สวัสดีค่ะ เราเป็นนักเรียนไทยคนนึงที่มาเรียน มาหาประสบการณ์ที่ออสเตรเลีย ก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตอย่างที่เด็กวัยรุ่นคนนึงพึงมี แต่ก็มาตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลโง่ๆ กับเพื่อนที่บังเอิญรู้จักกันที่นี่ไม่นาน คืออยากอยู่ต่อ อยากหาคนช่วยเรื่องค่าเรียน และเขาก็ไม่อยากเรียนแล้ว ก็ทำวีซ่าติดตามกันมา ช่วงแรกก็มีความสุขดี แต่สักพักเริ่มสุกจนร้อน จากเพื่อนกลายเป็นสามี พื้นที่ส่วนตัวมันเริ่มหายไป แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังรับ ยังปรับตัวไหว ปัญหามันมาเริ่มขึ้นคือเราท้อง และมีปัญาหาตลอดการตั้งครรภ์ เสียเงินเป็นหมื่นเหรียญ เพราะต้องไปหา specialist ประกันไม่คุ้มครอง งานก็ทำไม่ได้ แค่เดินก็มีปัญหาล่ะ แอดมิดเข้าโรงพยาบาลตลอด สามีเราเขาก็ดีมากนะ อดทนทำงานจ่ายทุกอย่าง ถือว่าเป็นสุภาพบุรุษเลยแหละ
ฟังดูก็น่าจะผ่านไปได้ดีนะ เราตัดสินใจกันว่าถ้าจะอยู่ที่นี่เราก็ต้องเปิดร้านอาหาร ทำไงล่ะ เงินไม่มีก็ต้องรบกวนที่บ้านมากันก่อน ปัญหาค่าใช้จ่ายต่างๆมากมาย ประสบการณ์ วุฒน์าซะ อายุ อีโก้ หลายๆอย่างทำให้ร้านต้องเสียหุ้นส่วน เสียเพื่อนดีๆไปหนึ่งคน และปัญหาผู้หญิงก็เข้ามา ยอมรับว่าช่วงนั้นอ่อนแอสุดๆหาทางออกไม่เจอ จนคิดอยากจะตายๆไปซะ จะได้ไม่ต้องเจอกับอะไรที่รับมือไม่ไหวอีก เหนื่อยจนท้อ มองหน้าลูกแล้วความคิดแว๊บนึงโผล่มาในหัว เราจะทำร้ายตัวเองกับลูก มันแย่มากจนต้องพาลูกกลับเมืองไทย ตั้งสติแล้วก็กลับมาสู้ใหม่อีกรอบ
อาจจะเป็นเพราะทำงานด้วยกันทุกวัน อยู่บ้านก็ยังมาเจอกันอีก มันก็เลยง่ายมากกับการหงุดหงิด ปะทะอารมณ์กัน เรายอมจนถึงวันที่คิดว่ายอมไม่ได้ล่ะ นั้นล่ะถึงให้เราคิดว่าเราคิดผิด เขาเริ่มคุยกะเพื่อนเก่าที่เมืองไทย ผ่านไลน์ โทรคุยบ้าง แต่ทุกวัน คำพูดมันไม่ใช่แค่เพื่อน i love you, I miss you my sweet heart , หนักสุดคือกลับไทยไปนัดเจอกัน จะไปนอนค้างคืนที่ทะเลด้วยกัน และจะพาลูกชายเราไปด้วย..
ปัญหามันเกิดเพราะเราไม่คุยกัน เขาถึงต้องไปคุยกะคนอื่น อันนั้นเราผิด ใช่แต่มันไม่ใช่ป่ะที่จะเกินเลยขนาดนี้ แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เพราะแม่สามีเคลียร์ หลังจากนั้นไม่นานก็เหมือนเดิมอีกผู้หญิงคนเดิมเข้ามาพัวพันอีก แต่ครั้งนี้เราจบปัญหาด้วยตัวเอง คือคุยกะทั้งคู่ ถามว่ารักกันรึเปล่า ถ้ารักก็ไปอยู่ด้วยกัน เรายอมถอย เหนื่อยเกินไปล่ะ ผลคือขอโอกาสอีกครั้ง ... และเราก็ยังโง่ที่จะให้โอกาสเพราะคิดว่าสงสารลูกอายุแค่ขวบกว่าๆ และเรื่องเงินที่ทางครอบครัวเราให้มาก็ต้องทำทุกอย่างที่จะคืนให้เขาและของครอบครัวสามีด้วย
เราก็อยู่กันมาสุขไม่รู้ว่าสุขมั้ย? แต่เครียด ปัญหามันเยอะจนตามแก้ไม่ไหว จนมาถึงวันนี้เรื่องราวผ่านมาแค่ไม่กี่เดือน ก็มาเจออีกล่ะ รอบนี้เป็นในเฟสบุ๊ค เขาไม่ได้ล็อคเอ้าท์ออกจากระบบ แต่ครั้งนี้ตัวละครใหม่เพิ่มมาอีก... ผู้หญิงคนใหม่ คุยกันในเฟสบุ๊ค โทรหาด้วย ทีบอกให้โทรคุยกะลูกไม่อยากโทร..
คุยกะผู้หญิงคนนั้นทุกเรื่อง เรื่องที่ทะเลาะกับเรา เรื่องอื่นๆ คิดถึง ส่งรูปมาให้ดูหน่อย ชอบหุ่น คนสวยของพี่ บลาบลา
ครั้งนี้แปลกตรงที่เราไม่หงุดหงิด ไม่เหวี่ยง ไม่โมโห แต่แค่งงๆว่าอ้าวในเมื่อฉันขอเลิก ทำไมแกไม่เลิกจะฉันดีๆ แล้วแกมาทำแบบนี้มันไม่แฟร์ป่ะ มันเลยคำว่าโกรธ คำว่าเกรียด ตกใจกับตัวเองมากๆที่ไม่รู้สึกโกรธ หรืออาจจะชิน แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องชินรึเปล่า คำว่าหมดใจมันคืออารมณ์แบบนี้รึเปล่า? วันนี้นั่งถามตัวเองแต่คำตอบที่ได้ไม่เคลียร์เท่าไหร่ ที่รู้แน่ๆคือรักมันหล่นหายไปกลางทาง ไปตอนไหนไม่รู้
กลับมามองย้อนดูตัวเองแล้ว อยากได้ฉันคนเดิมที่มีความสุขกับการใช้ชีวิตเหมือนแต่ก่อนกลับมา อยากทิ้งทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ ยอมเป็นคนเห็นแก่ตัว เรื่องร้านก็ชั่งมัน ยกให้เขาไป เรื่องเงินเดี่ยวค่อยต่อรอง เรื่องลูกอันนี้บีบหัวใจสุดๆ น่าสงสารเนอะอายุไม่ถึงสอบขวบเลยพ่อแม่มีปัญหากันซะล่ะ
ที่ตั้งกระทู้นี้ ที่นี่เป็นครั้งแรก ครั้งเดียวกับการที่เข้ามาที่เว็บนี้ เพื่อนบอกเราน่าจะได้คำตอบ ข้อคิดเห็นช่วยให้การตัดสินใจของเรามันง่ายยิ่งขึ้น..
ขอบคุณมากนะค่ะ
ขวัญ
ควรจะต้องจบ และกลับไปใช้ชีวิตสักที?
ฟังดูก็น่าจะผ่านไปได้ดีนะ เราตัดสินใจกันว่าถ้าจะอยู่ที่นี่เราก็ต้องเปิดร้านอาหาร ทำไงล่ะ เงินไม่มีก็ต้องรบกวนที่บ้านมากันก่อน ปัญหาค่าใช้จ่ายต่างๆมากมาย ประสบการณ์ วุฒน์าซะ อายุ อีโก้ หลายๆอย่างทำให้ร้านต้องเสียหุ้นส่วน เสียเพื่อนดีๆไปหนึ่งคน และปัญหาผู้หญิงก็เข้ามา ยอมรับว่าช่วงนั้นอ่อนแอสุดๆหาทางออกไม่เจอ จนคิดอยากจะตายๆไปซะ จะได้ไม่ต้องเจอกับอะไรที่รับมือไม่ไหวอีก เหนื่อยจนท้อ มองหน้าลูกแล้วความคิดแว๊บนึงโผล่มาในหัว เราจะทำร้ายตัวเองกับลูก มันแย่มากจนต้องพาลูกกลับเมืองไทย ตั้งสติแล้วก็กลับมาสู้ใหม่อีกรอบ
อาจจะเป็นเพราะทำงานด้วยกันทุกวัน อยู่บ้านก็ยังมาเจอกันอีก มันก็เลยง่ายมากกับการหงุดหงิด ปะทะอารมณ์กัน เรายอมจนถึงวันที่คิดว่ายอมไม่ได้ล่ะ นั้นล่ะถึงให้เราคิดว่าเราคิดผิด เขาเริ่มคุยกะเพื่อนเก่าที่เมืองไทย ผ่านไลน์ โทรคุยบ้าง แต่ทุกวัน คำพูดมันไม่ใช่แค่เพื่อน i love you, I miss you my sweet heart , หนักสุดคือกลับไทยไปนัดเจอกัน จะไปนอนค้างคืนที่ทะเลด้วยกัน และจะพาลูกชายเราไปด้วย..
ปัญหามันเกิดเพราะเราไม่คุยกัน เขาถึงต้องไปคุยกะคนอื่น อันนั้นเราผิด ใช่แต่มันไม่ใช่ป่ะที่จะเกินเลยขนาดนี้ แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เพราะแม่สามีเคลียร์ หลังจากนั้นไม่นานก็เหมือนเดิมอีกผู้หญิงคนเดิมเข้ามาพัวพันอีก แต่ครั้งนี้เราจบปัญหาด้วยตัวเอง คือคุยกะทั้งคู่ ถามว่ารักกันรึเปล่า ถ้ารักก็ไปอยู่ด้วยกัน เรายอมถอย เหนื่อยเกินไปล่ะ ผลคือขอโอกาสอีกครั้ง ... และเราก็ยังโง่ที่จะให้โอกาสเพราะคิดว่าสงสารลูกอายุแค่ขวบกว่าๆ และเรื่องเงินที่ทางครอบครัวเราให้มาก็ต้องทำทุกอย่างที่จะคืนให้เขาและของครอบครัวสามีด้วย
เราก็อยู่กันมาสุขไม่รู้ว่าสุขมั้ย? แต่เครียด ปัญหามันเยอะจนตามแก้ไม่ไหว จนมาถึงวันนี้เรื่องราวผ่านมาแค่ไม่กี่เดือน ก็มาเจออีกล่ะ รอบนี้เป็นในเฟสบุ๊ค เขาไม่ได้ล็อคเอ้าท์ออกจากระบบ แต่ครั้งนี้ตัวละครใหม่เพิ่มมาอีก... ผู้หญิงคนใหม่ คุยกันในเฟสบุ๊ค โทรหาด้วย ทีบอกให้โทรคุยกะลูกไม่อยากโทร..
คุยกะผู้หญิงคนนั้นทุกเรื่อง เรื่องที่ทะเลาะกับเรา เรื่องอื่นๆ คิดถึง ส่งรูปมาให้ดูหน่อย ชอบหุ่น คนสวยของพี่ บลาบลา
ครั้งนี้แปลกตรงที่เราไม่หงุดหงิด ไม่เหวี่ยง ไม่โมโห แต่แค่งงๆว่าอ้าวในเมื่อฉันขอเลิก ทำไมแกไม่เลิกจะฉันดีๆ แล้วแกมาทำแบบนี้มันไม่แฟร์ป่ะ มันเลยคำว่าโกรธ คำว่าเกรียด ตกใจกับตัวเองมากๆที่ไม่รู้สึกโกรธ หรืออาจจะชิน แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องชินรึเปล่า คำว่าหมดใจมันคืออารมณ์แบบนี้รึเปล่า? วันนี้นั่งถามตัวเองแต่คำตอบที่ได้ไม่เคลียร์เท่าไหร่ ที่รู้แน่ๆคือรักมันหล่นหายไปกลางทาง ไปตอนไหนไม่รู้
กลับมามองย้อนดูตัวเองแล้ว อยากได้ฉันคนเดิมที่มีความสุขกับการใช้ชีวิตเหมือนแต่ก่อนกลับมา อยากทิ้งทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ ยอมเป็นคนเห็นแก่ตัว เรื่องร้านก็ชั่งมัน ยกให้เขาไป เรื่องเงินเดี่ยวค่อยต่อรอง เรื่องลูกอันนี้บีบหัวใจสุดๆ น่าสงสารเนอะอายุไม่ถึงสอบขวบเลยพ่อแม่มีปัญหากันซะล่ะ
ที่ตั้งกระทู้นี้ ที่นี่เป็นครั้งแรก ครั้งเดียวกับการที่เข้ามาที่เว็บนี้ เพื่อนบอกเราน่าจะได้คำตอบ ข้อคิดเห็นช่วยให้การตัดสินใจของเรามันง่ายยิ่งขึ้น..
ขอบคุณมากนะค่ะ
ขวัญ