เพิ่งมีโอกาสได้เขียนเรื่องราวต่อเนื่องจากกระทู้
http://pantip.com/topic/30131841 นี้
เหตุการณ์ตามหาครูประจำชั้น ป.6 เริ่มตั้งแต่ 7 ก.พ. 2556
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น เราก็คิดว่าจะพยายามติดต่อ อาจารย์ให้บ่อยและต่อเนื่องที่สุด (เพราะกลัวอาจารย์จะลืม)
ไม่ว่าจะเป็นไปเยี่ยมท่านอาจารย์ด้วยตนเอง หรือว่าการโทรศัพท์สอบถามความเป็นไป
วันนั้นได้ขอเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นเบอร์บ้านมาด้วย แต่ท่านอาจารย์ก็บอกไว้ว่า อาจจะโทรไม่ติดบ้างนะ เพราะโทรศัพท์มันไม่ค่อยดีแล้ว
หลังจากที่กลับจากบ้านท่านอาจารย์ในวันนั้น เราก็มีงานเข้ามาเยอะมาก บางครั้งทำงานต่อเนื่องเลย ไม่หยุดเสาร์-อาทิตย์
เพราะทำงาน 2 ที่ งานประจำและงานพาร์ทไทม์ จนไม่มีเวลาที่จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แต่ใช้วิธีการโทรกลับบ้านให้บ่อยมากขึ้น
และไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะได้ไปเยี่ยมท่านอาจารย์ไหม แน่นอนค่ะ ไม่เลย ไม่มีเวลาไปเลย
จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรามีโอกาสกลับไปที่ฉะเชิงเทราอีกครั้ง
แต่ต้องไปทำธุระด้วย และตอนบ่ายโมงครึ่งก็ต้องกลับมาสอนพิเศษต่อ
เราก็คิดว่าถ้าทำธุระเสร็จเร็ว ก็จะแวะไปเยี่ยมท่านอาจารย์ซักหน่อย
เหตุการณ์เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ ทำธุระเสร็จเกือบ 10 โมง เหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง
และบ้านท่านอาจารย์ก็อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้มาก นั่งรถซัก 10 นาทีน่าจะถึง ไม่อยากเสียโอกาสอีกก็เลยนั่งวินมอเตอร์ไซด์ไป
ด้วยความหลง ๆ ลืม ๆ ด้วย จำซอยไม่ได้ จำได้ว่าอยู่เยื้อง ๆ กับซอย (แต่ซอยอะไรหว่า ก็เลยบอกเค้าว่าปากซอย xxxx 4)
พอวินมอเตอร์ไซด์จอดปุ๊บ รู้เลยว่าไม่ใช่จุดหมายละ อ่ะไม่เป็นไร เดินไปต่อเองก็ได้ ก็เลยเดินย้อนขึ้นไป
จำได้ว่ามีร้านเป็ดตุ๋น อยู่เลยจากบ้านท่านอาจารย์มานิดหน่อย ก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอร้านเป็ดตุ๋น
อ่ะ ใกล้จุดหมายแล้ว คราวนี้หาร้านรองเท้าไม่เจอ เพราะเค้าปิดทำการหรืออย่างไรไม่ทราบได้
แต่ ณ จุด ๆ นั้นอยู่ใกล้กับบ้านท่านอาจารย์ที่เรากำลังจะไปพบ
เราอยู่หน้าบ้านท่านอาจารย์แล้ว แต่ว่าออดไม่มี
กำลังจะตะโกนเรียก อยู่ ๆ บรรดาน้องหมาที่ท่านอาจารย์เก็บมาเลี้ยงก็เห่ากันเอ็ดตะโรเสียงดัง จนมีคนเดินเปิดประตูออกมาดู
เห็นไกล ๆ ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม แต่เห็นว่าน่าจะเป็นผู้หญิง จนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเพ่งมองอีกที ไม่ผิดแน่ "อาจารย์" มาเอง
พอสุภาพสตรีท่านนั้นยืนตรงหน้า ก็เลยคิดว่าจะรายงานตัวอีกรอบ แต่ท่านอาจารย์ก็ทักทายก่อน "อ้าววว ยายทัศมายังไง เข้ามาก่อน"
ก็เลยแจ้งความประสงค์ และที่มาที่ไป จากนั้นท่านอาจารย์ก็ให้เข้ามารอภายในบริเวณบ้าน ท่านขอจัดการกับบรรดาน้องหมา น้องแมวซักครู่
ระหว่างนั้นท่านก็นำน้ำเขียวใส่น้ำแข็งมาให้ทานกันร้อนก่อน ตอนนั้นก็คิดว่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯประมาณซักเที่ยง ๆ
แต่ 11.30 น. กะว่าจะชวนท่านอาจารย์มาทานก๋วยเตี๋ยวที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ บ้านก่อน ไม่นานท่านอาจารย์ก็มานั่งคุยด้วย
ท่านบอกว่า "หายไปนานเลย ยายทัศ" (แอบดีใจ อาจารย์จำชื่อเสียงเรียงนามได้แม่นยำ 555+)
วันนั้นคุยกันค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องการงานที่ทำอยู่ ขอคำปรึกษาจากท่านอาจารย์เกี่ยวกับการสอนหนังสือบ้าง การใช้ชีวิตบ้าง
น้องหมาน้องแมวบ้าง ก็คุยจนลืมเวลา หันไปมองนาฬิกาอีกที เที่ยงพอดี ก็เลยบอกท่านอาจารย์ว่าขอลากลับก่อน ต้องไปสอนต่อ
ท่านอาจารย์หัวเราะแล้วบอกว่า "ยังไม่ได้ทานอะไรเลย จะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวทานข้าวหน่อยไหม กับข้าวมีเยอะเลยวันนี้"
เสียดายที่ต้องบอกท่านอาจารย์ไปว่า "กลัวกลับไปสอนหนังสือไม่ทันค่ะ แต่เดี๋ยวคราวหน้าจะหาเวลามาเยี่ยมอีกค่ะ"
ก่อนกลับท่านก็ให้ข้อคิดการใช้ชีวิตมาพอสมควร ทำให้เรารู้เลยว่า ท่านยังรักและยังปรารถนาดีกับเราเสมอ
เวลา 17 - 18 ปีที่ผ่านมา ความห่วงใยมันไม่ได้ลดลงเลย ดูเหมือนว่าเรากับท่านอาจารย์ได้คุยกันมากขึ้น ถึงแม้จะนาน ๆ ครั้งก็ตาม
ความเป็นศิษย์ ความเป็นครู มันยิ่งใหญ่ ยั่งยืน ยาวนานจริง ๆ
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
เวลาปีกว่า ๆ ที่ไม่ได้คุยกัน ทำให้รู้ว่าความ "คิดถึง" ที่มี มันมากมายจริงๆ
เหตุการณ์ตามหาครูประจำชั้น ป.6 เริ่มตั้งแต่ 7 ก.พ. 2556
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น เราก็คิดว่าจะพยายามติดต่อ อาจารย์ให้บ่อยและต่อเนื่องที่สุด (เพราะกลัวอาจารย์จะลืม)
ไม่ว่าจะเป็นไปเยี่ยมท่านอาจารย์ด้วยตนเอง หรือว่าการโทรศัพท์สอบถามความเป็นไป
วันนั้นได้ขอเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นเบอร์บ้านมาด้วย แต่ท่านอาจารย์ก็บอกไว้ว่า อาจจะโทรไม่ติดบ้างนะ เพราะโทรศัพท์มันไม่ค่อยดีแล้ว
หลังจากที่กลับจากบ้านท่านอาจารย์ในวันนั้น เราก็มีงานเข้ามาเยอะมาก บางครั้งทำงานต่อเนื่องเลย ไม่หยุดเสาร์-อาทิตย์
เพราะทำงาน 2 ที่ งานประจำและงานพาร์ทไทม์ จนไม่มีเวลาที่จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แต่ใช้วิธีการโทรกลับบ้านให้บ่อยมากขึ้น
และไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะได้ไปเยี่ยมท่านอาจารย์ไหม แน่นอนค่ะ ไม่เลย ไม่มีเวลาไปเลย
จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรามีโอกาสกลับไปที่ฉะเชิงเทราอีกครั้ง
แต่ต้องไปทำธุระด้วย และตอนบ่ายโมงครึ่งก็ต้องกลับมาสอนพิเศษต่อ
เราก็คิดว่าถ้าทำธุระเสร็จเร็ว ก็จะแวะไปเยี่ยมท่านอาจารย์ซักหน่อย
เหตุการณ์เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ ทำธุระเสร็จเกือบ 10 โมง เหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง
และบ้านท่านอาจารย์ก็อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้มาก นั่งรถซัก 10 นาทีน่าจะถึง ไม่อยากเสียโอกาสอีกก็เลยนั่งวินมอเตอร์ไซด์ไป
ด้วยความหลง ๆ ลืม ๆ ด้วย จำซอยไม่ได้ จำได้ว่าอยู่เยื้อง ๆ กับซอย (แต่ซอยอะไรหว่า ก็เลยบอกเค้าว่าปากซอย xxxx 4)
พอวินมอเตอร์ไซด์จอดปุ๊บ รู้เลยว่าไม่ใช่จุดหมายละ อ่ะไม่เป็นไร เดินไปต่อเองก็ได้ ก็เลยเดินย้อนขึ้นไป
จำได้ว่ามีร้านเป็ดตุ๋น อยู่เลยจากบ้านท่านอาจารย์มานิดหน่อย ก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอร้านเป็ดตุ๋น
อ่ะ ใกล้จุดหมายแล้ว คราวนี้หาร้านรองเท้าไม่เจอ เพราะเค้าปิดทำการหรืออย่างไรไม่ทราบได้
แต่ ณ จุด ๆ นั้นอยู่ใกล้กับบ้านท่านอาจารย์ที่เรากำลังจะไปพบ
เราอยู่หน้าบ้านท่านอาจารย์แล้ว แต่ว่าออดไม่มี
กำลังจะตะโกนเรียก อยู่ ๆ บรรดาน้องหมาที่ท่านอาจารย์เก็บมาเลี้ยงก็เห่ากันเอ็ดตะโรเสียงดัง จนมีคนเดินเปิดประตูออกมาดู
เห็นไกล ๆ ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม แต่เห็นว่าน่าจะเป็นผู้หญิง จนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเพ่งมองอีกที ไม่ผิดแน่ "อาจารย์" มาเอง
พอสุภาพสตรีท่านนั้นยืนตรงหน้า ก็เลยคิดว่าจะรายงานตัวอีกรอบ แต่ท่านอาจารย์ก็ทักทายก่อน "อ้าววว ยายทัศมายังไง เข้ามาก่อน"
ก็เลยแจ้งความประสงค์ และที่มาที่ไป จากนั้นท่านอาจารย์ก็ให้เข้ามารอภายในบริเวณบ้าน ท่านขอจัดการกับบรรดาน้องหมา น้องแมวซักครู่
ระหว่างนั้นท่านก็นำน้ำเขียวใส่น้ำแข็งมาให้ทานกันร้อนก่อน ตอนนั้นก็คิดว่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯประมาณซักเที่ยง ๆ
แต่ 11.30 น. กะว่าจะชวนท่านอาจารย์มาทานก๋วยเตี๋ยวที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ บ้านก่อน ไม่นานท่านอาจารย์ก็มานั่งคุยด้วย
ท่านบอกว่า "หายไปนานเลย ยายทัศ" (แอบดีใจ อาจารย์จำชื่อเสียงเรียงนามได้แม่นยำ 555+)
วันนั้นคุยกันค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องการงานที่ทำอยู่ ขอคำปรึกษาจากท่านอาจารย์เกี่ยวกับการสอนหนังสือบ้าง การใช้ชีวิตบ้าง
น้องหมาน้องแมวบ้าง ก็คุยจนลืมเวลา หันไปมองนาฬิกาอีกที เที่ยงพอดี ก็เลยบอกท่านอาจารย์ว่าขอลากลับก่อน ต้องไปสอนต่อ
ท่านอาจารย์หัวเราะแล้วบอกว่า "ยังไม่ได้ทานอะไรเลย จะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวทานข้าวหน่อยไหม กับข้าวมีเยอะเลยวันนี้"
เสียดายที่ต้องบอกท่านอาจารย์ไปว่า "กลัวกลับไปสอนหนังสือไม่ทันค่ะ แต่เดี๋ยวคราวหน้าจะหาเวลามาเยี่ยมอีกค่ะ"
ก่อนกลับท่านก็ให้ข้อคิดการใช้ชีวิตมาพอสมควร ทำให้เรารู้เลยว่า ท่านยังรักและยังปรารถนาดีกับเราเสมอ
เวลา 17 - 18 ปีที่ผ่านมา ความห่วงใยมันไม่ได้ลดลงเลย ดูเหมือนว่าเรากับท่านอาจารย์ได้คุยกันมากขึ้น ถึงแม้จะนาน ๆ ครั้งก็ตาม
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ