***กระทู้แรกของผม ขอแบ่งปันประสบการณ์ที่ผมไม่มีวันลืมให้ฟังกันครับ 55
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2555 นี่ก็ผ่านมา สองปีแล้ว แต่ผมยังคงจำได้ทุกเรื่องราวเลยก็ว่าได้
เอาหละ เข้าเรื่องเลย เรื่องของเรื่องก็ด้วยความที่ว่า มันเป็นวันหยุดย๊าววววว ยาว ก็กะว่าจะแบคแพ็คไปเที่ยวกาญจนบุรีสักหน่อย
ก็หาที่พัก ก็ได้เกสต์เฮาส์ที่ริมแม่น้ำแคว ตอนนั้นพักคืนเดียวแล้วว่าจะไปต่อที่น้ำตกเอราวัณ ได้ห้องพักคืนละ 550 บาท (ซึ่งถูกสุด 150 บาท)
ผมก็เลยตัดสินใจเดินทางไปโดยทันที ขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์บึ่งไปกาญจนบุรีแบบไม่มีแผน
พอถึงขนส่งก็นั่งรถไปที่ บลูสตาร์เกสต์เฮ้าส์ ตอนนั้นถึงก็เกือบจะเย็นแล้วแหละ
พอถึงที่พักก็เข้าไปที่พักบรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่มาก ชาวต่างขาติเต็มไปหมดเลย แหม่ เราก็แอ๊บเนียนเป็นชาวต่างชาติ(เพื่อนบ้านเรานี่แหละ)
ก็เขาไปพักแบบเก้ๆกัง ๆ เข้าห้องก็กระจายของเต็มที่ เสมือนบ้านของเรา 55
พอสักพักเริ่มหิวแล้วครับก็เดินออกไปหน้าถนน ซึ่งถนนเส้นนั้นกลางคืนก็จะเป็นบาร์ ร้านเหล้าเยอะแยะเลย
ผมก็เดินไปเซเว่น ก็หาซื้อของกิน และก็ไก่ย่างข้าวเหนียวชุดหนึ่ง
หลังจากนั้นก็กลับไปห้องพัก
แล้วคิดอยากออกไปเดินเล่น ไปถ่ายรูปซักหน่อย ซึ่งตอนนั้นก็พึ่งซื้อไอแพดตัวใหม่ ที่พึ่งออกมาไปเที่ยวด้วย เห่อกันเลยทีเดียว
พอเดินออกไปหน้าเกสต์เฮาส์ ตรงข้ามถนน เราเจอกับผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลาทีเดียว สูงกว่าผมอีก ผมสูง 180 เซน เขาผิวขาวปากชมพูเลยแหละครับ เขามองมาที่เรา ไอ้เราก็ด้วยความที่ว่าหน้าตาเห่ย ๆ เราก็ไม่คิดว่าเขามองมาที่เรา ก็ทำเป็นเนียน มองถนนมองซ้ายมองขวา ไม่สนใจ
แล้วเรื่องราวที่ผมยังจำมาจนถึงทุกวันนี้ก็เกิดขึ้น
ผู้ชายคนนั้นเขาเดินตรงเข้ามาหาผม (เอาเเล่ว ๆ ๆ ๆ) ใจผมเต้นตึ๊กๆเลย เดินข้ามถนนจากฝั่งตรงข้ามมาหาที่ผม
แล้วถามผมว่า Are you Korean ? ผมก็ด้วยความเก่งภาษามือก็ รีบตอบไปว่า No no I'm Thai ยิ้มมมมมมม ร่าเลย
เขาก็ยิ้มแล้วก็ ขอโทษขอโพยกันไป แล้วเดินจากไป (เอาเราก็ เอ๊า ไปซะละ 555) แล้วเขาก็หันหลังกลับมาอีกครับ ถามผมอีกว่า
คุณทานข้าวเย็นหรือยัง ? (สนทนากันเป็นภาษาอังกฤษ+กับภาษามืออันแสนเชี่ยวชาญ)
ผมตอบทันทีเลยครับ ว่า ยังไม่กินครับ 5555 (ทั้งที่ซัดข้าวเหนียวไก่ย่างชุดนึงไปก่อนหน้านั้นแล้ว)
แล้วเขาก็เอ่ยปากชวนครับ "ไปกินบุฟเฟต์กันไหมครับ ?"
ไอ้เรานี้ก็ดีใจ โว้วววว มีคนเกาหลีมาชวนกินข้าว เราก็ตอบตกลงทันที
แล้วเขาก็ต่อด้วยว่า "พอดีตอนนี้ผมมีเงินไทยติดตัว 100 บาท ที่นี่ไม่มีเอ็กเชนจ์ มันกิน 1 คนจ่าย 150 บาท ถ้ากิน 2 คน จะคิดหัวละ 100 บาท ไปกินด้วยกันไหม"
เท่านั้นแหละครับ จากที่แบบดีใจสุดขีด นี้แบบใจแป้วเลย 555 (แหม่ที่มาชวนนี้เพราะอยาก-หมูกระทะว่างั้น คิดในใจเสียงดังมาก)
เราก็ตอบตกลงโดยที่ไม่มีข้อกังขาอีกแล้ว 55 แล้วเราก็บอก "เราขอเข้าไปที่พักเราก่อนนะ จะเอาตังค์มาเพิ่ม เพราะเราก็มี 100 บาท"
เขาถามต่อ "ไม่ต้องเอาก็ได้ ราคา 200 พอดีหนิ ไม่ต้องเพิ่ม"
"เราก็บอกว่า มันยังไม่รวมค่าเซอร์วิสชาร์จ ค่าน้ำอีกนะ ที่นี่เขาคิดอย่างนั้น ไม่เหมือนที่บ้านคุณนะ" เขาก็เลยเก็ท
พอผมเดินเข้าเกสต์เฮ้าท์ แล้วเขาก็ พูดขึ้นมาว่า "เฮ้ย พักที่เดียวกันเลยหนิ ผมพักอยู่ห้องนี้" เราก็พูด "เอ้า บังเอิญจริง ๆ เนาะ ผมพักอยู่ห้องนั้นอ่ะครับ"
ก็คุยกันไประหว่างทางแบบถูกคอ เอาจริงตอนนั้นต่อมภาษาดีดมาจากไหนไม่รู้ 555
หลังจากที่เดินผ่านห้องของเขาแล้วเขาก็ชี้ให้ดูว่า อยู่ห้องนี้นะ แล้วก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของผม
หลังจากเปิดห้องผมมา เขาเห็นในห้อง ถึงกับ ว้าวววววว (คือเขาพักแบบประหยัด แต่อยู่นานอ่ะครับ รู้ทีหลังว่าเขาแบคแพค รอบโลก)
แล้วหลังจากนั้น เขาก็ถามผมว่า ผมขอเข้าไปข้างในได้ไหม ?
ไอ้เราก็ ไม่ขัดใจครับ ตอนนั้นก็กลัวนะ กลัวโดนฆ่าชิงทรัพย์อะไรงี้
*****เดี๋ยวมาต่อนะครับ*****
ขอเตือนสำหรับคนที่อยาก Backpack คนเดียว ระวังเจอกับพรหมลิขิต
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2555 นี่ก็ผ่านมา สองปีแล้ว แต่ผมยังคงจำได้ทุกเรื่องราวเลยก็ว่าได้
เอาหละ เข้าเรื่องเลย เรื่องของเรื่องก็ด้วยความที่ว่า มันเป็นวันหยุดย๊าววววว ยาว ก็กะว่าจะแบคแพ็คไปเที่ยวกาญจนบุรีสักหน่อย
ก็หาที่พัก ก็ได้เกสต์เฮาส์ที่ริมแม่น้ำแคว ตอนนั้นพักคืนเดียวแล้วว่าจะไปต่อที่น้ำตกเอราวัณ ได้ห้องพักคืนละ 550 บาท (ซึ่งถูกสุด 150 บาท)
ผมก็เลยตัดสินใจเดินทางไปโดยทันที ขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์บึ่งไปกาญจนบุรีแบบไม่มีแผน
พอถึงขนส่งก็นั่งรถไปที่ บลูสตาร์เกสต์เฮ้าส์ ตอนนั้นถึงก็เกือบจะเย็นแล้วแหละ
พอถึงที่พักก็เข้าไปที่พักบรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่มาก ชาวต่างขาติเต็มไปหมดเลย แหม่ เราก็แอ๊บเนียนเป็นชาวต่างชาติ(เพื่อนบ้านเรานี่แหละ)
ก็เขาไปพักแบบเก้ๆกัง ๆ เข้าห้องก็กระจายของเต็มที่ เสมือนบ้านของเรา 55
พอสักพักเริ่มหิวแล้วครับก็เดินออกไปหน้าถนน ซึ่งถนนเส้นนั้นกลางคืนก็จะเป็นบาร์ ร้านเหล้าเยอะแยะเลย
ผมก็เดินไปเซเว่น ก็หาซื้อของกิน และก็ไก่ย่างข้าวเหนียวชุดหนึ่ง
หลังจากนั้นก็กลับไปห้องพัก
แล้วคิดอยากออกไปเดินเล่น ไปถ่ายรูปซักหน่อย ซึ่งตอนนั้นก็พึ่งซื้อไอแพดตัวใหม่ ที่พึ่งออกมาไปเที่ยวด้วย เห่อกันเลยทีเดียว
พอเดินออกไปหน้าเกสต์เฮาส์ ตรงข้ามถนน เราเจอกับผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลาทีเดียว สูงกว่าผมอีก ผมสูง 180 เซน เขาผิวขาวปากชมพูเลยแหละครับ เขามองมาที่เรา ไอ้เราก็ด้วยความที่ว่าหน้าตาเห่ย ๆ เราก็ไม่คิดว่าเขามองมาที่เรา ก็ทำเป็นเนียน มองถนนมองซ้ายมองขวา ไม่สนใจ
แล้วเรื่องราวที่ผมยังจำมาจนถึงทุกวันนี้ก็เกิดขึ้น
ผู้ชายคนนั้นเขาเดินตรงเข้ามาหาผม (เอาเเล่ว ๆ ๆ ๆ) ใจผมเต้นตึ๊กๆเลย เดินข้ามถนนจากฝั่งตรงข้ามมาหาที่ผม
แล้วถามผมว่า Are you Korean ? ผมก็ด้วยความเก่งภาษามือก็ รีบตอบไปว่า No no I'm Thai ยิ้มมมมมมม ร่าเลย
เขาก็ยิ้มแล้วก็ ขอโทษขอโพยกันไป แล้วเดินจากไป (เอาเราก็ เอ๊า ไปซะละ 555) แล้วเขาก็หันหลังกลับมาอีกครับ ถามผมอีกว่า
คุณทานข้าวเย็นหรือยัง ? (สนทนากันเป็นภาษาอังกฤษ+กับภาษามืออันแสนเชี่ยวชาญ)
ผมตอบทันทีเลยครับ ว่า ยังไม่กินครับ 5555 (ทั้งที่ซัดข้าวเหนียวไก่ย่างชุดนึงไปก่อนหน้านั้นแล้ว)
แล้วเขาก็เอ่ยปากชวนครับ "ไปกินบุฟเฟต์กันไหมครับ ?"
ไอ้เรานี้ก็ดีใจ โว้วววว มีคนเกาหลีมาชวนกินข้าว เราก็ตอบตกลงทันที
แล้วเขาก็ต่อด้วยว่า "พอดีตอนนี้ผมมีเงินไทยติดตัว 100 บาท ที่นี่ไม่มีเอ็กเชนจ์ มันกิน 1 คนจ่าย 150 บาท ถ้ากิน 2 คน จะคิดหัวละ 100 บาท ไปกินด้วยกันไหม"
เท่านั้นแหละครับ จากที่แบบดีใจสุดขีด นี้แบบใจแป้วเลย 555 (แหม่ที่มาชวนนี้เพราะอยาก-หมูกระทะว่างั้น คิดในใจเสียงดังมาก)
เราก็ตอบตกลงโดยที่ไม่มีข้อกังขาอีกแล้ว 55 แล้วเราก็บอก "เราขอเข้าไปที่พักเราก่อนนะ จะเอาตังค์มาเพิ่ม เพราะเราก็มี 100 บาท"
เขาถามต่อ "ไม่ต้องเอาก็ได้ ราคา 200 พอดีหนิ ไม่ต้องเพิ่ม"
"เราก็บอกว่า มันยังไม่รวมค่าเซอร์วิสชาร์จ ค่าน้ำอีกนะ ที่นี่เขาคิดอย่างนั้น ไม่เหมือนที่บ้านคุณนะ" เขาก็เลยเก็ท
พอผมเดินเข้าเกสต์เฮ้าท์ แล้วเขาก็ พูดขึ้นมาว่า "เฮ้ย พักที่เดียวกันเลยหนิ ผมพักอยู่ห้องนี้" เราก็พูด "เอ้า บังเอิญจริง ๆ เนาะ ผมพักอยู่ห้องนั้นอ่ะครับ"
ก็คุยกันไประหว่างทางแบบถูกคอ เอาจริงตอนนั้นต่อมภาษาดีดมาจากไหนไม่รู้ 555
หลังจากที่เดินผ่านห้องของเขาแล้วเขาก็ชี้ให้ดูว่า อยู่ห้องนี้นะ แล้วก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของผม
หลังจากเปิดห้องผมมา เขาเห็นในห้อง ถึงกับ ว้าวววววว (คือเขาพักแบบประหยัด แต่อยู่นานอ่ะครับ รู้ทีหลังว่าเขาแบคแพค รอบโลก)
แล้วหลังจากนั้น เขาก็ถามผมว่า ผมขอเข้าไปข้างในได้ไหม ?
ไอ้เราก็ ไม่ขัดใจครับ ตอนนั้นก็กลัวนะ กลัวโดนฆ่าชิงทรัพย์อะไรงี้
*****เดี๋ยวมาต่อนะครับ*****