คิอผมเป็นเกย์นะครับ ผมชอบเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง (แต่ผมไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนนะครับ)
และเพื่อนคนนี้ เป็นผู้ชาย ที่ชอบผู้หญิง
ครั้งแรกที่เราเจอเพื่อนคนนี้ ผมไม่เคยมีความรู้สึกว่า ผมชอบเขาเลย
ผมเฉยๆมาก
แล้วบังเอิญ ว่าเราได้อยู่กลุ่มรับน้องเดียวกัน ตลอดระยะเวลา3วัน2คืน
มันทำให้เราสนิทกันมาก จากเมื่อตอนมอปลาย ผมไม่ค่อยมีเพื่อน
แต่สำหรับเพื่อนคนนี้ ผมรู้สึกว่า ผมชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ
ผมรู้สึกถึงความอบอุ่น ความเอาใจใส่ เป็นกันเอง
ตลอดระยะเวลาปี1ด้วยกัน เราสนิทกันมาก สนิทกันมากจนผมรู้สึกว่า
ผมไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนที่สนิทอะไรเท่านี้เลย
แต่เราไม่ได้สนิทกันแค่สองคนนะครับ จริงๆมีกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้วยกันต่างหาก
ที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวก็ต้องรอทุกคนซื้อมาวางบนโต๊ะก่อนถึงจะกินพร้อมกัน
จะออกไปไหน ก็ต้องรอทุกคนมาให้พร้อมกันก่อน จะไม่ทิ้งกัน
จนมาถึงจุดนึง ที่เด็กปี1อย่างเขา ต้องตัดสินใจ ว่าจะอยู่ต่อหรือจะซิ่วไปคณะในฝัน
ช่วงประกาศคะแนน กสพท. ผมแอบน้อยใจมัน ไม่อยากคุยกับมัน
กลัวมาก ว่าคะแนนมันจะติดที่ไหน ได้แต่คิดและมโนไปเอง
สุดท้ายเขาพลาด คะแนนไม่ถึง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจหรือเสียใจ...
แต่ไม่นาน พอวินาทีที่คะแนน gat pat รอบเดือนมีนา ประกาศ
ผมแทบหนีไปร้องไห้คนเดียวบนห้อง
เพราะมันได้คะแนนเยอะขึ้น ซึ่งรู้ๆในใจแล้วว่า
เราต้องจากเขาไปแน่ๆ
ก่อนหน้านั้น ผมยังจำได้เสมอ มีครั้งหนึ่ง
เรานั่งอยู่ด้วยกันสองคน เราเคยถามเขาว่า จะมีใครติดที่ไหนบ้าง
เขาบอกผมว่า ไม่ใครสักคนก็ต้องไป
และเมื่อวันประกาศผลแอดมิชชั่น
เป็นเขาและอีกสองคนในกลุ่ม ต้องจากเราไป
เขาบอกเราเสมอว่า อย่าทำให้เขารู้สึกผิดที่ต้องจากเราไป
เราเลยเก็บความเสียใจ และฝืนยิ้มในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านตอนนั้นที่เราต้องเจอกัน
เขาบอกผมอีกว่า มันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ถ้าคิดถึงก็มาหากันได้
... (ถึงจุดนี้ ผมยังไม่เคยบอกความในใจเขาไปนะครับ และก็ไม่มีใครรู้ว่าผมชอบเขาด้วย)
และเรื่องก็ดำเนินมา เมื่อผมขึ้นปี2,3 เราก็ยังติดต่อกันตลอดนะ
แต่ผมไม่ค่อยกล้าทักเขาไปแบบส่วนตัวนะ
จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่...
ผมอาจจะมีอาการ เพ้อ บ่นคิดถึงเขาบ่อยๆ จน...เพื่อนในกลุ่มเริ่มสังเกตและจับได้ว่า
ผมชอบเขา... และนั้นก็ทำให้ความแตก
ผมไม่รู้ว่าตอนนั้น เขาคิดว่า
ว่าผมชอบจริงๆ หรือแกล้งขำขำตามคำแซว
(ช่วงเวลานี้ เราเจอกันโดยนัดเจอกัน เฉลี่ยเดือนละครั้ง-แต่บางช่วงเวลาก็สามเดือนได้เจอกันที การเจอกันแต่ละครั้ง ก็จะมีเพื่อนผู้หญิง
คอยแกล้งทำมากอดเขา ซบไหล่เขา แล้วให้เราอิจฉา หรือแซว หรือพยายามให้เรารู้สึกว่า เราชอบผู้ชายคนนี้ไม่ได้ ให้เราอิจฉาเล่นๆขำๆตามประสาเพื่อนสนิทกันมากๆ)
ตอนนี้เอง ผมก็เริ่ม แสดงความรู้สึกนิดๆมาตลอดว่าผมชอบมัน
เช่น ตอนไปกินร้านปิ่งย่าง ก็ทำกุ้งสองตัวเป็นรูปหัวใจ
หรือเล่นมุขอ่อยใส่บ้าง
ตอนนั้นผมมาถึงจุดที่รู้แล้วว่า ปิดบังไปก็เท่านั้นก็เลยแสดงออก ว่า เรารักเขานะ แต่มีเพดานได้แค่ ''เพื่อนรัก''
(ช่วงเวลานี้ ทำให้ผมรู้สึกถึง ว่าผมรักเขาจริงๆ ไม่ได้คิดไปเองก็คือ... วันเปิดใจเล่นหมุนขวด เขามีแฟนที่คณะใหม่ ตอนนั้นหัวใจผมแทบตกไปที่กะตุ่ม
คือ นี้หรอที่เรียกว่า อาการหึง... อกหัก ... แต่ปัจจุบัน เขากลับมาโสดแล้วครับ...)
จนมาถึงตอนนี้ ปี4 ทุกอย่างมันพีคมาก คือโดนแซวตลอด และผมก็ออกอาการชัดเจนมากขึ้น
เช่น แกล้งจับมือเขา ขอสัมผัสร่างกายเขาเช่น หัว หรือมือช่วงที่เราต้องลากัน
เขาก็จะบอกว่า เฮ้ย กูขนลุก!!!
หรือทำท่าที่กล้าๆกลัวๆแบบตลกๆ (จึงเกิดมาเป็นคำถามข้อที่1)
หรือตอนนั่งแท็กซี่ เพื่อนจะรู้กันว่า ต้องให้สองคนนี้นั่งด้วยกัน
เขาก็จะพูดว่า เพื่อความสุขของเพื่อนกุยอม (จึงเกิดมาเป็นคำถามข้อที่1)
สำหรับตอนนี้ ผมรู้สึกโอเคมากๆ ที่เขาไม่รังเกรียจเรา แบบในหนัง ที่เพื่อนจะเลิกคบ
แต่มันต้องแลกกับ... โอบไหล่ที่เคยคุ้น ความใกล้ชิดที่เคยสัมผัส มันหายไปหมดแล้ว...
แต่ผมรับได้นะ ถ้าจะต้องแลกกับแบบนี้ เคยคิดตอนแรกด้วยซ้ำว่าเขาจะเลิกเป็นเพื่อนกันไปเลย
สุดท้าย ผมไม่หวังอะไรในตัวเขา นอกจาก เพื่อนกันตลอดไป
ผมอยากถามเพื่อนๆว่า
1.ผมแอบคิดมาก ว่าที่ผมทำไป มันเยอะไปหรือเปล่า กลัวเขาจะรังเกรียจเราหรือเปล่า
ประมาณว่า ผู้ชายทั่วไป จะมีความอดทนต่อ ผู้ชายที่แอบชอบเพื่อนได้แค่ไหน ...
(คือตัดเรื่องจะไปลวนลามเขานะ แค่คิดผมยังไม่กล้า เพราะผมกลัวเสียเพื่อนคนนี้ไป)
2.ความรู้สึกกับเพื่อนคนนี้ ผมเรียกว่า ''เพื่อนรัก''ได้ไหม ตลอดเวลาก็เคยมีคนถามนะ ว่าอะไรยังไง
ผมก็ได้แต่ตอบว่า เป็นเพื่อนกัน คือผมให้เกรียติเขาตลอดนะ คือไม่อยากให้เขามาโดนแซวว่ามีผู้ชายแอบชอบ
คือปกป้องเขา บางครั้งก็เคยโกรธเพื่อนที่มาล้อเลียนด้วย
[ช-ช] แบบนี้เรียกว่าเพื่อนรักได้ไหม
และเพื่อนคนนี้ เป็นผู้ชาย ที่ชอบผู้หญิง
ครั้งแรกที่เราเจอเพื่อนคนนี้ ผมไม่เคยมีความรู้สึกว่า ผมชอบเขาเลย
ผมเฉยๆมาก
แล้วบังเอิญ ว่าเราได้อยู่กลุ่มรับน้องเดียวกัน ตลอดระยะเวลา3วัน2คืน
มันทำให้เราสนิทกันมาก จากเมื่อตอนมอปลาย ผมไม่ค่อยมีเพื่อน
แต่สำหรับเพื่อนคนนี้ ผมรู้สึกว่า ผมชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ
ผมรู้สึกถึงความอบอุ่น ความเอาใจใส่ เป็นกันเอง
ตลอดระยะเวลาปี1ด้วยกัน เราสนิทกันมาก สนิทกันมากจนผมรู้สึกว่า
ผมไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนที่สนิทอะไรเท่านี้เลย
แต่เราไม่ได้สนิทกันแค่สองคนนะครับ จริงๆมีกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้วยกันต่างหาก
ที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวก็ต้องรอทุกคนซื้อมาวางบนโต๊ะก่อนถึงจะกินพร้อมกัน
จะออกไปไหน ก็ต้องรอทุกคนมาให้พร้อมกันก่อน จะไม่ทิ้งกัน
จนมาถึงจุดนึง ที่เด็กปี1อย่างเขา ต้องตัดสินใจ ว่าจะอยู่ต่อหรือจะซิ่วไปคณะในฝัน
ช่วงประกาศคะแนน กสพท. ผมแอบน้อยใจมัน ไม่อยากคุยกับมัน
กลัวมาก ว่าคะแนนมันจะติดที่ไหน ได้แต่คิดและมโนไปเอง
สุดท้ายเขาพลาด คะแนนไม่ถึง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจหรือเสียใจ...
แต่ไม่นาน พอวินาทีที่คะแนน gat pat รอบเดือนมีนา ประกาศ
ผมแทบหนีไปร้องไห้คนเดียวบนห้อง
เพราะมันได้คะแนนเยอะขึ้น ซึ่งรู้ๆในใจแล้วว่า
เราต้องจากเขาไปแน่ๆ
ก่อนหน้านั้น ผมยังจำได้เสมอ มีครั้งหนึ่ง
เรานั่งอยู่ด้วยกันสองคน เราเคยถามเขาว่า จะมีใครติดที่ไหนบ้าง
เขาบอกผมว่า ไม่ใครสักคนก็ต้องไป
และเมื่อวันประกาศผลแอดมิชชั่น
เป็นเขาและอีกสองคนในกลุ่ม ต้องจากเราไป
เขาบอกเราเสมอว่า อย่าทำให้เขารู้สึกผิดที่ต้องจากเราไป
เราเลยเก็บความเสียใจ และฝืนยิ้มในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านตอนนั้นที่เราต้องเจอกัน
เขาบอกผมอีกว่า มันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ถ้าคิดถึงก็มาหากันได้
... (ถึงจุดนี้ ผมยังไม่เคยบอกความในใจเขาไปนะครับ และก็ไม่มีใครรู้ว่าผมชอบเขาด้วย)
และเรื่องก็ดำเนินมา เมื่อผมขึ้นปี2,3 เราก็ยังติดต่อกันตลอดนะ
แต่ผมไม่ค่อยกล้าทักเขาไปแบบส่วนตัวนะ
จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่...
ผมอาจจะมีอาการ เพ้อ บ่นคิดถึงเขาบ่อยๆ จน...เพื่อนในกลุ่มเริ่มสังเกตและจับได้ว่า
ผมชอบเขา... และนั้นก็ทำให้ความแตก
ผมไม่รู้ว่าตอนนั้น เขาคิดว่า
ว่าผมชอบจริงๆ หรือแกล้งขำขำตามคำแซว
(ช่วงเวลานี้ เราเจอกันโดยนัดเจอกัน เฉลี่ยเดือนละครั้ง-แต่บางช่วงเวลาก็สามเดือนได้เจอกันที การเจอกันแต่ละครั้ง ก็จะมีเพื่อนผู้หญิง
คอยแกล้งทำมากอดเขา ซบไหล่เขา แล้วให้เราอิจฉา หรือแซว หรือพยายามให้เรารู้สึกว่า เราชอบผู้ชายคนนี้ไม่ได้ ให้เราอิจฉาเล่นๆขำๆตามประสาเพื่อนสนิทกันมากๆ)
ตอนนี้เอง ผมก็เริ่ม แสดงความรู้สึกนิดๆมาตลอดว่าผมชอบมัน
เช่น ตอนไปกินร้านปิ่งย่าง ก็ทำกุ้งสองตัวเป็นรูปหัวใจ
หรือเล่นมุขอ่อยใส่บ้าง
ตอนนั้นผมมาถึงจุดที่รู้แล้วว่า ปิดบังไปก็เท่านั้นก็เลยแสดงออก ว่า เรารักเขานะ แต่มีเพดานได้แค่ ''เพื่อนรัก''
(ช่วงเวลานี้ ทำให้ผมรู้สึกถึง ว่าผมรักเขาจริงๆ ไม่ได้คิดไปเองก็คือ... วันเปิดใจเล่นหมุนขวด เขามีแฟนที่คณะใหม่ ตอนนั้นหัวใจผมแทบตกไปที่กะตุ่ม
คือ นี้หรอที่เรียกว่า อาการหึง... อกหัก ... แต่ปัจจุบัน เขากลับมาโสดแล้วครับ...)
จนมาถึงตอนนี้ ปี4 ทุกอย่างมันพีคมาก คือโดนแซวตลอด และผมก็ออกอาการชัดเจนมากขึ้น
เช่น แกล้งจับมือเขา ขอสัมผัสร่างกายเขาเช่น หัว หรือมือช่วงที่เราต้องลากัน
เขาก็จะบอกว่า เฮ้ย กูขนลุก!!!
หรือทำท่าที่กล้าๆกลัวๆแบบตลกๆ (จึงเกิดมาเป็นคำถามข้อที่1)
หรือตอนนั่งแท็กซี่ เพื่อนจะรู้กันว่า ต้องให้สองคนนี้นั่งด้วยกัน
เขาก็จะพูดว่า เพื่อความสุขของเพื่อนกุยอม (จึงเกิดมาเป็นคำถามข้อที่1)
สำหรับตอนนี้ ผมรู้สึกโอเคมากๆ ที่เขาไม่รังเกรียจเรา แบบในหนัง ที่เพื่อนจะเลิกคบ
แต่มันต้องแลกกับ... โอบไหล่ที่เคยคุ้น ความใกล้ชิดที่เคยสัมผัส มันหายไปหมดแล้ว...
แต่ผมรับได้นะ ถ้าจะต้องแลกกับแบบนี้ เคยคิดตอนแรกด้วยซ้ำว่าเขาจะเลิกเป็นเพื่อนกันไปเลย
สุดท้าย ผมไม่หวังอะไรในตัวเขา นอกจาก เพื่อนกันตลอดไป
ผมอยากถามเพื่อนๆว่า
1.ผมแอบคิดมาก ว่าที่ผมทำไป มันเยอะไปหรือเปล่า กลัวเขาจะรังเกรียจเราหรือเปล่า
ประมาณว่า ผู้ชายทั่วไป จะมีความอดทนต่อ ผู้ชายที่แอบชอบเพื่อนได้แค่ไหน ...
(คือตัดเรื่องจะไปลวนลามเขานะ แค่คิดผมยังไม่กล้า เพราะผมกลัวเสียเพื่อนคนนี้ไป)
2.ความรู้สึกกับเพื่อนคนนี้ ผมเรียกว่า ''เพื่อนรัก''ได้ไหม ตลอดเวลาก็เคยมีคนถามนะ ว่าอะไรยังไง
ผมก็ได้แต่ตอบว่า เป็นเพื่อนกัน คือผมให้เกรียติเขาตลอดนะ คือไม่อยากให้เขามาโดนแซวว่ามีผู้ชายแอบชอบ
คือปกป้องเขา บางครั้งก็เคยโกรธเพื่อนที่มาล้อเลียนด้วย