ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่านี่ถือเป็นกระทู้แรกในชีวิต หลังจากที่ได้อ่านเรื่องชีวิตของใครหลายคน จนรู้สึกว่าอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวที่ต้องบอกว่า "ความรับผิดชอบอยู่เหนือความรักจริงๆ"
ขอท้าวความไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเราอายุ 23 ปี เราทำงานที่ผับแห่งหนึ่ง ใน กทม. ตำแหน่งแคชเชียร์ ซึ่งการทำตำแหน่งนี้ก็ต้องอยู่กับเงินใช่มั้ยคะ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นคะ ประเด็นมันอยู่ที่ อยู่กับเงินก็เลยต้องรู้จักบริษัทส่งสินค้าต่างๆ และก็ทำให้รู้จักเจ้าของบริษัท แกชื่อพี่เอ (นามสมมติ)
มีอยู่คืนหนึ่งมีโอกาสได้ไปกินเหล้ากับพี่เอ และก็เลยได้รู้จักกับเพื่อนพี่เอ ชื่อพี่บี (นามสมมติ) ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจอะไร สวัสดี แล้วก็กินเหล้าต่อ (ใครจะไปสนใจ หน้าตาก็ไม่หล่อแถมแก่กว่าเราตั้ง 1 รอบ) หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ไปทำงานปกติ เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ก็ต้องตกใจ เพราะอยู่ดีๆ พี่บี ก็มายืนหน้าเคาน์เตอร์ มาทักทาย และก็สั่งเหล้ากิน แถมยังสั่งอาหารมาให้เรากิน เราก็เฮ้ยเอาละ จีบกูปะวะ ไม่เอานะ กูไม่ชอบคนแก่ หลังจากนั้นพอเราเลิกงาน เราก็เดินออกมาจากร้าน พระเจ้า! พี่บีแกยืนรออยู่ คิดในใจทำไงดีวะ เดินหนีไปเลยดีมั้ย แต่อยู่ดีๆ พี่บีก็เดินมาหาเรา แล้วชวนเราไปกินข้าว เราก็หิวข้าวอยู่พอดี เอาวะ ไปก็ได้
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พี่บีแกก็มาหาทุกวัน และก็ไปส่งที่ห้องทุกวัน มันยังงัยอ่ะ มันใช้ได้จริงๆนะ ไอคำที่ว่า "น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันมันยังกร่อน" ทั้งๆ ที่ในใจคิดมาตลอด ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบคนแก่ เราวัยรุ่นอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ตกลงคบเป็นแฟนกัน และเราก็เช่าห้องอยู่ด้วยกัน
ต้องบอกเลยว่าระยะเวลาที่คบกัน พี่บีดีกับเรามาก ฝากงานที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งให้เรา จะว่าไปก็คือเปลี่ยนชีวิตเราเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นเราก็ยังเรียนไม่จบ แต่กลับมีงานดีๆ ทำ เราก็คบกันเรื่อยมา มีความสุข ทุกอย่างไปได้ดีจริงๆค่ะ
จนเข้าปีที่ 3 ของการคบ ยุคโซเชียลก็เข้ามามีบทบาทในตอนนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งเราแอบไปเห็นในมือถือของเค้า เราเห็นรูปที่ถ่ายจากมุมสูงเห็นถนนและแสงไฟยามค่ำคืน เหมือนคล้ายๆร้านอาหารที่อยู่บนดาดฟ้า (เพื่อนๆลองคิดตามนะคะ) เราก็แปลกใจทำไมถึงไปถ่ายได้ เพราะก็บอกเราว่าทำงาน เราก็เลยถาม เค้าก็บอกว่าไปกินเหล้ากับเพื่อนๆที่ทำงาน ในใจเราก็ไม่เชื่อหรอกแต่ก็ขี้เกียจมีปัญหา ก็ผ่านไป แต่หลังจากนั้น มันก็มีบ่อยขึ้น กลับดึก โทรไปไม่รับ รับแต่ก็บอกจะกลับแล้ว บางทีก็หายไปเลยจนเช้าถึงกลับ เราเลยไม่ไหวเลยถาม ว่ามีผู้หญิงอื่นหรือเปล่า เค้าก็บอกไม่มี ไม่มีไรหรอก ช่วงนี้ที่ออฟฟิศกินเหล้ากันบ่อยเลยไปด้วยเฉยๆ
จนมาคืนหนึ่ง เราแบบข้องใจมาก ตอนเค้าหลับเราเลยไปแอบดูมือถือของเค้า เรื่องก็เลยเฉลย คือต้องบอกก่อนว่ามือถือมันสามารถตั้งกล่องได้ใช่มั้ยคะ ใช่ค่ะ เค้าตั้งกล่องเพื่อเก็บรูป เราก็เฮ้ย ถึงขนาดตั้งกล่อง ต้องมีอะไรแน่ๆ เลยเปิดเข้าไปดู ใช่เลยค่ะสิ่งที่เราคิด เค้าถ่ายรูปกับผู้หญิงจริงๆ เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดี อีกอย่างคือไปกัน 2 คนค่ะ (จากรูปที่ถ่ายมาบรรยากาศมันบอกแบบนั้น)
ถามว่าช็อคมั้ย ตอนนั้นก็ไม่เท่าไหร่นะคะ เพราะเราก็มีส่วนผิด ช่วงนั้นเราก็เที่ยวเหมือนกัน ช่วงนั้นดนตรีเรกเก้สกากำลังเข้ามา แล้วเราก็มีกลุ่มเพื่อนที่เที่ยวกันเกือบทุกวัน ก็แทบจะไม่ได้เจอพี่บีเลย ตรงนี้เราก็มีส่วนผิดจริงๆ ที่ไม่ได้มีเวลาอยู่กับพี่บี
และมาวันหนึ่ง สิ่งที่เราเก็บไว้ ก็ได้โอกาสถามเค้าว่าผู้หญิงในรูปคือใคร เค้าก็บอกว่าเพื่อน เราเลยถามว่าเพื่อนจริงหรอ ทำไมดูใกล้ชิด เค้าก็บอกว่าผู้หญิงคนนี้ (สมมติชื่อ ซี) มาชอบเค้า (บอกอีกนิดนึงค่ะ พี่บี เป็นคนตลก มีมุขตลอด ใครได้อยู่ด้วยแล้วจะชอบค่ะ) เราก็เลยถามว่าแล้วพี่ชอบพี่ซีหรือเปล่า พี่บีก็บอกว่าก็มีนิดนึง ก็เพราะเราไม่ค่อยมีเวลาให้พี่ พี่ได้คุยกับซีแล้วมันมีความสุข เราน้ำตาไหลเลยค่ะ รู้สึกทั้งผิดหวังและรู้สึกผิด เราก็เลยบอกว่างั้นเราจะเลิกเที่ยว แต่จะไปไหนมาไหนกับพี่ตลอด โอเคมั้ย แต่พี่ต้องไม่ติดต่อพี่ซีนะ พี่เค้าก็เลยบอกโอเค (ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าคำว่าโอเคของพี่บี แค่ปัดๆไปหรือจะทำจริงๆ)
หลังจากวันนั้น เราก็ไปไหนมาไหนกับพี่บีเยอะขึ้น อยากดื่มเหล้าก็ไปด้วยกันตลอด จนเราถามเค้าอีกครั้งว่ายังติดต่อกับพี่ซีอยู่หรือเปล่า พี่บีก็บอกว่า ไม่แล้ว ไม่อยากให้เราไม่สบายใจ และมันก็เป็นไปไม่ได้ด้วย ทุกอย่างก็ผ่านไป
จนมาถึงปีที่ 5 ที่คบกัน จุดของการเลิกรา ถึงตอนนี้ พี่บีทำงานเป็นผู้สื่อข่าว นสพ.เล่มหนึ่ง ที่ต้องปิดหน้าช่วงกลางคืน ส่วนเราก็เป็นผู้สื่อข่าวทีวีดาวเทียมช่องหนึ่ง ตอนแรกๆ แม้เวลาอาจจะไม่ตรงกัน เพราะพี่บีปิดหน้ากลางคืนกลับมาตอนเช้า ช่วงเราก็ทำงานกลางวัน แต่ผู้สื่อข่าวแบบเราเมื่อทำข่าวเสร็จก็สามารถกลับได้เลย ก็เลยยังทำให้มีเวลาเจอพี่บี ก็ไปกินข้าว ดูหนัง ช็อปปิ้งกันตามประสา แต่ไม่นานเราก็ต้องขอทางสถานีย้ายตำแหน่ง เพราะความจริงแล้วผู้สื่อข่าวได้หยุดเพียง 1 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น ทำให้ไปเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ได้ไม่เต็มที่ ก็เลยต้องขอย้ายตำแหน่งงาน แล้วงานตำแหน่งที่ทำนี้ทำจันทร์ถึงศุกร์ และเข้างาน 9.00 น.-18.00 น. และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เราไม่ค่อยได้เจอพี่บี เราะเมื่อเรากลับถึงห้อง พี่บีก็ออกไปทำงานแล้ว และตอนเช้าเราออกไปงาน พี่บีก็กลับมาถึงห้อง คือชีวิตของเรา 2 คน สวนทางกัน ทำให้คุยกันน้อยลง มีเวลาทำกิจกรรมด้วยกันน้อยลง
และจุดจบของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมปี 2012 เรากลับบ้านต่างจังหวัด พี่บีต้องทำงานไม่มีโอกาสได้กลับไปด้วย ระยะเวลาที่เราอยู่บ้านเรากับพี่บีไม่ได้คุยกันเลย ซึ่งเราก็ยอมรับพออยู่ที่บ้านก็มีความสุขกับญาติ พี่ น้อง เลยไม่ได้นึกถึงพี่บี พอเรากลับมาถึง กทม. มันบอกไม่ถูก มันเหมือนเรากับพี่บีห่างกันออกไปทุกที ไม่รู้ทำไม คุยกันน้อยลง กินข้าวด้วยกันน้อยลง จนเราเฮ้ยย เราเป็นอะไรกัน ไม่มีความสุขหรอ จนในที่สุดเราก็ไปรู้เรื่องราวอย่างหนึ่งมาจากโลกโซเชียลที่เรียกว่า Facebook ก็คือพี่ซีท้อง เราคิด คิด คิด ไม่ใช่พี่บีแน่นอน พี่บีอยู่กับเราตลอด ไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ พี่บีไม่ทำร้ายเราแน่นอน เรารักกันกันดีอยู่ แต่ผู้หญิงนะคะเพื่อนๆ มันเก็บความข้องใจไว้ไม่อยู่หรอก พอมีโอกาสก็เลยถามพี่บีเลยว่า “พี่บี รู้ป่าวพี่ซีท้อง หนูเห็นใน Facebook” พี่บีก็ตอบว่า “หรอ อืม” ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนกับว่าพี่บีเค้าไม่สนใจพี่ซี เหมือนแค่รับรู้ ก็จบ แบบนี้
แต่แล้วสิ่งที่เราไม่คิดเลยว่าจะเป็นจริงก็เกิดขึ้น พี่ซีท้องกับพี่บีค่ะ ช็อคค่ะ ช็อคจริงๆ พี่บีมาบอกเราว่าพี่ซีแกล้งพี่บี ปล่อยให้ท้อง พี่ซีบอกพี่บีว่ากินยาแล้ว แต่ก็ยังท้อง พี่บีไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เรามึนค่ะ ทำอะไรไม่ถูก กลับไปที่ห้อง นั่งอยู่ในห้องอย่างนั้น ร้องไห้ ไปต่อไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังงัยดี ความไว้ใจของเราทำไมพี่บีถึงทำกับเราได้
พี่บีกลับมา ก้มหน้าร้องไห้ พูดขอโทษเรา บอกเสียใจ ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เราก็เลยถามพี่บี พี่บีพูดว่า "เราไม่ได้ผิดอะไรเลย พี่เองที่ผิด ที่ไม่ระวังทำให้เราเสียใจ" เราก็เลยถามพี่บีว่าจ้ะทำยังงัยต่อ ด้วยความที่เราก็รักพี่เค้าก็เลยถามไปว่า พี่บีรับผิดชอบแต่ลูกได้มั้ย ส่วนพี่ซีพี่ก็เลิกไป แต่พี่บีก็ตอบกลับมาว่า "เราจะทนได้หรอถ้าพี่ต้องไปหาลูกและต้องเจอกับพี่ซีตลอด เราทำใจได้หรอ เรายังเด็กมีโอกาสอีกมากมายที่จะเจอใคร พี่ขอโทษนะ เห็นเรารักพี่มากขนาดนี้ พี่ยิ่งรักเรามากขึ้น แต่พี่ผิดเอง พี่ทำมันแย่เอง พี่ขอโทษนะ"
และทุกอย่างก็จบลง
เราเสียใจค่ะ แต่ก็ต้องเข้มแข็ง เราไม่โทษพี่บีนะ อย่างน้อยทุกวันนี้พี่ซีก็ดูแลพี่บีดี เรายังไม่รุ้เลยว่าถ้าได้คบกับพี่บีถึงทุกวันนี้ เราจะดูแลพี่บีได้ดีเท่าพี่ซีหรือเปล่า ตอนนี้พี่บีก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์ ทุกวันนี้เราก็ยังได้เจอพี่บีอยู่นะ เพราะว่ายังทำงานสายเดียวกัน ก็เลยยังได้มีโอกาสเจอกัน เชื่อมั้ยคะ จนวันนี้เราก็ยังคิดถึงพี่บีเสมอ เพราะเค้าเป็นผู้ชายที่ดีกับเราจริงๆ
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่อ่านนะคะ ฝากข้อคิดไว้ว่า "ใส่ใจคนใกล้ตัวให้มากๆ เพราะโอกาสอาจมีไม่มากนัก"
5 ปี ที่ไม่มีความหมาย
ขอท้าวความไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเราอายุ 23 ปี เราทำงานที่ผับแห่งหนึ่ง ใน กทม. ตำแหน่งแคชเชียร์ ซึ่งการทำตำแหน่งนี้ก็ต้องอยู่กับเงินใช่มั้ยคะ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นคะ ประเด็นมันอยู่ที่ อยู่กับเงินก็เลยต้องรู้จักบริษัทส่งสินค้าต่างๆ และก็ทำให้รู้จักเจ้าของบริษัท แกชื่อพี่เอ (นามสมมติ)
มีอยู่คืนหนึ่งมีโอกาสได้ไปกินเหล้ากับพี่เอ และก็เลยได้รู้จักกับเพื่อนพี่เอ ชื่อพี่บี (นามสมมติ) ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจอะไร สวัสดี แล้วก็กินเหล้าต่อ (ใครจะไปสนใจ หน้าตาก็ไม่หล่อแถมแก่กว่าเราตั้ง 1 รอบ) หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ไปทำงานปกติ เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ก็ต้องตกใจ เพราะอยู่ดีๆ พี่บี ก็มายืนหน้าเคาน์เตอร์ มาทักทาย และก็สั่งเหล้ากิน แถมยังสั่งอาหารมาให้เรากิน เราก็เฮ้ยเอาละ จีบกูปะวะ ไม่เอานะ กูไม่ชอบคนแก่ หลังจากนั้นพอเราเลิกงาน เราก็เดินออกมาจากร้าน พระเจ้า! พี่บีแกยืนรออยู่ คิดในใจทำไงดีวะ เดินหนีไปเลยดีมั้ย แต่อยู่ดีๆ พี่บีก็เดินมาหาเรา แล้วชวนเราไปกินข้าว เราก็หิวข้าวอยู่พอดี เอาวะ ไปก็ได้
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พี่บีแกก็มาหาทุกวัน และก็ไปส่งที่ห้องทุกวัน มันยังงัยอ่ะ มันใช้ได้จริงๆนะ ไอคำที่ว่า "น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันมันยังกร่อน" ทั้งๆ ที่ในใจคิดมาตลอด ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบคนแก่ เราวัยรุ่นอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ตกลงคบเป็นแฟนกัน และเราก็เช่าห้องอยู่ด้วยกัน
ต้องบอกเลยว่าระยะเวลาที่คบกัน พี่บีดีกับเรามาก ฝากงานที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งให้เรา จะว่าไปก็คือเปลี่ยนชีวิตเราเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นเราก็ยังเรียนไม่จบ แต่กลับมีงานดีๆ ทำ เราก็คบกันเรื่อยมา มีความสุข ทุกอย่างไปได้ดีจริงๆค่ะ
จนเข้าปีที่ 3 ของการคบ ยุคโซเชียลก็เข้ามามีบทบาทในตอนนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งเราแอบไปเห็นในมือถือของเค้า เราเห็นรูปที่ถ่ายจากมุมสูงเห็นถนนและแสงไฟยามค่ำคืน เหมือนคล้ายๆร้านอาหารที่อยู่บนดาดฟ้า (เพื่อนๆลองคิดตามนะคะ) เราก็แปลกใจทำไมถึงไปถ่ายได้ เพราะก็บอกเราว่าทำงาน เราก็เลยถาม เค้าก็บอกว่าไปกินเหล้ากับเพื่อนๆที่ทำงาน ในใจเราก็ไม่เชื่อหรอกแต่ก็ขี้เกียจมีปัญหา ก็ผ่านไป แต่หลังจากนั้น มันก็มีบ่อยขึ้น กลับดึก โทรไปไม่รับ รับแต่ก็บอกจะกลับแล้ว บางทีก็หายไปเลยจนเช้าถึงกลับ เราเลยไม่ไหวเลยถาม ว่ามีผู้หญิงอื่นหรือเปล่า เค้าก็บอกไม่มี ไม่มีไรหรอก ช่วงนี้ที่ออฟฟิศกินเหล้ากันบ่อยเลยไปด้วยเฉยๆ
จนมาคืนหนึ่ง เราแบบข้องใจมาก ตอนเค้าหลับเราเลยไปแอบดูมือถือของเค้า เรื่องก็เลยเฉลย คือต้องบอกก่อนว่ามือถือมันสามารถตั้งกล่องได้ใช่มั้ยคะ ใช่ค่ะ เค้าตั้งกล่องเพื่อเก็บรูป เราก็เฮ้ย ถึงขนาดตั้งกล่อง ต้องมีอะไรแน่ๆ เลยเปิดเข้าไปดู ใช่เลยค่ะสิ่งที่เราคิด เค้าถ่ายรูปกับผู้หญิงจริงๆ เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดี อีกอย่างคือไปกัน 2 คนค่ะ (จากรูปที่ถ่ายมาบรรยากาศมันบอกแบบนั้น)
ถามว่าช็อคมั้ย ตอนนั้นก็ไม่เท่าไหร่นะคะ เพราะเราก็มีส่วนผิด ช่วงนั้นเราก็เที่ยวเหมือนกัน ช่วงนั้นดนตรีเรกเก้สกากำลังเข้ามา แล้วเราก็มีกลุ่มเพื่อนที่เที่ยวกันเกือบทุกวัน ก็แทบจะไม่ได้เจอพี่บีเลย ตรงนี้เราก็มีส่วนผิดจริงๆ ที่ไม่ได้มีเวลาอยู่กับพี่บี
และมาวันหนึ่ง สิ่งที่เราเก็บไว้ ก็ได้โอกาสถามเค้าว่าผู้หญิงในรูปคือใคร เค้าก็บอกว่าเพื่อน เราเลยถามว่าเพื่อนจริงหรอ ทำไมดูใกล้ชิด เค้าก็บอกว่าผู้หญิงคนนี้ (สมมติชื่อ ซี) มาชอบเค้า (บอกอีกนิดนึงค่ะ พี่บี เป็นคนตลก มีมุขตลอด ใครได้อยู่ด้วยแล้วจะชอบค่ะ) เราก็เลยถามว่าแล้วพี่ชอบพี่ซีหรือเปล่า พี่บีก็บอกว่าก็มีนิดนึง ก็เพราะเราไม่ค่อยมีเวลาให้พี่ พี่ได้คุยกับซีแล้วมันมีความสุข เราน้ำตาไหลเลยค่ะ รู้สึกทั้งผิดหวังและรู้สึกผิด เราก็เลยบอกว่างั้นเราจะเลิกเที่ยว แต่จะไปไหนมาไหนกับพี่ตลอด โอเคมั้ย แต่พี่ต้องไม่ติดต่อพี่ซีนะ พี่เค้าก็เลยบอกโอเค (ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าคำว่าโอเคของพี่บี แค่ปัดๆไปหรือจะทำจริงๆ)
หลังจากวันนั้น เราก็ไปไหนมาไหนกับพี่บีเยอะขึ้น อยากดื่มเหล้าก็ไปด้วยกันตลอด จนเราถามเค้าอีกครั้งว่ายังติดต่อกับพี่ซีอยู่หรือเปล่า พี่บีก็บอกว่า ไม่แล้ว ไม่อยากให้เราไม่สบายใจ และมันก็เป็นไปไม่ได้ด้วย ทุกอย่างก็ผ่านไป
จนมาถึงปีที่ 5 ที่คบกัน จุดของการเลิกรา ถึงตอนนี้ พี่บีทำงานเป็นผู้สื่อข่าว นสพ.เล่มหนึ่ง ที่ต้องปิดหน้าช่วงกลางคืน ส่วนเราก็เป็นผู้สื่อข่าวทีวีดาวเทียมช่องหนึ่ง ตอนแรกๆ แม้เวลาอาจจะไม่ตรงกัน เพราะพี่บีปิดหน้ากลางคืนกลับมาตอนเช้า ช่วงเราก็ทำงานกลางวัน แต่ผู้สื่อข่าวแบบเราเมื่อทำข่าวเสร็จก็สามารถกลับได้เลย ก็เลยยังทำให้มีเวลาเจอพี่บี ก็ไปกินข้าว ดูหนัง ช็อปปิ้งกันตามประสา แต่ไม่นานเราก็ต้องขอทางสถานีย้ายตำแหน่ง เพราะความจริงแล้วผู้สื่อข่าวได้หยุดเพียง 1 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น ทำให้ไปเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ได้ไม่เต็มที่ ก็เลยต้องขอย้ายตำแหน่งงาน แล้วงานตำแหน่งที่ทำนี้ทำจันทร์ถึงศุกร์ และเข้างาน 9.00 น.-18.00 น. และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เราไม่ค่อยได้เจอพี่บี เราะเมื่อเรากลับถึงห้อง พี่บีก็ออกไปทำงานแล้ว และตอนเช้าเราออกไปงาน พี่บีก็กลับมาถึงห้อง คือชีวิตของเรา 2 คน สวนทางกัน ทำให้คุยกันน้อยลง มีเวลาทำกิจกรรมด้วยกันน้อยลง
และจุดจบของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมปี 2012 เรากลับบ้านต่างจังหวัด พี่บีต้องทำงานไม่มีโอกาสได้กลับไปด้วย ระยะเวลาที่เราอยู่บ้านเรากับพี่บีไม่ได้คุยกันเลย ซึ่งเราก็ยอมรับพออยู่ที่บ้านก็มีความสุขกับญาติ พี่ น้อง เลยไม่ได้นึกถึงพี่บี พอเรากลับมาถึง กทม. มันบอกไม่ถูก มันเหมือนเรากับพี่บีห่างกันออกไปทุกที ไม่รู้ทำไม คุยกันน้อยลง กินข้าวด้วยกันน้อยลง จนเราเฮ้ยย เราเป็นอะไรกัน ไม่มีความสุขหรอ จนในที่สุดเราก็ไปรู้เรื่องราวอย่างหนึ่งมาจากโลกโซเชียลที่เรียกว่า Facebook ก็คือพี่ซีท้อง เราคิด คิด คิด ไม่ใช่พี่บีแน่นอน พี่บีอยู่กับเราตลอด ไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ พี่บีไม่ทำร้ายเราแน่นอน เรารักกันกันดีอยู่ แต่ผู้หญิงนะคะเพื่อนๆ มันเก็บความข้องใจไว้ไม่อยู่หรอก พอมีโอกาสก็เลยถามพี่บีเลยว่า “พี่บี รู้ป่าวพี่ซีท้อง หนูเห็นใน Facebook” พี่บีก็ตอบว่า “หรอ อืม” ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนกับว่าพี่บีเค้าไม่สนใจพี่ซี เหมือนแค่รับรู้ ก็จบ แบบนี้
แต่แล้วสิ่งที่เราไม่คิดเลยว่าจะเป็นจริงก็เกิดขึ้น พี่ซีท้องกับพี่บีค่ะ ช็อคค่ะ ช็อคจริงๆ พี่บีมาบอกเราว่าพี่ซีแกล้งพี่บี ปล่อยให้ท้อง พี่ซีบอกพี่บีว่ากินยาแล้ว แต่ก็ยังท้อง พี่บีไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เรามึนค่ะ ทำอะไรไม่ถูก กลับไปที่ห้อง นั่งอยู่ในห้องอย่างนั้น ร้องไห้ ไปต่อไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังงัยดี ความไว้ใจของเราทำไมพี่บีถึงทำกับเราได้
พี่บีกลับมา ก้มหน้าร้องไห้ พูดขอโทษเรา บอกเสียใจ ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เราก็เลยถามพี่บี พี่บีพูดว่า "เราไม่ได้ผิดอะไรเลย พี่เองที่ผิด ที่ไม่ระวังทำให้เราเสียใจ" เราก็เลยถามพี่บีว่าจ้ะทำยังงัยต่อ ด้วยความที่เราก็รักพี่เค้าก็เลยถามไปว่า พี่บีรับผิดชอบแต่ลูกได้มั้ย ส่วนพี่ซีพี่ก็เลิกไป แต่พี่บีก็ตอบกลับมาว่า "เราจะทนได้หรอถ้าพี่ต้องไปหาลูกและต้องเจอกับพี่ซีตลอด เราทำใจได้หรอ เรายังเด็กมีโอกาสอีกมากมายที่จะเจอใคร พี่ขอโทษนะ เห็นเรารักพี่มากขนาดนี้ พี่ยิ่งรักเรามากขึ้น แต่พี่ผิดเอง พี่ทำมันแย่เอง พี่ขอโทษนะ"
และทุกอย่างก็จบลง
เราเสียใจค่ะ แต่ก็ต้องเข้มแข็ง เราไม่โทษพี่บีนะ อย่างน้อยทุกวันนี้พี่ซีก็ดูแลพี่บีดี เรายังไม่รุ้เลยว่าถ้าได้คบกับพี่บีถึงทุกวันนี้ เราจะดูแลพี่บีได้ดีเท่าพี่ซีหรือเปล่า ตอนนี้พี่บีก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์ ทุกวันนี้เราก็ยังได้เจอพี่บีอยู่นะ เพราะว่ายังทำงานสายเดียวกัน ก็เลยยังได้มีโอกาสเจอกัน เชื่อมั้ยคะ จนวันนี้เราก็ยังคิดถึงพี่บีเสมอ เพราะเค้าเป็นผู้ชายที่ดีกับเราจริงๆ
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่อ่านนะคะ ฝากข้อคิดไว้ว่า "ใส่ใจคนใกล้ตัวให้มากๆ เพราะโอกาสอาจมีไม่มากนัก"