ขอสวนกระแสให้คนได้เห็นอีกด้านของชายผู้นี้ก่อนที่คุณจะด่าจะว่าเขายังไง
แล้วคุณจะคิดเหมือนผมว่า นี่แหละ ยอดชายที่เหนือว่าโค้ชเชที่คุณสรรเสริญเยินยอกันอยู่
พิทักษ์เป็นอดีตทีมชาติของไทยครับ ถึงโค้ชเชจะเป็นทีมชาติโคเรียเหมือนกัน
แต่โคเรียนี้ไม่มีใครรู้จักกันในไทยน่าจะเป็นคนละประเทศกับเกาหลีที่เป็นมหาอำนาจทางเคนวันโด ดังนั้นพิทักษ์จึงเหนือว่าอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านการอบรมผู้มีสิทธิสอบสายดำ หรือพูดง่ายๆว่าสามารถขายเชือกรัดเอวสีดำได้ในราคาสูงกว่าท้องตลาด
ในขณะที่โค้ชเชไม่มีเวลาขาย ความสามารถในทางการค้าก็เห็นได้ชัดเจนอีกว่าใครเก่งกว่า
ประวัตินักกีฬายิ่งโดดเด่นหนือว่าโค้ชเชไม่เชื่อมาดูกัน
เป็นแชมป์ดาวรุ่งชิงแชมป์ประะเทศไทยปี 2533 ซึ่งผมก็ถือว่าร่วมยุคเดียวกันย่อมทราบดี สมัยนั้นไม่ใช่ได้กันง่ายๆ จัดชิงแชมป์นี่คึกคัก นักกีฬาเดินชนกันมากกว่าคนที่มาดู โค้ชเชยอมรับเถอะ ชาตินี้ไม่มีทางได้รางวัลนี้
ในที่สุดก็ได้แชมป์ประเทศไทย อยากย้ำอีกครั้ง ตอนนั้นยุครุ่งเรืองคนเล่นกันหัวเป็นล้าน เล่นกันได้จนแก่ ไม่มีใครมาแข่งด้วย ไม่เหมือนสมัยนี้คนเล่นกันแค่ 8 แสนคน ไม่ถึงล้าน
ยิ่งกว่านั้นยังมีเกียรติประวัติที่เหนือกว่าโค้ชเชอีกมาก
เพราะเป็นนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันมาแล้วทั้งซีเกม เอเชี่ยนเกม ชิงแชมปืเอเซีย โดยไม่เคยติดเหรียญอะไรเลย
โดดเด่นกว่าโค้ชเช ในแง่ของการเข้าร่วมตามเจตนารมณ์อันแท้จริงตามสุภาษิตที่ว่า แพ้เป็นพระ โค้ชเชชนะย่อมเป็นมาร
ประวัดิการเป็นโค้ชนี่ต่างระดับกัน เข้าเป็นโค้ชทีมชาติปี 2543 พร้อมๆกับที่โค้ชเชไปรับงานที่บาห์เรน
พานักกีฬาไปแฮ้งเอาต์มาแล้วหลายการแข่งขันโดยไม่มีเหรียญอะไรติดมือให้เสียเวลาแพ็คของ
ประเทศไทยเห็นผลงานเลยรีบไปติดต่อโค้ชเชมาเป็นโค้ชในอีกสองปีต่อมา
ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมากเพราะหลังจากรับงานได้สองปี ก็มีเหรียญโอลิมปิคและอื่นๆตามมาอีกมากจนเสียเวลาแพ็คของกันทุกครั้ง
แถมนักกีฬาก็ต้องเสียเวลาแข่งกันจนถึงวันสุดท้าย ไม่เหมือนเมื่อก่อนสองวันแรกก็ออกเที่ยวได้แล้ว
ในช่วงแรกๆนั้นทั้งสองคนก็ยังทำงานเป็นโค้ชในสมาคมอยู่ด้วยกันอยู่สองปี
โดยเปรียบพิทักษ์เป็นเสาเอกดึกดําบรรพ์คอยรับฝากเด็กจากเพื่อนๆในวงการ
ส่วนโค้ชเชจากผลงานโอลิมปิกได้นำวงการเทควันโดสู่ยุคตกต่ำในไทยจนถึงขณะนี้
พิทักษ์ทนอยู่ในสมาคมและได้เป็นโค้ชในบางรายการ ต่อมาจึงผันตัวเองมาเปิดกิจการขายสายรัดเอวอย่างเป็นทางการ
ถึงประวัติเบื้องหน้าที่เห็นจะดูธรรดาสามัญไปหน่อย แต่ขอย้ำ เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง
ผู้ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดา พิทักษ์
แล้วคุณจะคิดเหมือนผมว่า นี่แหละ ยอดชายที่เหนือว่าโค้ชเชที่คุณสรรเสริญเยินยอกันอยู่
พิทักษ์เป็นอดีตทีมชาติของไทยครับ ถึงโค้ชเชจะเป็นทีมชาติโคเรียเหมือนกัน
แต่โคเรียนี้ไม่มีใครรู้จักกันในไทยน่าจะเป็นคนละประเทศกับเกาหลีที่เป็นมหาอำนาจทางเคนวันโด ดังนั้นพิทักษ์จึงเหนือว่าอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านการอบรมผู้มีสิทธิสอบสายดำ หรือพูดง่ายๆว่าสามารถขายเชือกรัดเอวสีดำได้ในราคาสูงกว่าท้องตลาด
ในขณะที่โค้ชเชไม่มีเวลาขาย ความสามารถในทางการค้าก็เห็นได้ชัดเจนอีกว่าใครเก่งกว่า
ประวัตินักกีฬายิ่งโดดเด่นหนือว่าโค้ชเชไม่เชื่อมาดูกัน
เป็นแชมป์ดาวรุ่งชิงแชมป์ประะเทศไทยปี 2533 ซึ่งผมก็ถือว่าร่วมยุคเดียวกันย่อมทราบดี สมัยนั้นไม่ใช่ได้กันง่ายๆ จัดชิงแชมป์นี่คึกคัก นักกีฬาเดินชนกันมากกว่าคนที่มาดู โค้ชเชยอมรับเถอะ ชาตินี้ไม่มีทางได้รางวัลนี้
ในที่สุดก็ได้แชมป์ประเทศไทย อยากย้ำอีกครั้ง ตอนนั้นยุครุ่งเรืองคนเล่นกันหัวเป็นล้าน เล่นกันได้จนแก่ ไม่มีใครมาแข่งด้วย ไม่เหมือนสมัยนี้คนเล่นกันแค่ 8 แสนคน ไม่ถึงล้าน
ยิ่งกว่านั้นยังมีเกียรติประวัติที่เหนือกว่าโค้ชเชอีกมาก
เพราะเป็นนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันมาแล้วทั้งซีเกม เอเชี่ยนเกม ชิงแชมปืเอเซีย โดยไม่เคยติดเหรียญอะไรเลย
โดดเด่นกว่าโค้ชเช ในแง่ของการเข้าร่วมตามเจตนารมณ์อันแท้จริงตามสุภาษิตที่ว่า แพ้เป็นพระ โค้ชเชชนะย่อมเป็นมาร
ประวัดิการเป็นโค้ชนี่ต่างระดับกัน เข้าเป็นโค้ชทีมชาติปี 2543 พร้อมๆกับที่โค้ชเชไปรับงานที่บาห์เรน
พานักกีฬาไปแฮ้งเอาต์มาแล้วหลายการแข่งขันโดยไม่มีเหรียญอะไรติดมือให้เสียเวลาแพ็คของ
ประเทศไทยเห็นผลงานเลยรีบไปติดต่อโค้ชเชมาเป็นโค้ชในอีกสองปีต่อมา
ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมากเพราะหลังจากรับงานได้สองปี ก็มีเหรียญโอลิมปิคและอื่นๆตามมาอีกมากจนเสียเวลาแพ็คของกันทุกครั้ง
แถมนักกีฬาก็ต้องเสียเวลาแข่งกันจนถึงวันสุดท้าย ไม่เหมือนเมื่อก่อนสองวันแรกก็ออกเที่ยวได้แล้ว
ในช่วงแรกๆนั้นทั้งสองคนก็ยังทำงานเป็นโค้ชในสมาคมอยู่ด้วยกันอยู่สองปี
โดยเปรียบพิทักษ์เป็นเสาเอกดึกดําบรรพ์คอยรับฝากเด็กจากเพื่อนๆในวงการ
ส่วนโค้ชเชจากผลงานโอลิมปิกได้นำวงการเทควันโดสู่ยุคตกต่ำในไทยจนถึงขณะนี้
พิทักษ์ทนอยู่ในสมาคมและได้เป็นโค้ชในบางรายการ ต่อมาจึงผันตัวเองมาเปิดกิจการขายสายรัดเอวอย่างเป็นทางการ
ถึงประวัติเบื้องหน้าที่เห็นจะดูธรรดาสามัญไปหน่อย แต่ขอย้ำ เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง