อันนี้ไม่ใช่กระทู้วิจารณ์หนังนะคะ แค่ว่างๆเลยอยากเขียนอะไรเล่นๆขึ้นมา555 แรงบันดาลใจก็ได้จากหนังสองเรื่องนี้แหละค่ะ Begin Again กับ The Wind Rises
*****มีเนื่อหาสปอยล์ค่ะ ด้วยรักและหวังดี*****
เริ่มกันที่ Begin Again เลย เพราะได้ดูเรื่องนี้ก่อน ต้องบอกก่อนเลยว่า ตอนแรกที่ไปดูเพราะอดัม เลวีน(ของดิฉัน) ล้วนๆเลยค่ะ ตอนแรกดิฉันก็สงสัยว่าเอ๊ะ เป็นหนังเกี่ยวกับอะไร Tribute to เทเลอร์ สวิฟรึเปล่านะ แต่ดิฉันก็คิดผิด สำหรับพล็อตเรื่อง ดิฉันก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูหนังหรืออะไร แต่ดิฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้ค่อนข้างดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง ไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อ เป็นหนังที่ดูเพลินๆ ดูแล้วก็คิดตามไป
สำหรับพล็อตเรื่อง Begin Again ก็ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ เป็นการเริ่มต้นใหม่ ทั้งความรักแบบชู้สาว ความสัมพันธ์ในครอบครัว และหน้าที่การงาน
เปิดเรื่องด้วย แดน มัลลิแกน โปรดิวเซอร์เพลง ได้มาเจอเกรทต้าในคลับ เกรทต้าได้ร้องเพลงที่เธอแต่งเองซึ่งมีดนตรีประกอบเป็นกีตาร์โปร่งตัวเดียว ซึ่งนั้นทำให้เพลงที่ถูกถ่ายทอดออกมา แม้จะมีความหมายที่ดีแต่ก็ไม่ดึงดูดใจของผู้ชม ด้วยความที่เป็นเพลงที่มีเนื้อหาสำหรับคนที่รู้สึกโดดเดี่ยวในนิวยอร์กและทำนองที่เข้าหูแดน จึงดึงดูดความสนใจจากแดนได้และตัวแดนเองก็เห็นโอกาสที่จะปรับปรุงเพลงให้ดีขึ้นอีกด้วย
จากตรงจุดนี้จะเห็นได้ทั้งสองคนมีความรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นจุดร่วม คนนึงถูกไล่ออกจากงาน และไม่เข้าใจในลูกสาวที่เขาไม่ค่อยใช้เวลาเลี้ยงดูมา กับอีกคนนึง เดินทางมาในนิวยอร์กกับคนที่เธอรัก เพื่อหวังจะได้อยู่ด้วยกัน แต่เขากลับหลงใหลในแสงสีและนอกใจเธอ เธอจึงต้องหลีกทางออกมา
จะว่าไปแล้วก็เป็นปกติของชีวิตคนเรานะคะ บางคนก็พบเรื่องร้ายๆมาโดยตลอด เหมือนไม่เห็นหนทางจะเดินต่อไปเลยด้วยซ้ำ แต่กลับมาเห็นโอกาสฟื้นตัว จากสถานการ จากสถานที่ที่นึกไม่ถึง และบางคนที่มีความสุขมาโดยตลอด มีความรักที่สวยงามสดใส แต่วันนึงที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปหมด
กลับมาที่เนื้อเรื่อง แดนได้ชวนเกรทต้ามาทำเพลงด้วยกัน ในตอนแรกเธอก็ลังเล แต่สุดท้ายก็ตกลง เมื่อมาถึงจุดนี้แดนจำเป็นต้องหาคนมาเล่นดนตรี เขาไม่ได้ใช้นักดนตรีที่มีชื่อเสียงเลย (เพราะไม่มีงบนั่นเอง 555) ไม่ได้อัดเพลงในห้องอัด แต่อัดในเมือง ในนิวยอร์ก
จะเห็นได้ว่าภายใต้บุคลิกที่เป็นลุงแก่ๆของแดนนั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์ การแก้การปัญหาเฉพาะหน้า และไอเดียที่พอพูดออกมาแล้วทุกคนต้องทึ่ง ดิฉันเอามาคิดแล้วก็ดูเหมือนเพื่อนบางคนในชีวิตเรานะคะ ที่ดูเรียบๆไม่มีอะไร แต่พอพูดอะไรออกมาสักอย่างแล้ว เฮ้ยยยยย คิดได้ไง อะไรประมาณนี้
มาถึงจุดที่ดิฉันชอบที่สุดของเรื่องกันดีกว่า เป็นฉากที่เพื่อนสนิทเปิดคอมให้เกรทต้าดูเดฟ(อดัม เลวีนของดิฉันเอง) ขึ้นรับรางวัลและให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับฝันของเขา(ซึ่งไม่เคยบอกเกรทต้าเลย) เธอรู้สึกเศร้าและเสียใจและคงจะโกรธ เลยแต่งเพลงและร้องเพลงด่าเดฟไปนึง (ผ่านโทรศัพท์) ซึ่งต่อมาเดฟได้ฟังและขอนัดเจอเธอ
ตอนนี้ดิฉันรู้สึกแบบ เฮ้ยยยยยยยย เดฟเป็นอะไร ถ้าเขาไม่แต่งเพลงมาด่าก็คือจะไม่ขอเจอเธออีกเลยเหรอประมาณนี้ บางทีเดฟอาจจะเพิ่งกลับจากทัวร์มานิวยอร์กก็ได้ เลยเพิ่งมีโอกาสมานัดเจอ แต่แบบเวลาที่ผ่านนี้ไม่นึกถึงกันเลยเหรอ คนรักเขาทำกันอย่างนี้เหรอ(ขอเพ้อ5555)
ตอนแรกเกรทต้าก็ไม่ตอบค่ะ หยิ่ง ต่อมาหลังจากทำอัลบัมเสร็จเธอก็ตกลงนัดเจอเดฟ เดฟให้เธอฟังเพลง Lost Stars ซึ่งเธอแต่งให้เดฟเป็นของขวัญวันคริสมาสต์ เป็นเวอร์ชั่นอิเล็คโทรนิคป็อป ณ จุดนี้บอกเลยว่าเกรทต้าไม่ปลื้ม ไม่ปลื้มเลย เธอบอกว่าเธอแต่งให้มันเป็นบัลลาด ทำไมมาทำอย่างนี้ มันทำให้ความหมายของเพลงหายไปรู้ไหม แต่กระนั้นแล้ว เดฟก็ยังอ้อนให้เธอไปดูการแสดงของเขาเพราะอยากให้เธอรู้ว่าผู้คนชอบเพลงของเธอมากแค่ไหน เมื่อเกรทต้าไปถึงเขาได้เชิญเธอขึ้นไปเล่นกีตาร์ร่วมกับวงของเขา เธอปฏิเสธ หลังจากนั้นเขาก็ร้องเพลง Lost Stars เป็นเวอร์ชั่นช้าๆ ตรงจุดนี้ดิฉันก็ไม่เข้าใจนังเกรทต้าเหมือนกันค่ะว่านางไม่พอใจอะไร อาจเพราะเวอร์ชั่นของเพลงยังไม่ถูกใจเธอ หรือเธอทำใจรักเขาอีกครั้งไม่ได้ เธอจึงเดินออกจากเธียร์เตอร์ไป ตัดภาพไปที่เกรทต้าปั่นจักรยานในสวน เห็นแดนกับภรรยาของเขานั่งฟังเพลงด้วยกันกระหนุงหนิง น่ารักน่าเอ็นดู เธอก็ยิ้มออกมาได้
ตอนแรกเกรทต้าออกอัลบัมเพลงกับค่ายเพลง แต่สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนใจปล่อยให้โหลดออนไลน์ในราคาหนึ่งเหรียญเอง ตัดภาพไปที่แดนโดนไล่ออกอีกครั้ง แล้วจอภาพก็ดับไป
บางทีเกรทต้าอาจไม่อยากไปยืนในจุดเดียวกับเดฟก็ได้เลยตัดสินใจไปอย่างนั้น แต่ดิฉันก็อยากถามความเห็นเพื่อนๆค่ะ ว่าเหตุใดเกรทต้าจึงตัดสินใจเช่นนั้น จงอภิปรายอย่างกว้างขวาง หรือว่าเธอจะแค่อินดี้ ก็เป็นไปได้
ในเรื่องนี้บอกเลยว่าดิฉันรักแดนมาก จากฉากอาบน้ำของเขา พุงพลุ้ยและมีขน เหมือนหมีเลยค่ะ ฉันชอบความสามารถ และการแก้ปัญหาของเขา จนสุดท้ายก็กลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขอีกครั้ง เอาใจของดิฉันไปเลยค่ะ
I think, maybe...everything has changed. เกรทต้าได้กล่าวไว้
หนังช้าๆ ที่อยากนำมา...เขียนความรู้สึก : รับบทโดย เพราะรักคือเพลงรัก และ ปีกแห่งฝันวันแห่งรักค่ะ
*****มีเนื่อหาสปอยล์ค่ะ ด้วยรักและหวังดี*****
เริ่มกันที่ Begin Again เลย เพราะได้ดูเรื่องนี้ก่อน ต้องบอกก่อนเลยว่า ตอนแรกที่ไปดูเพราะอดัม เลวีน(ของดิฉัน) ล้วนๆเลยค่ะ ตอนแรกดิฉันก็สงสัยว่าเอ๊ะ เป็นหนังเกี่ยวกับอะไร Tribute to เทเลอร์ สวิฟรึเปล่านะ แต่ดิฉันก็คิดผิด สำหรับพล็อตเรื่อง ดิฉันก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูหนังหรืออะไร แต่ดิฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้ค่อนข้างดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง ไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อ เป็นหนังที่ดูเพลินๆ ดูแล้วก็คิดตามไป
สำหรับพล็อตเรื่อง Begin Again ก็ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ เป็นการเริ่มต้นใหม่ ทั้งความรักแบบชู้สาว ความสัมพันธ์ในครอบครัว และหน้าที่การงาน
เปิดเรื่องด้วย แดน มัลลิแกน โปรดิวเซอร์เพลง ได้มาเจอเกรทต้าในคลับ เกรทต้าได้ร้องเพลงที่เธอแต่งเองซึ่งมีดนตรีประกอบเป็นกีตาร์โปร่งตัวเดียว ซึ่งนั้นทำให้เพลงที่ถูกถ่ายทอดออกมา แม้จะมีความหมายที่ดีแต่ก็ไม่ดึงดูดใจของผู้ชม ด้วยความที่เป็นเพลงที่มีเนื้อหาสำหรับคนที่รู้สึกโดดเดี่ยวในนิวยอร์กและทำนองที่เข้าหูแดน จึงดึงดูดความสนใจจากแดนได้และตัวแดนเองก็เห็นโอกาสที่จะปรับปรุงเพลงให้ดีขึ้นอีกด้วย
จากตรงจุดนี้จะเห็นได้ทั้งสองคนมีความรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นจุดร่วม คนนึงถูกไล่ออกจากงาน และไม่เข้าใจในลูกสาวที่เขาไม่ค่อยใช้เวลาเลี้ยงดูมา กับอีกคนนึง เดินทางมาในนิวยอร์กกับคนที่เธอรัก เพื่อหวังจะได้อยู่ด้วยกัน แต่เขากลับหลงใหลในแสงสีและนอกใจเธอ เธอจึงต้องหลีกทางออกมา
จะว่าไปแล้วก็เป็นปกติของชีวิตคนเรานะคะ บางคนก็พบเรื่องร้ายๆมาโดยตลอด เหมือนไม่เห็นหนทางจะเดินต่อไปเลยด้วยซ้ำ แต่กลับมาเห็นโอกาสฟื้นตัว จากสถานการ จากสถานที่ที่นึกไม่ถึง และบางคนที่มีความสุขมาโดยตลอด มีความรักที่สวยงามสดใส แต่วันนึงที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปหมด
กลับมาที่เนื้อเรื่อง แดนได้ชวนเกรทต้ามาทำเพลงด้วยกัน ในตอนแรกเธอก็ลังเล แต่สุดท้ายก็ตกลง เมื่อมาถึงจุดนี้แดนจำเป็นต้องหาคนมาเล่นดนตรี เขาไม่ได้ใช้นักดนตรีที่มีชื่อเสียงเลย (เพราะไม่มีงบนั่นเอง 555) ไม่ได้อัดเพลงในห้องอัด แต่อัดในเมือง ในนิวยอร์ก
จะเห็นได้ว่าภายใต้บุคลิกที่เป็นลุงแก่ๆของแดนนั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์ การแก้การปัญหาเฉพาะหน้า และไอเดียที่พอพูดออกมาแล้วทุกคนต้องทึ่ง ดิฉันเอามาคิดแล้วก็ดูเหมือนเพื่อนบางคนในชีวิตเรานะคะ ที่ดูเรียบๆไม่มีอะไร แต่พอพูดอะไรออกมาสักอย่างแล้ว เฮ้ยยยยย คิดได้ไง อะไรประมาณนี้
มาถึงจุดที่ดิฉันชอบที่สุดของเรื่องกันดีกว่า เป็นฉากที่เพื่อนสนิทเปิดคอมให้เกรทต้าดูเดฟ(อดัม เลวีนของดิฉันเอง) ขึ้นรับรางวัลและให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับฝันของเขา(ซึ่งไม่เคยบอกเกรทต้าเลย) เธอรู้สึกเศร้าและเสียใจและคงจะโกรธ เลยแต่งเพลงและร้องเพลงด่าเดฟไปนึง (ผ่านโทรศัพท์) ซึ่งต่อมาเดฟได้ฟังและขอนัดเจอเธอ
ตอนนี้ดิฉันรู้สึกแบบ เฮ้ยยยยยยยย เดฟเป็นอะไร ถ้าเขาไม่แต่งเพลงมาด่าก็คือจะไม่ขอเจอเธออีกเลยเหรอประมาณนี้ บางทีเดฟอาจจะเพิ่งกลับจากทัวร์มานิวยอร์กก็ได้ เลยเพิ่งมีโอกาสมานัดเจอ แต่แบบเวลาที่ผ่านนี้ไม่นึกถึงกันเลยเหรอ คนรักเขาทำกันอย่างนี้เหรอ(ขอเพ้อ5555)
ตอนแรกเกรทต้าก็ไม่ตอบค่ะ หยิ่ง ต่อมาหลังจากทำอัลบัมเสร็จเธอก็ตกลงนัดเจอเดฟ เดฟให้เธอฟังเพลง Lost Stars ซึ่งเธอแต่งให้เดฟเป็นของขวัญวันคริสมาสต์ เป็นเวอร์ชั่นอิเล็คโทรนิคป็อป ณ จุดนี้บอกเลยว่าเกรทต้าไม่ปลื้ม ไม่ปลื้มเลย เธอบอกว่าเธอแต่งให้มันเป็นบัลลาด ทำไมมาทำอย่างนี้ มันทำให้ความหมายของเพลงหายไปรู้ไหม แต่กระนั้นแล้ว เดฟก็ยังอ้อนให้เธอไปดูการแสดงของเขาเพราะอยากให้เธอรู้ว่าผู้คนชอบเพลงของเธอมากแค่ไหน เมื่อเกรทต้าไปถึงเขาได้เชิญเธอขึ้นไปเล่นกีตาร์ร่วมกับวงของเขา เธอปฏิเสธ หลังจากนั้นเขาก็ร้องเพลง Lost Stars เป็นเวอร์ชั่นช้าๆ ตรงจุดนี้ดิฉันก็ไม่เข้าใจนังเกรทต้าเหมือนกันค่ะว่านางไม่พอใจอะไร อาจเพราะเวอร์ชั่นของเพลงยังไม่ถูกใจเธอ หรือเธอทำใจรักเขาอีกครั้งไม่ได้ เธอจึงเดินออกจากเธียร์เตอร์ไป ตัดภาพไปที่เกรทต้าปั่นจักรยานในสวน เห็นแดนกับภรรยาของเขานั่งฟังเพลงด้วยกันกระหนุงหนิง น่ารักน่าเอ็นดู เธอก็ยิ้มออกมาได้
ตอนแรกเกรทต้าออกอัลบัมเพลงกับค่ายเพลง แต่สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนใจปล่อยให้โหลดออนไลน์ในราคาหนึ่งเหรียญเอง ตัดภาพไปที่แดนโดนไล่ออกอีกครั้ง แล้วจอภาพก็ดับไป
บางทีเกรทต้าอาจไม่อยากไปยืนในจุดเดียวกับเดฟก็ได้เลยตัดสินใจไปอย่างนั้น แต่ดิฉันก็อยากถามความเห็นเพื่อนๆค่ะ ว่าเหตุใดเกรทต้าจึงตัดสินใจเช่นนั้น จงอภิปรายอย่างกว้างขวาง หรือว่าเธอจะแค่อินดี้ ก็เป็นไปได้
ในเรื่องนี้บอกเลยว่าดิฉันรักแดนมาก จากฉากอาบน้ำของเขา พุงพลุ้ยและมีขน เหมือนหมีเลยค่ะ ฉันชอบความสามารถ และการแก้ปัญหาของเขา จนสุดท้ายก็กลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขอีกครั้ง เอาใจของดิฉันไปเลยค่ะ
I think, maybe...everything has changed. เกรทต้าได้กล่าวไว้