เข้าเรื่องเลยนะครับจะพยายามกระชับให้สั้น ชีวิตคู่ผมแต่งงานกันมา 10 ปีเศษก่อนแต่งก็ได้คุยกันดีแล้วว่าผมมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างเขาก็ยอมรับ ก็คบกันไม่ถึง 4 เดือนก็แต่งงานกัน ก็เห็นเรียบร้อยประวัติดีไม่เที่ยวกลางคืน ก่อนหน้านั้นผมก็ได้หย่าจากภรรยาคนแรกอยู่กันได้ 3 ปีเศษไม่ขอกล่าวถึงเดี๋ยวเรื่องจะยาวไปเอาเป็นว่าไปกันไม่รอดเนื่องจากปัญหาหลายอย่าง
ภรรยาคนที่สอง แต่งงานปีที่ 3 ก็มีลูกด้วยกัน 2 คนตอนนี้ใกล้ 9 ขวบกับ 6 ขวบต่างคนต่างทำหน้าที่ไม่มีปัญหาอะไรจนมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่ดินคือผมอยากซื้อที่อีกแปลงปลูกบ้านจะได้ใกล้บ้านแม่แต่เขาไม่ชอบ ทิ้งเวลาสักพักผมก็กลับไปสร้างที่เดิมที่ซื้อด้วยกันไว้ ก็ต่างคนต่างกู้มาร่วมกันสร้างแต่การกู้ซื้อรถยนต์/ที่ดิน แต่ละครั้งส่วนมากผมจะเป็นคนกู้มาเยอะกว่า แต่ตรงนี้ไม่ซีเรียสเป็นสินสมรสอยู่แล้ว อยู่กันมานานก็แยกกระเป๋าใช้เงินกันมาตลอด ต่างคนต่างรับผิดชอบกันไป กู้มาสร้างบ้านเขากู้ธนาคารมา 1.5 ล้านเอาไปปิดสหกรณ์ของเขาเหลือเงินประมาณ 1.2 ล้านกว่าตอนแรกบอกยอดเท่านี้ พอสร้างจริงก็ทยอยให้แต่แค่ 1 ล้าน แต่แอบเห็นเงินในบัญชี 3 แสนกว่าบอกว่าที่จะเก็บไว้ใช้จำเป็นฉุกเฉินจงใจปกปิด แต่ก็ไม่พยายามคิดอะไร ระหว่างสร้างตอนเย็นผมก็ไปดูบ้านจนค่ำมืดถึงกลับไปรดน้ำเสา/คาน คนงานก็รดบ้างไม่รดบ้างเลยไปรดเอง เขาชอบโทรถามจะกลับตอนไหน จนบ้านใกล้เสร็จก็เริ่มมีอาการเช้ามาติดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า คุยสมอลทอกล์บ้าง มีวันหนึ่งเขาเข้าเวร ก็สังหรณ์ใจเลยกลับมาไม่อยู่บ้านโทรตามก็ไม่รับโทรศัพท์ผ่านไป 10 กว่านาทีก็เข้าบ้านมาถึงก็พบสีหน้าตื่นๆ เลิ่กลั่ก พอถามก็บอกไปส่งหนังสือ พอเช็คที่หน่วยงานเขาก็พบว่าเครื่องแฟ๊กส์ใช้ได้ปกติ พอถามหลายครั้งก็หาว่าสงสัยมีร้องไห้ เวลารับโทรศัพท์ชอบเดินหนี บางทีก็ตั้งเงียบตั้งสั่น ก็เคยเปิดอกคุยกันแต่เขาไม่เคยยอมรับ และเคยบอกไปว่ามีอะไรก็เริ่มต้นกันใหม่ได้ เห็นแก่ลูกตาดำๆ อะไรไม่ดีก็อย่าไปทำ
สงสัยมานาน ยอมรับมันค้างคาในใจจนมาไม่นานนี้ผมติดก็ซื้อจีพีเอสแทรคกิ้งมาติดที่มอเตอร์ไซด์ เฝ้าติดตามมานานหลายเดือนล่าสุดได้พิกัดตามไปดูพบว่าบริเวณที่ไปเป็นที่ฝากจอดรถมีห้องให้เช่ารายวัน ถามเด็กรับรถเจ้าของสถานที่ขอดูกล้องวงจรปิดก็ใช่จริงๆ เวลาเข้าออกไล่เลี่ยกัน คนที่สงสัยก็ใช่จริงๆเป็นเจ้านายเก่าเขานั่นเอง เคยทำงานใกล้ชิดกัน และเคยค้ำประกันเงินกู้ให้พวกเขาแสดงละครได้แนบเนียนมาก เขาคงมีอะไรกันนานแล้ว แต่ผมยังไม่ได้ถามถ้าถามเขาก็คงปฏิเสธอีกกล้องในที่เกิดเหตุก็คุณภาพต่ำมากติดตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แม้แต่ทะเบียนรถก็ยังเบลอ แต่ดูก็รู้ว่ารถใครเพราะมีเอกลักษ์เฉพาะ ผมอยากจะฟ้องเอาผิดพวกเขาแต่หลักฐานมันยังอ่อนไม่มีภาพเขาเข้าห้องหรืออยู่ในห้องด้วยกัน อยากจะจ้างนักสืบก็แพงเหลือหลาย 7 วันคิดตั้ง 6 หมื่น ไม่ได้รับประกันว่าจะได้หลักฐานด้วย
ตอนนี้เขากำลังจะกู้สหกรณ์มาดาวน์รถอีก ราคาล้านกว่าบาท ทั้งที่บ้านก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อย รั้วบ้านยังไม่เสร็จ แต่ดูเหมือนเขาจะเอาให้ได้ผมก็คิดว่าผู้ชายอาจจะให้เงินทองใช้ ดาวน์รถนี่ไม่แน่ใจอาจจะให้มาเพิ่มเพราะดูเงินดาวน์แล้วไม่น่าถึง
ผมพยายามประคับประครองมาตลอด ใจเย็น ใจกว้างที่สุดแล้ว มีหลายครั้งที่ทะเลาะกันเขาก็เคยเอ่ยว่าเลิกกันเถอะ เมื่อก่อนก็ไม่แน่ใจเพิ่งมาแน่ใจเมื่อต้นเดือนนี่เองว่าเขามีอะไรกันแน่ ผมมีธงในใจแล้วล่ะแบบนี้อยู่กันไม่ได้แล้วล่ะ แต่อยากถามความเห็นประกอบการตัดสินใจครับ
ผมควรทำยังไงดี ถ้าฟ้องชู้ก็อาจจะได้เงินมาสักก้อน แต่ผมก็อาจจะอันตรายเพราะมันเป็นคนมีสี และนายมันก็เคยมีตำแหน่งใหญ่ในกองทัพซะด้วย หรือหย่าให้จบตั้งแต่ตอนนี้ รถที่เขาซื้อมาผมต้องรับผิดชอบหนี้ด้วยหรือเปล่าตอนกู้ผมก็เซ็นต์รับรู้กับสหกรณ์ด้วย แต่ที่อยากต่อเวลาออกไปอีกนิดก็เพราะต้องการหลักฐานที่ชัดเจน เขาเคยพูดว่าเคยเห็นกับตาจะๆ เหรอว่าไปมีอะไรกัน มีหลักฐานเหรอประมาณนี้ ถ้าหย่าตอนนี้ผมไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนไม่รู้จะบอกคนอื่นยังไง ตั้งแต่สร้างบ้านมาฐานะการเงินผมก็แย่มาก ตอนนี้ก็มีหนี้สหกรณ์ 2 ล้านกว่าบาทตอนนี้ผมกับภรรยาอายุก็ย่าง 44 ปีเท่ากัน รับราชการด้วยกันทั้งคู่ ผมเคยคิดว่าจะเสนอเงินส่วนที่เขาเอามาร่วมสร้างบ้านให้เขาสัก 1.5 ล้านแล้วให้เขาเก็บกระเป๋าไปดีไหม ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็คงพาลูกไปอยู่บ้านแม่ก่อน บ้านกับที่ดินตอนนี้มูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน คิดไม่ตกขอความเห็นประกอบการตัดสินใจด้วยครับ
ผมควรทำยังไงดี (ปัญหาชีวิต)
ภรรยาคนที่สอง แต่งงานปีที่ 3 ก็มีลูกด้วยกัน 2 คนตอนนี้ใกล้ 9 ขวบกับ 6 ขวบต่างคนต่างทำหน้าที่ไม่มีปัญหาอะไรจนมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่ดินคือผมอยากซื้อที่อีกแปลงปลูกบ้านจะได้ใกล้บ้านแม่แต่เขาไม่ชอบ ทิ้งเวลาสักพักผมก็กลับไปสร้างที่เดิมที่ซื้อด้วยกันไว้ ก็ต่างคนต่างกู้มาร่วมกันสร้างแต่การกู้ซื้อรถยนต์/ที่ดิน แต่ละครั้งส่วนมากผมจะเป็นคนกู้มาเยอะกว่า แต่ตรงนี้ไม่ซีเรียสเป็นสินสมรสอยู่แล้ว อยู่กันมานานก็แยกกระเป๋าใช้เงินกันมาตลอด ต่างคนต่างรับผิดชอบกันไป กู้มาสร้างบ้านเขากู้ธนาคารมา 1.5 ล้านเอาไปปิดสหกรณ์ของเขาเหลือเงินประมาณ 1.2 ล้านกว่าตอนแรกบอกยอดเท่านี้ พอสร้างจริงก็ทยอยให้แต่แค่ 1 ล้าน แต่แอบเห็นเงินในบัญชี 3 แสนกว่าบอกว่าที่จะเก็บไว้ใช้จำเป็นฉุกเฉินจงใจปกปิด แต่ก็ไม่พยายามคิดอะไร ระหว่างสร้างตอนเย็นผมก็ไปดูบ้านจนค่ำมืดถึงกลับไปรดน้ำเสา/คาน คนงานก็รดบ้างไม่รดบ้างเลยไปรดเอง เขาชอบโทรถามจะกลับตอนไหน จนบ้านใกล้เสร็จก็เริ่มมีอาการเช้ามาติดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า คุยสมอลทอกล์บ้าง มีวันหนึ่งเขาเข้าเวร ก็สังหรณ์ใจเลยกลับมาไม่อยู่บ้านโทรตามก็ไม่รับโทรศัพท์ผ่านไป 10 กว่านาทีก็เข้าบ้านมาถึงก็พบสีหน้าตื่นๆ เลิ่กลั่ก พอถามก็บอกไปส่งหนังสือ พอเช็คที่หน่วยงานเขาก็พบว่าเครื่องแฟ๊กส์ใช้ได้ปกติ พอถามหลายครั้งก็หาว่าสงสัยมีร้องไห้ เวลารับโทรศัพท์ชอบเดินหนี บางทีก็ตั้งเงียบตั้งสั่น ก็เคยเปิดอกคุยกันแต่เขาไม่เคยยอมรับ และเคยบอกไปว่ามีอะไรก็เริ่มต้นกันใหม่ได้ เห็นแก่ลูกตาดำๆ อะไรไม่ดีก็อย่าไปทำ
สงสัยมานาน ยอมรับมันค้างคาในใจจนมาไม่นานนี้ผมติดก็ซื้อจีพีเอสแทรคกิ้งมาติดที่มอเตอร์ไซด์ เฝ้าติดตามมานานหลายเดือนล่าสุดได้พิกัดตามไปดูพบว่าบริเวณที่ไปเป็นที่ฝากจอดรถมีห้องให้เช่ารายวัน ถามเด็กรับรถเจ้าของสถานที่ขอดูกล้องวงจรปิดก็ใช่จริงๆ เวลาเข้าออกไล่เลี่ยกัน คนที่สงสัยก็ใช่จริงๆเป็นเจ้านายเก่าเขานั่นเอง เคยทำงานใกล้ชิดกัน และเคยค้ำประกันเงินกู้ให้พวกเขาแสดงละครได้แนบเนียนมาก เขาคงมีอะไรกันนานแล้ว แต่ผมยังไม่ได้ถามถ้าถามเขาก็คงปฏิเสธอีกกล้องในที่เกิดเหตุก็คุณภาพต่ำมากติดตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แม้แต่ทะเบียนรถก็ยังเบลอ แต่ดูก็รู้ว่ารถใครเพราะมีเอกลักษ์เฉพาะ ผมอยากจะฟ้องเอาผิดพวกเขาแต่หลักฐานมันยังอ่อนไม่มีภาพเขาเข้าห้องหรืออยู่ในห้องด้วยกัน อยากจะจ้างนักสืบก็แพงเหลือหลาย 7 วันคิดตั้ง 6 หมื่น ไม่ได้รับประกันว่าจะได้หลักฐานด้วย
ตอนนี้เขากำลังจะกู้สหกรณ์มาดาวน์รถอีก ราคาล้านกว่าบาท ทั้งที่บ้านก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อย รั้วบ้านยังไม่เสร็จ แต่ดูเหมือนเขาจะเอาให้ได้ผมก็คิดว่าผู้ชายอาจจะให้เงินทองใช้ ดาวน์รถนี่ไม่แน่ใจอาจจะให้มาเพิ่มเพราะดูเงินดาวน์แล้วไม่น่าถึง
ผมพยายามประคับประครองมาตลอด ใจเย็น ใจกว้างที่สุดแล้ว มีหลายครั้งที่ทะเลาะกันเขาก็เคยเอ่ยว่าเลิกกันเถอะ เมื่อก่อนก็ไม่แน่ใจเพิ่งมาแน่ใจเมื่อต้นเดือนนี่เองว่าเขามีอะไรกันแน่ ผมมีธงในใจแล้วล่ะแบบนี้อยู่กันไม่ได้แล้วล่ะ แต่อยากถามความเห็นประกอบการตัดสินใจครับ
ผมควรทำยังไงดี ถ้าฟ้องชู้ก็อาจจะได้เงินมาสักก้อน แต่ผมก็อาจจะอันตรายเพราะมันเป็นคนมีสี และนายมันก็เคยมีตำแหน่งใหญ่ในกองทัพซะด้วย หรือหย่าให้จบตั้งแต่ตอนนี้ รถที่เขาซื้อมาผมต้องรับผิดชอบหนี้ด้วยหรือเปล่าตอนกู้ผมก็เซ็นต์รับรู้กับสหกรณ์ด้วย แต่ที่อยากต่อเวลาออกไปอีกนิดก็เพราะต้องการหลักฐานที่ชัดเจน เขาเคยพูดว่าเคยเห็นกับตาจะๆ เหรอว่าไปมีอะไรกัน มีหลักฐานเหรอประมาณนี้ ถ้าหย่าตอนนี้ผมไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนไม่รู้จะบอกคนอื่นยังไง ตั้งแต่สร้างบ้านมาฐานะการเงินผมก็แย่มาก ตอนนี้ก็มีหนี้สหกรณ์ 2 ล้านกว่าบาทตอนนี้ผมกับภรรยาอายุก็ย่าง 44 ปีเท่ากัน รับราชการด้วยกันทั้งคู่ ผมเคยคิดว่าจะเสนอเงินส่วนที่เขาเอามาร่วมสร้างบ้านให้เขาสัก 1.5 ล้านแล้วให้เขาเก็บกระเป๋าไปดีไหม ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็คงพาลูกไปอยู่บ้านแม่ก่อน บ้านกับที่ดินตอนนี้มูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน คิดไม่ตกขอความเห็นประกอบการตัดสินใจด้วยครับ