินนั้นไปเที่ยวตุรกี แถมปิดบังความจริงเรื่องเงิน 7 หมื่นแก่นายธนา แต่เมื่อนายธนา มาทราบความจริงภายหลัง จากปากเจ้าของเงิน และได้ทวงถามเรื่องนี้นายเทพมนตรีกลับบอกให้นายธนาเงียบเฉยไว้ก่อน แต่นายธนาไม่ยินยอม ได้ บังคับให้นายเทพมนตรีให้รีบนำเงินไปชำระค่าเอกสารลายพระหัตถ์ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์หรือไม่ก็ต้องเอาเงิน 7 หมื่นบาทนั้นไปคืนเจ้าของเงิน เสีย โดยเร็ว นายเทพมนตรีเสียหน้าและโกรธที่ถูกจับเท็จได้ นายเทพมนตรีได้โทรหาเจ้าของเงิน 7 หมื่นบาทนั้นเพื่อแก้เกี่ยว และหยั่งดูท่าทีว่าจะ มีปฎิกิริยาอย่างไร นายเทพมนตรียังได้กล่าวตำหนินายธนาให้เจ้าของเงินฟัง ว่าเงิน 7 หมื่นบาทนี้ตัวนายเทพมนตรีเป็นหนี้ ไม่ใช่นายธนาเป็นหนี้ ไม่ ควรไปยุ่งวุ่นวายบังคับนายเทพมนตรีอย่างนั้น จริงหรือไม่
7) เมื่อทนแรงกดดันจากนายธนาไม่ได้อีกทั้งเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือตนเองไว้ นายเทพมนตรีเลือกที่จะคืนเงิน 7 หมื่นบาทให้กับเจ้าของเงินแทนที่จะ ไปชำระค่าเอกสารลายพระหัตถ์ฯ เนื่องจากนายเทพมนตรีไม่เคยมีความตั้งใจที่จะใช้เงินตัวเองจ่ายค่าเอกสารฯ หวังเพียงแต่จะได้รับผลประโยชน์จาก การนี้ และเงิน 7 หมื่นที่ได้มาก็ได้เอาไปใช้ส่วนตัวหมดจนหมด นายเทพมนตรีโทรแจ้งเจ้าของเงินว่าจะทยอยคืนให้ขอเวลาหน่อย นายเทพมนตรี โอนคืนครั้งแรก 5 หมื่นบาท ขาดอีกสองหมื่นบาทได้โอนเพิ่มคืนมาให้หลังจากนั้นอีกประมาณเดือน หลังจากนายเทพมนตรี ลิมปพยอม โอนเงินอีก สองหมื่นบาทมาได้เพียงวันเดียว รุ่งขึ้นอีกวัน นายเทพมนตรีได้โทรกลับมาย้อนขอยืมเงินเขา 2 หมื่นบาท แต่ถูกปฎิเสธ จริงหรือไม่
คำถามที่ เทพมนตรี ลิมปพยอม ต้องตอบให้ได้
2) นายเทพมนตรี ได้ออกอุบายหลอกเอาเอกสารไปจากพี่จันทร์ แล้วเอาไปเร่ขาย 4-5 ล้านบาท หวังเอากำไรเข้าตัวโดยไม่บอกพี่จันทร์ จริงหรือไม่
3) เมื่อการเเอบเร่ขายถูกจับได้ นายยังคงไม่ยอมที่จะให้พี่จันทร์เก็บเอกสารไว้แต่โดยดี ยังคงยื้อด้วยข้ออ้าง และข้อแก้ตัวต่างๆนานา เป็นเพราะ นายยัง คงเห็นเอกสารลายพระหัตถ์ ร.5 เป็นสินค้าที่จะทำเงินให้นายได้อย่างมโหฬาร หาใช่เจตนาเพื่อการรักษาสมบัติแผ่นดินโดยสุจริตจึงไม่อยากให้หลุดมือไป ใช่หรือไม่
4) นายเทพมนตรี ได้รับโอน 7 หมื่นบาท เป็นเงินค่าเอกสาร ร.5 อีกชุด ที่นายไปขอความช่วยเหลือเอาไว้ โดยอ้างว่าหากโอนเงินอีก 7 หมื่นบาทนี้ไปให้โดยเร็ว ก่อนเที่ยง ก็จะสามารถช่วยให้เอกสารไม่ต้องถูกนำออกไปนอกประเทศ เนื่องจากนายเทพมนตรีมีเงินส่วนตัวอยู่บ้างแล้ว แต่เมื่อโอนเงินไป ให้ นายเทพมนตรีกลับไม่นำไปจ่ายค่าเอกสาร แต่ได้นำเงินนั้นบินไปเที่ยวตุรกีแทน จริงหรือไม่
5) เมื่อเอกสารชุดที่พี่จันทร์เป็นเหยื่อความโกหกหลอกลวงของนายจนถูกจับโกหกได้และถูกพี่จันทร์ยึดเอกสารไว้ นายเทพมนตรี ได้ส่งข้อความไป โกหกใครอีกคนว่าเอกสารชุดนั้นถูกตำรวจยึดไป ไม่มีเอกสารนั้นอยู่อีกแล้ว จริงหรือไม่ เพราะอะไรจึงต้องทำเช่นนั้น
6) เมื่อนายเทพมนตรีได้รับการโอนเงินค่าเอกสารลายพระหัตถ์ฯ จำนวน 7 หมื่นบาทแล้ว ไม่นำไปจ่ายค่าเอกสารลายพระหัตถ์ฯ ตามที่อ้างว่าต้องเร่ง ดำเนินการด่วนก่อนที่ฝรั่งจะนำออกไปนอกประเทศ แต่กลับนำเงินนั้นไปเที่ยวตุรกี แถมปิดบังความจริงเรื่องเงิน 7 หมื่นแก่นายธนา แต่เมื่อนายธนา มาทราบความจริงภายหลัง จากปากเจ้าของเงิน และได้ทวงถามเรื่องนี้นายเทพมนตรีกลับบอกให้นายธนาเงียบเฉยไว้ก่อน แต่นายธนาไม่ยินยอม ได้ บังคับให้นายเทพมนตรีให้รีบนำเงินไปชำระค่าเอกสารลายพระหัตถ์ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์หรือไม่ก็ต้องเอาเงิน 7 หมื่นบาทนั้นไปคืนเจ้าของเงิน เสีย โดยเร็ว นายเทพมนตรีเสียหน้าและโกรธที่ถูกจับเท็จได้ นายเทพมนตรีได้โทรหาเจ้าของเงิน 7 หมื่นบาทนั้นเพื่อแก้เกี่ยว และหยั่งดูท่าทีว่าจะ มีปฎิกิริยาอย่างไร นายเทพมนตรียังได้กล่าวตำหนินายธนาให้เจ้าของเงินฟัง ว่าเงิน 7 หมื่นบาทนี้ตัวนายเทพมนตรีเป็นหนี้ ไม่ใช่นายธนาเป็นหนี้ ไม่ ควรไปยุ่งวุ่นวายบังคับนายเทพมนตรีอย่างนั้น จริงหรือไม่
7) เมื่อทนแรงกดดันจากนายธนาไม่ได้อีกทั้งเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือตนเองไว้ นายเทพมนตรีเลือกที่จะคืนเงิน 7 หมื่นบาทให้กับเจ้าของเงินแทนที่จะ ไปชำระค่าเอกสารลายพระหัตถ์ฯ เนื่องจากนายเทพมนตรีไม่เคยมีความตั้งใจที่จะใช้เงินตัวเองจ่ายค่าเอกสารฯ หวังเพียงแต่จะได้รับผลประโยชน์จาก การนี้ และเงิน 7 หมื่นที่ได้มาก็ได้เอาไปใช้ส่วนตัวหมดจนหมด นายเทพมนตรีโทรแจ้งเจ้าของเงินว่าจะทยอยคืนให้ขอเวลาหน่อย นายเทพมนตรี โอนคืนครั้งแรก 5 หมื่นบาท ขาดอีกสองหมื่นบาทได้โอนเพิ่มคืนมาให้หลังจากนั้นอีกประมาณเดือน หลังจากนายเทพมนตรี ลิมปพยอม โอนเงินอีก สองหมื่นบาทมาได้เพียงวันเดียว รุ่งขึ้นอีกวัน นายเทพมนตรีได้โทรกลับมาย้อนขอยืมเงินเขา 2 หมื่นบาท แต่ถูกปฎิเสธ จริงหรือไม่