Great Walk, Great View, Great Experience
สวัสดีชาวพันทิพทุกท่านครับ ขออนุญาตนำประสบการณ์ทริป Great Ocean Walk มาแบ่งปันครับ
จริง ๆ แล้ว Great Ocean Walk เป็นส่วนหนึ่งในทริป Victoria 11 วันของผมและเพื่อน เครดิตทั้งหมดของทริปนี้ต้องยกให้กับเพื่อนที่เป็นผู้หาข้อมูลทั้งหมดตลอดการเดินทาง ผมมีหน้าที่ตามเพื่อนไปอย่างเดียว (แถมยังบ่นตอนไม่ได้ดั่งใจอีกต่างหาก) อันที่จริงผมเรียนอยู่ออสเตรเลียอยู่แล้วน่าจะหาข้อมูลได้ดีกว่า แต่ก็มัวเครียด ๆ กับการเรียนเลยผลักภาระให้กับเพื่อนไปทั้งหมดและเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก
(ผมเริ่ม 2 วันแรกที่ Melbourne จากนั้นขับรถตาม Great Ocean Road ไปพักที่ Apollo Bay หนึ่งคืน แล้วจากนั้นไปเดิน Great Ocean walk แล้วไปพักแถว ๆ Port Campbell วันรุ่งขึ้นเที่ยวชมแถว ๆ 12 apostles national park พอบ่ายก็ขับรถขึ้นเหนือไป Daylesford พักหนึ่งคืนที่นี่ วันรุ่งขึ้นก็เดินเที่ยวในเมือง เดินเล่นแถวทะเลสาป (แต่ฝนตกทั้งวัน หนาวมาก ต้องรีบเดินรีบไปไม่ทันได้ชื่นชมทะเลสาปมาก น่าเสียดาย) แล้วไปต่อที่ Hepburn spring เพื่อแช่น้ำแร่ เย็น ๆ ก็ขับรถกลับเข้า Melbourne พักที่ Melbourne อีกสองคืน (แล้วไปดู les miserables มาด้วย) จากนั้นจับรถไฟไป Mount Baw Baw เพื่อไปเล่นสกี พักที่นี่สองคืน สุดท้ายก็กลับมานอนที่ Melbourne อีกสองคืน เป็นอันจบทริป)
เรานัดกันเจอที่ Melbourne โดยเพื่อนผมบินมาถึงก่อน และผมตามมาสมทบจาก Queensland เราพักอยู่ Melbourne ก่อน แล้วจากนั้นก็มุ่งหน้าไป Great Ocean Road
ขออนุญาตแชร์เฉพาะช่วง Great Ocean Walk นะครับ เพราะเข้าใจว่าเพื่อนชาวพันทิพน่าจะมีข้อมูลเยอะพอสมควรกับ Melbourne และ Great Ocean Road (อันนี้เพื่อนบอก ผมไม่ได้อ่านเอง เหอ ๆ ๆ เพราะก่อนจะมา คุณเพื่อนผมก็กระหน่ำอ่านกระทู้ Melbourne และ Great Ocean Road จากพันทิพนี่แหละ เจ้าคุณเพื่อนยังบอกอีกว่าหากระทู้เกี่ยวกับ Great Ocean Walk ในพันทิพไม่เจอ เลยต้องไปหาอ่านจาก review ของฝรั่งแทน และส่วนใหญ่เขาจะเดินกันหน้าร้อน ส่วนผมกับเพื่อนบ้าดีเดือดมาเดินหน้าหนาวในอุณหภูมิต่ำกว่าสิบองศาแถมลมแรงอีกต่างหาก)
Full Great Ocean Walk จริง ๆ แล้วมีทั้งหมด 8 ช่วง 8 วัน ระยะทางรวมทั้งหมด 104 กิโลเมตร เริ่มจาก Apollo Bay ไปสิ้นสุดที่ Glenample Homestead ใกล้ ๆ 12 Apostles (อันนี้ก็ไม่ได้อ่านเอง คุณเพื่อนบอกอีกนั้นแหละ) เราเลือก (อันที่จริงก็เพื่อนผมนั่นแหละที่เลือก) ช่วงที่ 5 ซึ่งมีระยะทางทั้งหมดประมาณ 12.5 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินประมาณ 4.5 – 5 ชั่วโมง (เพื่อนบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่สวยที่สุด-ซึ่งเขาว่ามาอีกที)
แป๊ะ link ไว้เพื่อเป็นข้อมูลครับ
http://parkweb.vic.gov.au/explore/parks/great-otway-national-park/things-to-do/great-ocean-walk
http://www.auswalk.com.au/walks/the-great-ocean-walk/
http://greatoceanwalk.info/wp-content/uploads/2012/07/campsites.png
http://www.greatoceanwalk.info/
แผนการของเราคือจะเริ่มเดินจาก Aire River แล้วไปสิ้นสุดที่ Johanna Beach อันที่จริงมันมีจุดกึ่งกลางระหว่างสองช่วงนี้ เรียกว่า Castle Cove หากมีเวลาน้อย หรือไม่อยากเหนื่อยมากก็สามารถเริ่มเดินจากจุดนี้ก็ได้
เพื่อนบอกว่าโดยปกติเขาจะให้เดินจากทิศตะวันตกไปตะวันออกและไม่ให้เดินสวนทาง มหาสมุทรแปซิฟิคต้องอยู่ฝั่งซ้ายมือเราตลอดเวลา (แต่ผมก็เห็นมีคนเดินจากตะวันออกไปตะวันตกเหมือนกัน อย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งคนที่เดินสวนกับเราตอนเราจะเริ่มเดิน เข้าใจว่าเธอ (ผู้หญิงเดินคนเดียวซะด้วย) คงเริ่มเดินจาก Johanna Beach (ดูจากรอยเท้าน่าจะเริ่มเดินที่นี่) ไป Cape Otway ซึ่งไกลกว่าเราเดินซะอีก)
ก่อนที่เราจะเริ่มเดินในวันนี้ เราได้ติดต่อคุณ Lee (ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Shuttle สำหรับ Great Ocean Walk โดยเฉพาะ) ไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืน คุณ Lee จะไปรับเราที่ Johanna Beach แล้วไปส่งเราที่ Aire River เราได้เบอร์คุณลีมาจาก internet เราโทรไปคุยสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการเดินในช่วงที่เราต้องการ ราคาค่าบริการ รวมถึงขอคำแนะนำจากคุณลีเผื่อว่าจะมีช่วงอื่นที่น่าสนใจมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วเราก็ตกลงที่จะเดินในช่วงที่เราวางแผนไว้ตั้งแต่แรก
http://www.greatoceanwalk.info/transport-to-and-from-the-walk/
พวกเราขับรถไปถึง Johanna Beach ช้ากว่าเวลานัดหมายประมาณครึ่งชั่วโมง (นัดคุณลีไว้ 9.45) เนื่องจากว่าเราตื่นสาย (มาก) และยังโอ้เอกับการทำอาหารเช้า (ด้วยฝีมือระดับเซฟ) และระยะทางที่ขับรถมาจาก Apollo bay ก็มีฝนตกปรอย ๆ ตลอดทาง (ชุ่มชื้นมาก ๆ ทางในช่วงนี้ไม่ได้เลียบมหาสมุทร แต่ตัดลัดป่าซะส่วนใหญ่) เลยทำความเร็วไม่ได้ และที่สำคัญพวกเราก็ขับกินลมชมวิวมาด้วย (ลมไม่ได้กินนะครับเพราะหนาวเกิ้น ชมวิวเฉย ๆ) เพราะวิวมันสวยสุดยอดจริง ๆ บางช่วงผ่านฟาร์ม เห็นแกะ เห็นวัวเล็มหญ้าในทุ่งหญ้าเชียวสุดลูกหูลูกตา อดใจไม่ไหวที่จะค่อย ๆ ขับรถชมวิวมาตลอดทาง
พอเรามาถึงคุณลุงลี (ขอเรียกว่าลุงละกัน) รอเราอยู่แล้ว จอดรถปุ๊บคุณลุงก็ตรงดิ่งมาหาเราทันที เพราะแกคงรู้ว่าน่าจะเป็นเจ้าสองคนนี้แน่ ๆ ที่บ้ามาเดินในหน้าหนาวแบบนี้ หลังจากทักทายแนะนำตัวกันเล็ก ๆ น้อย ๆ คุณลุงลีก็พาไปดูและอธิบายจุดหมายปลายทางของเราแบบคร่าว ๆ
Johanna Beach ที่เป็นจุดหมายปลายทางของเรานั้นเป็นชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตา จุดที่เรายืนอยู่นั้นเป็นสุดปลายหาด คุณลุงบอกว่าเราต้องเดินลุยแม่น้ำซึ่งไหลลงทะเลที่หาดนี้ด้วย คุณลุงลีบอกว่าตื้น ๆ ถอดรองเท้า เดินได้ชิล ๆ ตอนเราเดินมาถึงในช่วงบ่าย น้ำทะเลก็จะลงพอดี มีหาดกว้างขวางให้เดิน ไม่มีอะไรให้น่ากังวล
ณ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว มีแดดอ่อน ๆ คุณลุงลีบอกว่าอากาศตอนนี้สดใสเหมาะแก่การเดินมาก ๆ แต่ถ้าฝนตกลงมาอีกก็ให้หลบฝนก่อน โดยปกติฝนจะตกในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณห้านาทีสิบนาทีก็หยุด แล้วก็ค่อยเดินต่อ หากเจอฝนที่เป็นเกร็ดน้ำแข็งก็ให้หลบให้ดี
ระหว่างทางที่คุณลุงลีพาเราย้อนหลับไปที่จุดเริ่มต้นที่ Aire River คุณลุงถามว่าเรามาจากไหน พอบอกว่ามาจากเมืองไทย แกก็นับเลข 1-10 โชว์เราซะเลย ขอบคุณ สวัสดี มาครอบ คุณลุงบอกว่าเคยมาเมืองไทยนานมากแล้ว เคยไปสมุยเมื่อปี 1975 และไปเชียงใหม่ปี 1981 คุยไปคุยมาก็วกมาคุยเรื่องการเมืองเฉย แต่ขอเก็บไว้ละกันนะครับว่าคุยประเด็นไหนบ้าง
คุณลุงบอกว่าเส้นทาง Great Ocean Walk นี้เพิ่งเปิดได้ประมาณ 7-8 ปี ในช่วง 3-4 ปีแรกมีคนรู้จักน้อย แต่ในช่วงหลัง ๆ มีคนมาเดินมากขึ้น และทางเดินก็ได้พัฒนาให้ดีขึ้น คุณลุงบอกว่าต่อไปน่าจะพัฒนาให้ดีขึ้นอีกเพราะบางช่วงต้องเดินตามถนนถึงไม่ปลอดภัย น่าจะมีการทำทางเดินเฉพาะในไม่ช้านี้ แกยังบอกอีกว่าตั้งแต่แกให้บริการ Shuttle มา พวกเราน่าจะเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่มาเดิน (คุณเพื่อนเลยเชียร์ให้มาเขียน review ในพันทิพซะเลย)
เรามาถึง Aire River ราว ๆ 10.40 คุยกับคุณลุงลีอีกเล็กน้อย แลกเบอร์ แลกอีเมล์เสร็จ จ่ายเงินเสร็จ ($75 ถ้ามามากกว่าสองคนไม่รู้ว่าราคาจะเป็นเท่าไร ตอนคุยกันเรื่องราคา เราบอกว่ามากันสองคนเขาก็บอกราคานี้มา แล้วเราก็ไม่ได้ถามต่อว่าถ้ามามากกว่านี้จะราคานี้ด้วยไหม) เราก็พร้อมเดินทาง ในเป้ของเรามีน้ำกันคนละขวด (600 ml) พร้อมกล้วยหอมอีกสองลูก คุณลุงลีถามว่าทานกลางวันกันมาหรือยัง เราบอกไปว่าเพิ่งทานเช้าควบกลางวันมา คงน่าจะพอไหว สำหรับเรื่องน้ำคุณลุงบอกว่าน้ำที่เรามีน่าจะพอ แต่แนะนำว่าให้ดื่มน้ำให้เต็มที่ซะก่อน แล้วจากนั้นก็เติมน้ำให้เต็มขวด โดยสามารถเติมน้ำได้ที่แท้งค์น้ำบริเวณ campground ณ จุดเริ่มต้น น้ำเป็นน้ำฝน คุณลุงบอกว่าดื่มได้ ปลอดภัย (ป้ายที่ก๊อกบอกว่าห้ามใช้ดื่ม เราถามคนที่ตั้งแค้มป์อยู่ที่นั่นว่าเติมน้ำได้ที่ไหน เขาก็บอกเหมือนที่คุณลุงลีบอกว่าดื่มน้ำฝนจากก๊อกที่แท้งค์ได้เลย เขาก็ดื่มอันนี้ เอาเป็นว่าเราเชื่อคุณลุงลีไม่เชื่อป้ายห้าม)
ออกเดินทาง 10.50 น.
เนื่องจากเราเริ่มเดินค่อนข้างสาย และผมเกรงว่าเราจะถึงจุดหมายปลายทางช้า รวมถึงเราก็ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ดังนั้นเราก็เลยต้องรีบเดิน “รีบเดิน อย่า appreciate กับธรรมชาติมากนัก ชื่นชมแค่พอดี แล้วรีบเดินต่อ” ผมบอกเพื่อนก่อนเริ่มออกเดินทาง “บ้าป่าววะ มาเดินทั้งที” เพื่อนผมแย้ง สุดท้ายก็เจอกันครึ่งทางคือช่วงไหนที่ไม่มีอะไรให้ดูก็รีบเดิน พอวิวสวยก็หยุดถ่ายรูปได้เต็มที่ (แต่ผมก็ยื่นเร่งอยู่ไม่ได้ขาด 555)

ที่เห็นนี่คือปากแม่น้ำ Aire
ช่วงแรกของการเดินทาง (Aire River – Castle Cove) ทางเดินดี แม้ว่าจะแฉะ แต่ไม่มีโคลนและไม่ลืน ช่วงไหนที่เป็นทางลงเนินก็จะมีไม้วางตามทางเพื่อช่วยให้เดินได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากความชื่นของภูมิอากาศ เราก็จะเห็นมอส เฟิร์นขึ้นอยู่ทั่วไป

มาถึงแล้วจุดครึ่งทาง Castle Cove

นั่งพักแป๊ป

ยังไหว ๆ
ในช่วงหลังของการเดิน (Castle Cove – Johanna Beach) ทางมีการปรับปรุงและยังทำไม่เสร็จ จึงทำให้มีโคลนและทางเดินค่อนข้างลื่นในตอนต้น ๆ ของช่วงหลังนี้ สำหรับลักษณะของป่าของช่วงนี้ก็แตกต่างกับช่วงแรก บางช่วงเป็นพุ่มไม้เตี้ย บางช่วงเป็นป่ายูคาลิปตัส (ช่วงแรกส่วนใหญ่จะเป็นไม้พุ่มเตี้ย) ผมกับเพื่อนก็แอบมองหาโคอาล่าอยู่เหมือนกันเผื่อจะเจอ แต่ก็ไม่เจอ

เห็นหาดไกล ๆ นั่นคือ Johanna Beach
ตอนเริ่มเดินอากาศเย็นมากแม้ฝนจะไม่ตกแล้วแต่อากาศยังคงชื่นอยู่มาก เสื้อผ้าจัดเต็ม ผ้าพันคอ เสื้อสองสามชั้น พอเดินมาได้สักพัก เสื้อตัวนอกถูกถอดมาพันไว้ที่เอว ผ้าพันคอถูกยัดเข้าไปในเป้ เหงื่อเริ่มซึม บางช่วงมีฝนตกลงมาในเวลาสั้น ๆ แล้วก็ซาไป แต่ในช่วยสุดท้ายก่อนถึง Johanna Beach ฝนเม็ดเล็ก ๆ พร้อมลมกระหน่ำมาอีกครั้งเล่นเอาเปียกไปพอสมควร ช่วงท้าย ๆ ก่อนถึง Johanna Beach จะมีช่วงขึ้นเขาลงเขาค่อนข้างเยอะ เดินไปหอบไปเหมือนหมาหอบแดด
บ่ายสามกว่า ๆ เราก็เดินมาถึง Johanna Beach ด้วยความเหนื่อยอ่อน พอลงมาเดินที่ชายหาดตอนแรกคิดว่าจะเดินง่าย ๆ ที่ไหนได้ เดินยากกว่าเดินในป่าซะอีก อย่างที่บอกไปตอนแรก ๆ ว่า Johanna Beach เป็นหาดที่ยาวมาก เรามารู้สึกว่ามันยาวมากเอาจริง ๆ ตอนเรามาเดินนี่แหละ เดินยังไงก็ไม่ถึงปลายหาดซะที ผมเริ่มรู้สึกหิว กล้วยหอมสองลูกนั้นหมดไปตั้งแต่แวะพักตอนอยู่ Castle Cove ส่วนน้ำในขวดไม่พร่องไปเลยเนื่องจากไม่รู้สึกกระหายเลยแม้แต่น้อย
(เดี๋ยวมาต่อครับ)
อีกหนึ่งการท่องเที่ยวบนเส้นทาง Great Ocean Road กับ Great Ocean Walk
สวัสดีชาวพันทิพทุกท่านครับ ขออนุญาตนำประสบการณ์ทริป Great Ocean Walk มาแบ่งปันครับ
จริง ๆ แล้ว Great Ocean Walk เป็นส่วนหนึ่งในทริป Victoria 11 วันของผมและเพื่อน เครดิตทั้งหมดของทริปนี้ต้องยกให้กับเพื่อนที่เป็นผู้หาข้อมูลทั้งหมดตลอดการเดินทาง ผมมีหน้าที่ตามเพื่อนไปอย่างเดียว (แถมยังบ่นตอนไม่ได้ดั่งใจอีกต่างหาก) อันที่จริงผมเรียนอยู่ออสเตรเลียอยู่แล้วน่าจะหาข้อมูลได้ดีกว่า แต่ก็มัวเครียด ๆ กับการเรียนเลยผลักภาระให้กับเพื่อนไปทั้งหมดและเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก
(ผมเริ่ม 2 วันแรกที่ Melbourne จากนั้นขับรถตาม Great Ocean Road ไปพักที่ Apollo Bay หนึ่งคืน แล้วจากนั้นไปเดิน Great Ocean walk แล้วไปพักแถว ๆ Port Campbell วันรุ่งขึ้นเที่ยวชมแถว ๆ 12 apostles national park พอบ่ายก็ขับรถขึ้นเหนือไป Daylesford พักหนึ่งคืนที่นี่ วันรุ่งขึ้นก็เดินเที่ยวในเมือง เดินเล่นแถวทะเลสาป (แต่ฝนตกทั้งวัน หนาวมาก ต้องรีบเดินรีบไปไม่ทันได้ชื่นชมทะเลสาปมาก น่าเสียดาย) แล้วไปต่อที่ Hepburn spring เพื่อแช่น้ำแร่ เย็น ๆ ก็ขับรถกลับเข้า Melbourne พักที่ Melbourne อีกสองคืน (แล้วไปดู les miserables มาด้วย) จากนั้นจับรถไฟไป Mount Baw Baw เพื่อไปเล่นสกี พักที่นี่สองคืน สุดท้ายก็กลับมานอนที่ Melbourne อีกสองคืน เป็นอันจบทริป)
เรานัดกันเจอที่ Melbourne โดยเพื่อนผมบินมาถึงก่อน และผมตามมาสมทบจาก Queensland เราพักอยู่ Melbourne ก่อน แล้วจากนั้นก็มุ่งหน้าไป Great Ocean Road
ขออนุญาตแชร์เฉพาะช่วง Great Ocean Walk นะครับ เพราะเข้าใจว่าเพื่อนชาวพันทิพน่าจะมีข้อมูลเยอะพอสมควรกับ Melbourne และ Great Ocean Road (อันนี้เพื่อนบอก ผมไม่ได้อ่านเอง เหอ ๆ ๆ เพราะก่อนจะมา คุณเพื่อนผมก็กระหน่ำอ่านกระทู้ Melbourne และ Great Ocean Road จากพันทิพนี่แหละ เจ้าคุณเพื่อนยังบอกอีกว่าหากระทู้เกี่ยวกับ Great Ocean Walk ในพันทิพไม่เจอ เลยต้องไปหาอ่านจาก review ของฝรั่งแทน และส่วนใหญ่เขาจะเดินกันหน้าร้อน ส่วนผมกับเพื่อนบ้าดีเดือดมาเดินหน้าหนาวในอุณหภูมิต่ำกว่าสิบองศาแถมลมแรงอีกต่างหาก)
Full Great Ocean Walk จริง ๆ แล้วมีทั้งหมด 8 ช่วง 8 วัน ระยะทางรวมทั้งหมด 104 กิโลเมตร เริ่มจาก Apollo Bay ไปสิ้นสุดที่ Glenample Homestead ใกล้ ๆ 12 Apostles (อันนี้ก็ไม่ได้อ่านเอง คุณเพื่อนบอกอีกนั้นแหละ) เราเลือก (อันที่จริงก็เพื่อนผมนั่นแหละที่เลือก) ช่วงที่ 5 ซึ่งมีระยะทางทั้งหมดประมาณ 12.5 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินประมาณ 4.5 – 5 ชั่วโมง (เพื่อนบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่สวยที่สุด-ซึ่งเขาว่ามาอีกที)
แป๊ะ link ไว้เพื่อเป็นข้อมูลครับ
http://parkweb.vic.gov.au/explore/parks/great-otway-national-park/things-to-do/great-ocean-walk
http://www.auswalk.com.au/walks/the-great-ocean-walk/
http://greatoceanwalk.info/wp-content/uploads/2012/07/campsites.png
http://www.greatoceanwalk.info/
แผนการของเราคือจะเริ่มเดินจาก Aire River แล้วไปสิ้นสุดที่ Johanna Beach อันที่จริงมันมีจุดกึ่งกลางระหว่างสองช่วงนี้ เรียกว่า Castle Cove หากมีเวลาน้อย หรือไม่อยากเหนื่อยมากก็สามารถเริ่มเดินจากจุดนี้ก็ได้
เพื่อนบอกว่าโดยปกติเขาจะให้เดินจากทิศตะวันตกไปตะวันออกและไม่ให้เดินสวนทาง มหาสมุทรแปซิฟิคต้องอยู่ฝั่งซ้ายมือเราตลอดเวลา (แต่ผมก็เห็นมีคนเดินจากตะวันออกไปตะวันตกเหมือนกัน อย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งคนที่เดินสวนกับเราตอนเราจะเริ่มเดิน เข้าใจว่าเธอ (ผู้หญิงเดินคนเดียวซะด้วย) คงเริ่มเดินจาก Johanna Beach (ดูจากรอยเท้าน่าจะเริ่มเดินที่นี่) ไป Cape Otway ซึ่งไกลกว่าเราเดินซะอีก)
ก่อนที่เราจะเริ่มเดินในวันนี้ เราได้ติดต่อคุณ Lee (ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Shuttle สำหรับ Great Ocean Walk โดยเฉพาะ) ไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืน คุณ Lee จะไปรับเราที่ Johanna Beach แล้วไปส่งเราที่ Aire River เราได้เบอร์คุณลีมาจาก internet เราโทรไปคุยสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการเดินในช่วงที่เราต้องการ ราคาค่าบริการ รวมถึงขอคำแนะนำจากคุณลีเผื่อว่าจะมีช่วงอื่นที่น่าสนใจมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วเราก็ตกลงที่จะเดินในช่วงที่เราวางแผนไว้ตั้งแต่แรก
http://www.greatoceanwalk.info/transport-to-and-from-the-walk/
พวกเราขับรถไปถึง Johanna Beach ช้ากว่าเวลานัดหมายประมาณครึ่งชั่วโมง (นัดคุณลีไว้ 9.45) เนื่องจากว่าเราตื่นสาย (มาก) และยังโอ้เอกับการทำอาหารเช้า (ด้วยฝีมือระดับเซฟ) และระยะทางที่ขับรถมาจาก Apollo bay ก็มีฝนตกปรอย ๆ ตลอดทาง (ชุ่มชื้นมาก ๆ ทางในช่วงนี้ไม่ได้เลียบมหาสมุทร แต่ตัดลัดป่าซะส่วนใหญ่) เลยทำความเร็วไม่ได้ และที่สำคัญพวกเราก็ขับกินลมชมวิวมาด้วย (ลมไม่ได้กินนะครับเพราะหนาวเกิ้น ชมวิวเฉย ๆ) เพราะวิวมันสวยสุดยอดจริง ๆ บางช่วงผ่านฟาร์ม เห็นแกะ เห็นวัวเล็มหญ้าในทุ่งหญ้าเชียวสุดลูกหูลูกตา อดใจไม่ไหวที่จะค่อย ๆ ขับรถชมวิวมาตลอดทาง
พอเรามาถึงคุณลุงลี (ขอเรียกว่าลุงละกัน) รอเราอยู่แล้ว จอดรถปุ๊บคุณลุงก็ตรงดิ่งมาหาเราทันที เพราะแกคงรู้ว่าน่าจะเป็นเจ้าสองคนนี้แน่ ๆ ที่บ้ามาเดินในหน้าหนาวแบบนี้ หลังจากทักทายแนะนำตัวกันเล็ก ๆ น้อย ๆ คุณลุงลีก็พาไปดูและอธิบายจุดหมายปลายทางของเราแบบคร่าว ๆ
Johanna Beach ที่เป็นจุดหมายปลายทางของเรานั้นเป็นชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตา จุดที่เรายืนอยู่นั้นเป็นสุดปลายหาด คุณลุงบอกว่าเราต้องเดินลุยแม่น้ำซึ่งไหลลงทะเลที่หาดนี้ด้วย คุณลุงลีบอกว่าตื้น ๆ ถอดรองเท้า เดินได้ชิล ๆ ตอนเราเดินมาถึงในช่วงบ่าย น้ำทะเลก็จะลงพอดี มีหาดกว้างขวางให้เดิน ไม่มีอะไรให้น่ากังวล
ณ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว มีแดดอ่อน ๆ คุณลุงลีบอกว่าอากาศตอนนี้สดใสเหมาะแก่การเดินมาก ๆ แต่ถ้าฝนตกลงมาอีกก็ให้หลบฝนก่อน โดยปกติฝนจะตกในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณห้านาทีสิบนาทีก็หยุด แล้วก็ค่อยเดินต่อ หากเจอฝนที่เป็นเกร็ดน้ำแข็งก็ให้หลบให้ดี
ระหว่างทางที่คุณลุงลีพาเราย้อนหลับไปที่จุดเริ่มต้นที่ Aire River คุณลุงถามว่าเรามาจากไหน พอบอกว่ามาจากเมืองไทย แกก็นับเลข 1-10 โชว์เราซะเลย ขอบคุณ สวัสดี มาครอบ คุณลุงบอกว่าเคยมาเมืองไทยนานมากแล้ว เคยไปสมุยเมื่อปี 1975 และไปเชียงใหม่ปี 1981 คุยไปคุยมาก็วกมาคุยเรื่องการเมืองเฉย แต่ขอเก็บไว้ละกันนะครับว่าคุยประเด็นไหนบ้าง
คุณลุงบอกว่าเส้นทาง Great Ocean Walk นี้เพิ่งเปิดได้ประมาณ 7-8 ปี ในช่วง 3-4 ปีแรกมีคนรู้จักน้อย แต่ในช่วงหลัง ๆ มีคนมาเดินมากขึ้น และทางเดินก็ได้พัฒนาให้ดีขึ้น คุณลุงบอกว่าต่อไปน่าจะพัฒนาให้ดีขึ้นอีกเพราะบางช่วงต้องเดินตามถนนถึงไม่ปลอดภัย น่าจะมีการทำทางเดินเฉพาะในไม่ช้านี้ แกยังบอกอีกว่าตั้งแต่แกให้บริการ Shuttle มา พวกเราน่าจะเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่มาเดิน (คุณเพื่อนเลยเชียร์ให้มาเขียน review ในพันทิพซะเลย)
เรามาถึง Aire River ราว ๆ 10.40 คุยกับคุณลุงลีอีกเล็กน้อย แลกเบอร์ แลกอีเมล์เสร็จ จ่ายเงินเสร็จ ($75 ถ้ามามากกว่าสองคนไม่รู้ว่าราคาจะเป็นเท่าไร ตอนคุยกันเรื่องราคา เราบอกว่ามากันสองคนเขาก็บอกราคานี้มา แล้วเราก็ไม่ได้ถามต่อว่าถ้ามามากกว่านี้จะราคานี้ด้วยไหม) เราก็พร้อมเดินทาง ในเป้ของเรามีน้ำกันคนละขวด (600 ml) พร้อมกล้วยหอมอีกสองลูก คุณลุงลีถามว่าทานกลางวันกันมาหรือยัง เราบอกไปว่าเพิ่งทานเช้าควบกลางวันมา คงน่าจะพอไหว สำหรับเรื่องน้ำคุณลุงบอกว่าน้ำที่เรามีน่าจะพอ แต่แนะนำว่าให้ดื่มน้ำให้เต็มที่ซะก่อน แล้วจากนั้นก็เติมน้ำให้เต็มขวด โดยสามารถเติมน้ำได้ที่แท้งค์น้ำบริเวณ campground ณ จุดเริ่มต้น น้ำเป็นน้ำฝน คุณลุงบอกว่าดื่มได้ ปลอดภัย (ป้ายที่ก๊อกบอกว่าห้ามใช้ดื่ม เราถามคนที่ตั้งแค้มป์อยู่ที่นั่นว่าเติมน้ำได้ที่ไหน เขาก็บอกเหมือนที่คุณลุงลีบอกว่าดื่มน้ำฝนจากก๊อกที่แท้งค์ได้เลย เขาก็ดื่มอันนี้ เอาเป็นว่าเราเชื่อคุณลุงลีไม่เชื่อป้ายห้าม)
ออกเดินทาง 10.50 น.
เนื่องจากเราเริ่มเดินค่อนข้างสาย และผมเกรงว่าเราจะถึงจุดหมายปลายทางช้า รวมถึงเราก็ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ดังนั้นเราก็เลยต้องรีบเดิน “รีบเดิน อย่า appreciate กับธรรมชาติมากนัก ชื่นชมแค่พอดี แล้วรีบเดินต่อ” ผมบอกเพื่อนก่อนเริ่มออกเดินทาง “บ้าป่าววะ มาเดินทั้งที” เพื่อนผมแย้ง สุดท้ายก็เจอกันครึ่งทางคือช่วงไหนที่ไม่มีอะไรให้ดูก็รีบเดิน พอวิวสวยก็หยุดถ่ายรูปได้เต็มที่ (แต่ผมก็ยื่นเร่งอยู่ไม่ได้ขาด 555)
ที่เห็นนี่คือปากแม่น้ำ Aire
ช่วงแรกของการเดินทาง (Aire River – Castle Cove) ทางเดินดี แม้ว่าจะแฉะ แต่ไม่มีโคลนและไม่ลืน ช่วงไหนที่เป็นทางลงเนินก็จะมีไม้วางตามทางเพื่อช่วยให้เดินได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากความชื่นของภูมิอากาศ เราก็จะเห็นมอส เฟิร์นขึ้นอยู่ทั่วไป
มาถึงแล้วจุดครึ่งทาง Castle Cove
นั่งพักแป๊ป
ยังไหว ๆ
ในช่วงหลังของการเดิน (Castle Cove – Johanna Beach) ทางมีการปรับปรุงและยังทำไม่เสร็จ จึงทำให้มีโคลนและทางเดินค่อนข้างลื่นในตอนต้น ๆ ของช่วงหลังนี้ สำหรับลักษณะของป่าของช่วงนี้ก็แตกต่างกับช่วงแรก บางช่วงเป็นพุ่มไม้เตี้ย บางช่วงเป็นป่ายูคาลิปตัส (ช่วงแรกส่วนใหญ่จะเป็นไม้พุ่มเตี้ย) ผมกับเพื่อนก็แอบมองหาโคอาล่าอยู่เหมือนกันเผื่อจะเจอ แต่ก็ไม่เจอ
เห็นหาดไกล ๆ นั่นคือ Johanna Beach
ตอนเริ่มเดินอากาศเย็นมากแม้ฝนจะไม่ตกแล้วแต่อากาศยังคงชื่นอยู่มาก เสื้อผ้าจัดเต็ม ผ้าพันคอ เสื้อสองสามชั้น พอเดินมาได้สักพัก เสื้อตัวนอกถูกถอดมาพันไว้ที่เอว ผ้าพันคอถูกยัดเข้าไปในเป้ เหงื่อเริ่มซึม บางช่วงมีฝนตกลงมาในเวลาสั้น ๆ แล้วก็ซาไป แต่ในช่วยสุดท้ายก่อนถึง Johanna Beach ฝนเม็ดเล็ก ๆ พร้อมลมกระหน่ำมาอีกครั้งเล่นเอาเปียกไปพอสมควร ช่วงท้าย ๆ ก่อนถึง Johanna Beach จะมีช่วงขึ้นเขาลงเขาค่อนข้างเยอะ เดินไปหอบไปเหมือนหมาหอบแดด
บ่ายสามกว่า ๆ เราก็เดินมาถึง Johanna Beach ด้วยความเหนื่อยอ่อน พอลงมาเดินที่ชายหาดตอนแรกคิดว่าจะเดินง่าย ๆ ที่ไหนได้ เดินยากกว่าเดินในป่าซะอีก อย่างที่บอกไปตอนแรก ๆ ว่า Johanna Beach เป็นหาดที่ยาวมาก เรามารู้สึกว่ามันยาวมากเอาจริง ๆ ตอนเรามาเดินนี่แหละ เดินยังไงก็ไม่ถึงปลายหาดซะที ผมเริ่มรู้สึกหิว กล้วยหอมสองลูกนั้นหมดไปตั้งแต่แวะพักตอนอยู่ Castle Cove ส่วนน้ำในขวดไม่พร่องไปเลยเนื่องจากไม่รู้สึกกระหายเลยแม้แต่น้อย
(เดี๋ยวมาต่อครับ)