[CR] แดนซามูไร .... ไปแบบโหด มันส์ ฮา ตอน สำรวจกรุงโตเกียว Part 3

หลังจากที่เราพักผ่อนกายา ในแคปซูลที่ให้ความรู้สึกว่าล่องลอยอยู่ในอวกาศ
"หลับดีปานหยัง ซอดแจ้งกึก"
แต่อยากจะบอกว่าผมยังไม่อยากตื่นเลย พระอาทิตย์ขึ้นเร็วมาก ผมตื่นทันก็คงเก่ง เพราะไปหาข้อมูลพบว่า
พระอาทิตย์จะขึ้นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง วันนี้ผมตื่นนอนประมาณ 9 เก้า ถ้าเป็นเวลาที่ไทย ก็เจ็ดโมงเช้าครึ่ง
ซึ่งร่างกายผมไม่ได้เปลี่ยนเป็นนาฬิกาญี่ปุ่น ผมก็ยังอยากนอนต่ออยู่ดี แต่ก็ต้องลุกแหละ
เราไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้ตลอดเนาะ ก็ต้องฝืน


โดยเราวางแผนกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าวันนี้เราจะทัวร์ให้รอบโตเกียว เราจึงตัดสินใจซื้อตั๋วรถไฟฟ้าแบบ
1 Day Pass ราคา 1000 YEN โดยเราสามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้ทุกสายที่ท่านเห็นในรูป ยกเว้น
รถไฟฟ้าสาย JR Line ที่เป็นรูปเส้นปะขาว-ดำ แต่ถ้าคุณอยากนั่งได้ทุกสาย ราคาสนนอยู่ที่ 15XX YEN
>> ที่ผมตัดสินใจซื้อ 1 Day Pass ราคา 1000 YEN น่าจะครอบคลุมทั้งหมดแล้ว และคุ้มค่าสุดแล้ว
เพราะเราจะทัวร์รอบเมือง เราสามารถใช้บริการกี่เที่ยวก็ได้ หลงทางก็ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 55555

เมื่อเราได้ตั๋วรถไฟฟ้ากันแล้ว จุดหมายแรกของเราคือวัดเซ็นโซจิ อยู่แถวๆๆ อะซากุสะ ซึ่งจะบอกว่าขณะนั้น
พวกผมไม่รู้ว่ามีโปรแกรม แอพพลิเคชั่นที่ช่วยในการขึ้นรถไฟได้ ผมจึงใช้แบบ Manual ไปก่อน
แต่ถ้าใครจะไปผมแนะนำ Application : Tokyo Subway ข้อดีคือขณะ Offline ก็สามารถใช้ได้
แต่ใช้เฉพาะรถไฟฟ้าในกรุงโตเกียวเท่านั้น แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่แนะนำคือ http://www.hyperdia.com/
เว็บนี้จะบอกเส้นทางทั้งญี่ปุ่น ฉะนั้นผมจะไม่อธิบายการเดินทางโดยรถไฟฟ้า ว่าไปเข้าประตูไหน
ออกประตูไหน จะเอาแบบคร่าวๆนะครับ

พวกผมเริ่มต้นที่สถานที่ Ueno-hirokoji แล้วไปโผล่ที่ สถานที่ Asakusa ขึ้นปุ๊บเป็นสี่แยก พวกผมงงกันว่าจะไปไหนกันต่อ
เพราะว่ามองไม่เห็นวัด แต่ในรีวิวก็บอกว่าติดสถานีนี้

เราจะโผล่ที่นี่แหละ แล้วมองเห็นจุดสังเกต คือก้อนเมฆทองคำครับ (ถ้าคุณมองก้อนเมฆทองคำในรูปจะไม่เจอนะ
เพราะภาพนี้ไม่ติดเมฆทองคำ" แนะนำว่าสงสัยอะไร ไปไม่ถูกถามคนแถวนั้น
เลยนะครับ แต่ก็อย่าคาดหวังว่าเขาจะรู้ เพราะพวกผมถามหาวัดเซ็นโจจิ เขาดูรูปดูแผนที่ มองไปมา แล้วก็บอกว่าไม่รู้
พวกผมเลยเดินมั่วตรงไปเลยครับ ไม่ถึง 200 เมตรก็เจอวัดเลยครับ ฉะนั้นทำใจไว้ด้วยว่าเขาก็ไม่รู้จักเมืองเขาครบ
หรือว่า เขาฟังภาษาอังกฤษสำเนียงไทยไม่รู้เรื่องก็เป็นได้

ตอนนี้เราเห็นเป้าหมายแล้ว แต่ไม่สามารถไปต่อได้ เพราะไม่มีอะไรในท้องเลย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเดินหาที่กิน
อ้อมกันไกลมาก สุดท้ายเรามาจบที่ร้าน ณ จุดแรกที่เราเดินหาร้านกินข้าว


พอเห็นร้านที่น่าสนใจแล้วก็ตรงเข้าไป อะไรคือน่าสนใจของผมใช่ไหมครับ ง่ายๆ เลย ราคากับหน้าตาอาหารสามารถกินได้
เราก็เดินเข้าใจ ก็เห็นตู้นี้ เจ้าของร้านคงกลัวเราทำเครื่องเขาพัง เพราะเราไปงมๆๆซาวๆๆ กับเครื่องสั่งอาหารเขา
เพราะมันเป็นภาษาญี่ปุ่น เราพอจะรู้บ้างก็แค่รูปภาพอาหาร พออยู่ได้วันสองวัน คุณจะชินกับตู้แบบนี้
เพราะ ร้อยละ 80 ของร้านอาหาร จะมีตู้รับออเดอร์ ที่จ่ายเงินเลย จะมีใบสั่งอาหารออกมา เราก็ยื่นให้
แม่ครัว พ่อครัว เขาก็จะทำอาหารให้เราตามรายการนั้นเลยครับ สะดวกสะบายมากกกกก
แต่คนไทยคงไม่ค่อยชอบ มันไม่ได้สั่งว่า ไม่เอาหอม ไม่เผ็ด ไม่งอก ไม่ๆๆๆ 5555




ทานข้าวเสร็จเราก็ตรงไปผ่านด่านประตูสายฟ้า หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่าคะมินะริมง ส่งที่น่าสนใจกว่าซุ้มประตู
ก็คือโคมแดงสูงกว่าสี่เมตร ที่มีน้ำหนักถึง 670 กิโล ระวังนะใครจะไปลอดอ่ะ มันทับขี้แตกนะ

ตรงไปจะเป็นทางเข้าวัด หลายท่านอาจจะตกใจ คิดว่าเป็นตลาด ไม่ใช่นะครับ
แต่เป็นร้านค้าขายของฝาก ของที่ระลึก น่าจะเป็นร้านค้าสวัสดิการของวัด


แล้วท่านๆ ก็จะเจอกับวัด ศาลาใหญ่ ที่มีเจ้าแม่กวนอิม เขาเล่าว่า มีสองพี่น้องที่หว่านแหหาปลาริมแม่น้ำ
แล้วเจ้าแม่กวนอิมทองคำติดแหขึ้นมา ด้วยความที่เขาไม่โลภ เขาก็โยนลงน้ำเหมือนเดิม แล้วหาปลาต่อ
แต่หว่านยัแหงไง รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมก็ติดขึ้นมา เจ้าเขาต้องเอาขึ้นมาไว้ฝั่ง ผู้นำหมู่บ้านจึงได้บริจาคที่
สร้างวัดเพื่อประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมทองคำ จนเป็นที่สักการะมาจนถึงปัจจุบัน



อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความเชื่อ ที่เขาเชื่อว่าถ้าโบกเอาควันธูปเข้าหาตัวเพื่อเป็นสิริมงคล
ถ้าโบกใส่อวัยวะในส่วนที่เจ็บป่วยก็จะหายดี และที่น่าสนมากๆ คือ
ถ้าอยากมีเงินเยอะๆ ก็กวักควันใส่กระเป๋าตัง ถ้าใครอยากรวยก็โบกใส่กระเป๋าเยอะๆๆๆๆๆๆ


แล้วเราก็ไปลงสถานีรถไฟฟ้าที่ Asakusa เพื่อที่จะไป Shinjuku ว่าจะไปดูโปรแกรมทัวร์
นอกเมือง เพราะตามรีวิวเขาบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งเลยยยย

ระหว่างเดินทางผมก็เก็บภาพมาฝาก ภาพนี้โคตรรู้สึกเมื่อยเท้าแทนผู้ชายคนนี้
ลองดูครับ ว่าคุณเห็นอะไรจากเขา ยอมรับจริงๆ



ณ ศูนย์บริการการท่องเที่ยว ดีใจมีที่มีคนไทยมาให้บริการด้วย นั่งแสดงว่าคนไทย
เดินทางมาญี่ปุ่นค่อนเยอะ หลังจากได้รับคำแนะนำดีๆ เราก็ตัดสินใจเลือกทริป ฮาโกเนะ
ในวันพรุ่งนี้ เป็นบัตร Free Pass ราคา 5,XXX เยน เดี๋ยวค่อยเล่าพาสต่อไป


ป้าๆ เหล่านี้มารอแปลกใบปลิว โบชัวร์ท่องเที่ยว พร้อมพัดกันร้อน น่ารักดีครับ

ที่พวกผมเลือกมาซื้อทัวร์บริเวณนี้เพราะหาข้อมูลแล้วว่าจุดนี้ เป็นจุดบริการนักท่องเที่ยว
ที่จะเที่ยวในเส้นทางฮาโกเนะ ที่ไปชิมไข่ดำ ล่องเรือในทะเลสาบ ดูวิวฟูจิอะครับ
อีกเส้นทางหนึ่งก็คือ ไปคามากุระ ที่มีพระใหญ่ วัดสวนไผ่ มีออนเซ็นริมทะเลด้วยนะครับ
ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้เราจะเที่ยวในวันถัดไป

เมื่อพวกผมได้ตัวร์ Free Pass แล้ว หมายความว่า บัตรราคา 5 พันเยนนี้จะรวมค่าพาหนะทุกอย่าง
อาทิเช่น รถไฟ รถราง กระเช้า เรือ ผมว่าคุ้มค่ามากๆๆ เลยนะครับ เราก็ไปดูสถานีรถไฟที่จะใช้เดินทาง
ในวันรุ่งขึ้น สถานีรถไฟก็อยู่บริเวณนั้นเลยครับ

บ่ายแก่ๆๆ แล้วเริ่มหิวกัน ก็มองหาศูนย์อาหารครับ น่าจะเป็นชั้นล่างสุดที่ขายของกินครับ เราก็เดินดูเรื่อยๆ
เราไปหยุดที่ผลไม้ญี่ปุ่น เชอร์รี่ ดูราคาแล้ว แพงกว่าทริปที่เราซื้อทั้งวันอีก สรุป ไม่กินครับ 555555

ผลไม้ชุดนี้ที่เราเฝ้ามอง


แต่ชุดนี้คือเราได้กิน อร่อยเหาะเลยนะ ราคาเบาๆๆ 540 เยน อิอิ


อันนี้เราเห็นในการ์ตูนมารูโกะ ที่แม่ชอบห่อข้าวให้ไปโรงเรียน เลยอยากตามรอยการ์ตูน

แต่รู้ไหมครับ ตึกในบริเวณนั้น ที่เป็นห้าง พวกผมเดินหา ศูนย์อาหาร ที่มีโต๊ะ เก้าอี้สำหรับบริการ
ใช้รับประทานอาหาร ไม่มีเลยครับ หาไม่ได้เลย จนสุดท้ายพวกผมต้องหอบหิ้วอาหาร
กลับไปรับประทานที่แคปซูลครับ เราไม่สนเพราะเรามีบัตรรถไฟฟรีจนถึงเที่ยงคืน


ถนนระหว่างเดินไปอีกสถานี ผมเดาว่าอัตราการเป็นโรคหลงลืม ความจำเสื่อมคงน้อยมาก
เพราะถนนส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยต้นแป๊ะก๊วย เต็มไปหมด เดินไป เด็ดกินไป ฉลาดน่าดู

ทานข้าวอิ่มเราไม่รอช้า เพราะเวลามีน้อย เล่นเน็ตฟรีที่เกสเฮาท์นิดหน่อย พอหายคัน
ก็ออกสำรวจเมืองต่อ พอดีเพื่อนผมแนะนำว่าอย่าลืมไปดู สถานีรถไฟโตเกียวนะ
มันสวยคลาสสิก แล้วก็ดูอลังการมากกก แต่บัตรฟรีพาสของพวกผม นั่ง JR line ไม่ได้
เพราะสถานีนี้เป็นของ JR มันจะยากอะไร รถไฟในกรุงโตเกียวเชื่อมกันหมดเลย
พวกผมก็นั่ง Ginza line ที่ใกล้ที่พักที่สุด มาลง Kyobashi เดินนิดเดียว ก็ถึงสถานีโตเกียวแล้ว


ข้างในมีโรงแรมอย่างหรูด้วยนะครับ เป็นสถานีรถไฟแห่งแรกของโตเกียวเลยนะครับ


กดโค้ก บรรจุภัณฑ์สวยดี เลยเก็บภาพมาฝากครับ


จากนั้นเราก็ไปที่นี่ต่อเลยครับ Tokyo Tower พวกผมนั่งรถไฟสาย Toei Oedo line
มาโผล่ที่สถานี Ababanebashi ก็จะมองเห็นยอดหอคอยเลยครับ เดินต่ออีกนิดหน่อย

เขาบอกว่า ไม่ใช่ผมนะ บรรยากาศข้างบน เป็นวิวพาราโนมาที่สวยงาม บรรยากาศดี
แต่ทริปนี้ค่อนข้างเซฟหน่อย ขอแค่มาถึงแล้วได้ถ่ายรูป เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ ดูประวัติก็โอเคแระครับ


โตเกียวทาวน์เวอร์ จากมุมที่พวกผมเดินออกมาทางสวนสาธารณะ


ลืมบอกไปว่า Tokyo Tower  เป็นสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ของช่องดิสนีย์นะครับ
พอรู้ว่าเป็นสถานีส่งสัญญาณ ผมก็อยากส่งสัญญาณกลับประเทศว่า ทำไมคนไทยเรา
ไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้ แล้วสามารถโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวได้ เสาส่งสัญญานบ้านเรา
ก็กลมๆ เหลี่ยมๆ ทื่อๆ ถ้าสร้างอีกน่าจะเอาแบบนี้เลยเนาะ จะได้การท่องเที่ยวด้วย


จากนั้นก็ออกเดินทางต่อมาที่นี่ ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรมาก นอกจากมาดูความวุ่นวาย
มากมาย ปายป่วง มาทำอะไรกันไม่รู้เยอะแยะ ที่นี่เรียกว่า 5 แยก Shibuya
จะรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า และผู้คนมากหน้าหลายตา


อันนี้กำลังมุดใต้ดินเพื่อหาของกินกันครับ

นี่คือเมนูที่ผมเลือกครับ จัดจ้าดดดดดี


เก็บภาพสไตล์การแต่งตัวของคนแถวๆนี้มาฝากครับ

สัปดาห์นี้เป็นวันของเซล่ามูนพอดีเลยไปแปลงร่างคู่กับพวกเธอ


สำหรับวันนี้เป็นการเดินที่ยาวนานสุดๆ เหนื่อยเลยแหละครับ แต่ทำไงได้เพื่อที่จะเก็บ
บรรยากาศให้ได้ครอบคลุมกรุงโตเกียวมากที่สุด ทริปวันนี้ของเราจึงปิดฉากที่นี่
หลังจากนั้นก็ งมซาวหาสถานีกลับบ้านพัก หายากมากครับ อยู่เฉยๆ ป้ายบอกทางก็หายไปต่อหน้าต่อตา
สำหรับวันนี้ ฝันดี ณ แคปซูล ครับผม

ปล. ที่เลือกแคปซูลต่อเพราะ กระเป๋าเราใบใหญ่มากขนส่งลำบาก พร้อมกับราคาที่พักโอเค
ข้างในก็โอเคในระดับหนึ่ง เลยตัดสินใจจองต่อรายวันไปเรื่อยๆ อยากจะบอกว่าพวกเราจะจอง
ผ่านอะโกดา เพราะได้ราคาต่ำกว่าราคาจองที่เกสเฮาท์เลย