"นักวิชาการ" วิพากษ์... ป.ป.ช.ฟัน "ปู" คดีข้าว

"นักวิชาการ" วิพากษ์... ป.ป.ช.ฟัน "ปู" คดีข้าว

หมายเหตุ - ความเห็นของนักวิชาการกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ช่วงเวลาเดียวกับที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศได้

อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ป.ป.ช.อาจจะมองว่าถ้าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์บินไปต่างประเทศเเล้วไม่กลับ โดยที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ชี้มูลหรือดันมาชี้ภายหลังจากที่บินไปเมืองนอกเเล้ว จะเกิดข้อตำหนิได้ว่า "เขาไปเเล้ว มาชี้มูลทำไม" ซึ่งหากไปเเล้วไม่กลับมา งานที่ทำมาก็เหมือนเสียเปล่าหมด เพราะฉะนั้นอาจจะพอฟังขึ้นว่า เนื่องจากมีการขอไปต่างประเทศ ป.ป.ช.จึงอยากทำหน้าที่ให้เเล้วเสร็จ ไม่รู้ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือเปล่า เเต่ดูเเล้วเหมือนกับจะเชื่อได้ว่าเป็นอย่างนั้น เพราะจู่ๆ ก็เเถลงข่าว ปกติอาจจะบอกล่วงหน้าเป็นวันด้วยซ้ำว่าจะมีการสรุปผลคดี เเต่อันนี้มาใกล้กับเวลาที่ คสช.อนุมัติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศ

ป.ป.ช.อยากทำหน้าที่ให้จบเรื่องเรียบร้อย เมื่อ ป.ป.ช.ทำหน้าที่เเล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปไหนก็อยู่ที่ คสช.จะอนุมัติ เหมือนโยนเผือกไปให้เเล้ว เเละไม่มีคนมาตำหนิว่าตัดสินความช้าไป

ทั้งนี้ ป.ป.ช.น่าจะเห็นว่าการจัดการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ก่อนที่จะเป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้นถือเป็นงานที่เบ็ดเสร็จเเละเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า เเละหลังจากนี้จะต่อด้วยนายบุญทรงก็เป็นเรื่องง่ายเเล้ว

ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ป.ป.ช.เเละองค์กรอิสระโดนวิจารณ์ถึงการทำงานที่ล่าช้า ยิ่งช่วงนี้ คสช.กำลังไล่บี้ทุกหน่วยงาน ป.ป.ช.คงอยากเเสดงให้เห็นว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพ สามารถจัดการปัญหาได้ เเละยังเป็นองค์กรที่มีความสำคัญอยู่ ประกอบกับช่วงนี้มีข่าวลงพื้นที่ตรวจโกดังข้าวของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เเละพบความผิดปกติในหลายจังหวัดชัดเจนก็ไม่มีอะไรเหลือที่จะต้องให้ ป.ป.ช.รอในการชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากปล่อยให้ลอยนวลอยู่อีกคนจะถามว่าเเล้ว ป.ป.ช.ทำอะไรอยู่

อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, เจษฎ์ โทณวณิก, สุขุม นวลสกุล, สมชาย ปรีชาศิลปกุล



เจษฎ์ โทณวณิก

นักวิชาการด้านนิติศาสตร์

เรื่องนี้สามารถมองแยกได้เป็น 3 ส่วน คือ 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดเดินทางก่อนล่วงหน้าแล้ว มีแผนการที่จะไปอยู่แล้วโดยระบุว่าจะไปที่ไหนทำอะไรอย่างไรบ้าง และได้ยื่นขออนุญาต คสช.ตามระเบียบปกติ 2.คสช.มองว่ากำหนดการอันนี้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร ประกอบกับที่ผ่านมาในช่วงที่มีการรัฐประหาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอด จึงพิจารณาอนุมัติให้ไป 3.ในส่วน ป.ป.ช.ไม่ได้รู้เห็นหรือทราบกำหนดการล่วงหน้าของอดีตนายกฯมาก่อน และในส่วนของคดีจำนำข้าวเดินทางมาสุดทางแล้ว สมควรที่จะเคาะมติออกมาได้ เป็นลักษณะของที่สถานการณ์ปกติที่แม่น้ำแต่ละสายต่างไหลหลากไปไม่เกี่ยวกัน เพียงแค่มาบรรจบกันอย่างประจวบพอดีเท่านั้น

หากมองในแง่ร้ายที่สุดคือ คสช.รู้กันกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า สำนวน ป.ป.ช.คดีจำนำข้าวงวดเข้ามาทุกทีแล้วจึงอาจจะปล่อยไฟเขียวไปก่อน เช่นเดียวกับที่ ป.ป.ช.ได้ทราบมาว่าอดีตนายกฯมีกำหนดจะเดินทางไปต่างประเทศ จึงได้เร่งรัดสำนวนนี้ขึ้นอีก ซึ่งจริงๆ อาจจะอยู่ในความสมบูรณ์สัก 90% ก็ได้ แต่รีบดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จก่อนที่อดีตนายกฯจะได้เดินทางไป ประเด็นนี้สามารถมองได้ทั้งสองทางและหากเป็นหนทางนี้ก็อยู่ที่การพิจารณา คสช.ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ เพราะมีสถานการณ์ใหม่เข้ามาสามารถที่จะอ้างเรื่องนี้ปรับเปลี่ยนได้ หรือหากจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเห็นว่าที่ผ่านมาอดีตนายกฯให้ความร่วมมือดีมาก ก็อนุญาตให้ไปเช่นเดิม ดังนั้น เรื่องทั้งหมดจะไปตกอยู่ที่การพิจารณาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองว่าจะตัดสินออกมาเช่นไร

เห็นว่าหาก คสช.อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปแล้ว และหลายเสียงอาจจะกังวลว่าเธอจะไปมากเกินกว่า 20 วันที่ขอด้วยคดีที่เกิดขึ้นนี้ จึงอยากแนะนำ คสช.ว่าหากจะอนุญาตจริง ควรจะวางมาตรการหรือเพิ่มเงื่อนไขในการเดินทางมากขึ้น เช่น อาจจะเพิ่มว่าต้องมารายงานตัวทุกๆ กี่วัน แจงรายละเอียดในการเดินทางมากกว่านี้ เป็นต้น เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายไม่มีข้อกังขาว่าทำอย่างโปร่งใส ไม่มีนอกไม่มีใน อย่างนี้น่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจได้

สุขุม นวลสกุล

อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง

เป็นไปตามคาดคะเนอยู่เเล้ว ไม่ได้ผิดปกติในทรรศนะของตัวเอง เป็นไปตามกระบวนการ อาจจะออกมาพร้อมกับการอนุมัติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ เเต่ไม่ได้มองว่าผิดปกติ เเละที่จริง ป.ป.ช.อาจอยากจะชี้นานเเล้วด้วยซ้ำ

เเต่มติทั้งหมดก็เป็นเเค่ข้อกล่าวหา ไม่ได้หมายความว่าทุกคดีที่ ป.ป.ช.ชี้จะมีผลตามนั้นเสมอไปในท้ายที่สุด ยังมีอัยการ เเละศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก ตอนนี้ก็เพียงเเต่ว่าจบขั้นตอนของ ป.ป.ช.เท่านั้นเอง ทั้งนี้เผลอๆ อาจจะคิดว่าทำก่อนที่จะต้องมีการปฏิรูปตัวเองเหมือนกัน

ความเห็นที่ว่า ป.ป.ช.น่าจะหมายมั่นในเเง่ที่ว่าทำผลงานเพื่อเเสดงให้เห็นว่าองค์กรนี้ยังสำคัญอยู่ก็ถือว่าเป็นไปได้ ถามว่าที่ผ่านมา ป.ป.ช.ให้โอกาสกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงพอหรือไม่ คิดว่าจริงๆ เเล้วการที่ฝ่ายจำเลยเรียกขอพยาน ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าเเรงก็ควรจะให้ เพราะยิ่งเป็นคดีที่มีโทษหนักด้วยเเล้ว ต้องให้สู้ถึงที่สุด เเต่ทาง ป.ป.ช.อาจจะมองว่าการขอพยานเพิ่มของจำเลยนั้นเพียงเพื่อหวังประวิงเวลาเท่านั้น เเต่ความจริงเเล้ว การจะลงโทษผู้ใดหนักๆ นั้นต้องรอบคอบมาก ควรจะให้โอกาสพยาน

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ถ้าเทียบเคียงกับกรณีอื่นๆ จะทำให้เห็นว่า ป.ป.ช.ทำงานแบบมีมาตรฐานหรือมีความเป็นกลางจริงหรือเปล่า ข้อหาที่ ป.ป.ช.ตั้งข้อหากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ มาตรา 157 เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีนี้ ป.ป.ช.อ้างว่าทำให้ความเสียหายเกิดขึ้น ถ้า ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก็ยังมีคำถามง่ายๆ เช่น กรณีที่มีคนร้องเรียนเรื่องพรรคประชาธิปัตย์กรณีประกันราคาข้าว หรือกรณีที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้ความรุนแรงกับประชาชนปี 2553 คิดว่าที่เห็นทั้งหมดนี้คือ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือทำอะไรช้ามาก ทั้งๆ ที่เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเกิดคำถามว่ากรณีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หรือกรณีอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่กรณีของพรรคเพื่อไทยหรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คำถามคือทำไมจึงไม่เห็นความคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น

ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ ไม่แน่ใจว่าจะสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกันขนาดไหน เป็นกรณีหนึ่งที่คนน่าจะตั้งข้อสังเกตได้ โดยปกติเวลา ป.ป.ช.จะตัดสินอะไรจะมีกำหนดการ มีระยะเวลาที่ชัดเจน แต่ตอนนี้เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมจึงเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ แล้ว ป.ป.ช.รีบดำเนินการ

สิ่งที่อยากจะเตือน ป.ป.ช.คือ อำนาจต้องไปกับความเป็นธรรม ถ้าเมื่อไหร่ที่อำนาจไม่ไปกับความเป็นธรรม คิดว่าสถาบันนั้นพร้อมจะเสื่อม พร้อมจะถูกโยนทิ้งได้ง่ายๆ อย่าคิดว่ามีลำพังอำนาจแล้วใช้อำนาจไม่สนใจเรื่องความเป็นธรรม ประวัติศาสตร์หรือบทเรียนของสังคมระดับการเมืองไทยหรือการเมืองโลก เราเห็นมาเยอะแล้วว่าอำนาจที่ไม่มีความเป็นธรรมสักวันจะล้มคว่ำลงอย่างไม่เป็นท่าได้ เพราะฉะนั้น ป.ป.ช.ต้องคิดให้ดี

ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะพูดถึงบรรทัดฐานใหม่ในการตัดสิน ต้องรอกระบวนวิธีของศาลก่อน ดูการพิจารณาคดีของศาลก่อน เพราะไปถึงศาล มาตรา 157 ลำพังเพียงการทุจริตในระดับการปฏิบัติงาน ยากที่จะส่งผลไปถึงผู้กุมในระดับนโยบาย ที่ผ่านมาความผิดตามมาตรา 157 ไม่ได้หมายความว่า พอมีเจ้าหน้าที่ทุจริตกันในระดับปฏิบัติงานแล้วนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นนายกรัฐมนตรีทุกคนต้องติดคุกหมด นายอภิสิทธิ์ก็ไม่เว้น ถามว่าสมัยนายอภิสิทธิ์มีการทุจริตในระดับการปฏิบัติงานหรือไม่

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1405769221
.....................................................
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=how2get&month=20-07-2014&group=1&gblog=4
.............................................................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่