สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
อ่านไปได้สัก 100 หน้า แล้วโยนทิ้ง(เพื่อนเอาไปอ่านแทนแล้วไม่เคยได้คืนอีกเลย)
คือหนังสือมันก็ดี แต่ว่ามันไม่เหมาะกับคนอย่างผม
มันเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่แบบตรงๆ แต่ก็ต้องอาศัยการอธิบายในทางอ้อม
การที่เราคิดถึง ปราถนาสิ่งไดมากๆ บ่อยๆมันเหมือนการเตือนสติถึงสิ่งที่ต้องทำมากกว่า
คนอ้วน ใช้วิธีการคิดว่าจะผอม จะผอม.....
มันอธิบายทางอ้อมได้โดยการที่มันช่วยให้เราตั้งมั่นในจุดหมายว่าจะผอม
หาเสื้อผอมๆ กินแบบคนผอมๆ ใช้ชีวิตแบบคนผอมๆ(กินน้อย ออกกำลังกาย) แล้วมันจะไม่ผอมได้อย่างไร?
อยากเป็นหมอ....ก็ทำตัวแบบคนเป็นหมอ อ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน สอบเข้าหมอได้ ก็เพราะเราคิดแบบคนที่ได้เป็นหมอ ทำแบบคนที่ได้เป็นหมอ เราก็ต้องได้เป็นหมอ
อยากเป็นคนที่ถูกรัก.....อยากมีคนรัก คิดถึงทุกวัน คิดถึงวันเวลาที่มีความรัก
ถามหน่อย แล้วคุณทำอะไรรึยังที่เพิ่มโอกาสตัวเองให้ได้เจอคนรัก...เจอคู่ชีวิต
คนเราจะเจอกันผมเชื่อนะ ว่ามันเป็นความบังเอิน เป็นความประจวบเหมาะพอดี เป็นผลจากเหตุการณ์ก่อนหน้าหลายๆๆๆๆเหตุการณ์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง ไอ้เจ้าเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเจอกันเนี่ย มันก็เป็นการสุ่มทั้งนั้น เพียงแต่ว่าคุณสุ่มความน่าจะเป็นนั้นๆออกจากกองไหน
ถ้าวันๆคุณไม่ได้มีโอกาสที่จะเจอใครเลย หรือไม่ทักคนแปลกหน้าเลย โอกาสมันก็น้อยลง ถูกมะ?
แต่ถ้าคุณเข้าสังคมเยอะๆ โอกาสก็เพิ่มขึ้น ถูกมะ?
แล้วถ้าสังคมที่เข้าเนี่ย เป็นสังคมในที่แบบ.....ในที่อโครจรอ่ะ คุณจะได้เจอคนประเภทไหนล่ะ?
สถานอโครจรเองก็มีหลายระดับ คนดีดี ที่พักผ่อนบ้างในสถานบันเทิงกลางคืน เค้าก็ไม่ไปในที่ที่ไม่เหมาะกับเค้าจริงมะ ก็ไปในที่ที่มีเด็กแว๊น เด็กเกรียน ขี้เมาอารวาทน้อยหน่อย
คือ จะช้อนปลาก็ช้อนให้ถูกตู้น่ะ
สรุปสุดท้ายง่ายๆ อยากจะได้อะไร ก็คิดในแบบที่สมควรได้ อยากจะเป็นอะไรก็คิดในแบบที่สมควรเป็น อยากจะมีอะไร ก็คิดในแบบที่สมควรมี
คิดแล้ว ทำด้วย
ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนด้วยความคิด แต่เปลี่ยนด้วยการกระทำ คนเรา ถ้าไม่คิดมันก็ไม่ทำ แต่ถ้าคิดแล้วไม่ทำ ชีวิตมันก็ไม่เปลี่ยน
คือหนังสือมันก็ดี แต่ว่ามันไม่เหมาะกับคนอย่างผม
มันเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่แบบตรงๆ แต่ก็ต้องอาศัยการอธิบายในทางอ้อม
การที่เราคิดถึง ปราถนาสิ่งไดมากๆ บ่อยๆมันเหมือนการเตือนสติถึงสิ่งที่ต้องทำมากกว่า
คนอ้วน ใช้วิธีการคิดว่าจะผอม จะผอม.....
มันอธิบายทางอ้อมได้โดยการที่มันช่วยให้เราตั้งมั่นในจุดหมายว่าจะผอม
หาเสื้อผอมๆ กินแบบคนผอมๆ ใช้ชีวิตแบบคนผอมๆ(กินน้อย ออกกำลังกาย) แล้วมันจะไม่ผอมได้อย่างไร?
อยากเป็นหมอ....ก็ทำตัวแบบคนเป็นหมอ อ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน สอบเข้าหมอได้ ก็เพราะเราคิดแบบคนที่ได้เป็นหมอ ทำแบบคนที่ได้เป็นหมอ เราก็ต้องได้เป็นหมอ
อยากเป็นคนที่ถูกรัก.....อยากมีคนรัก คิดถึงทุกวัน คิดถึงวันเวลาที่มีความรัก
ถามหน่อย แล้วคุณทำอะไรรึยังที่เพิ่มโอกาสตัวเองให้ได้เจอคนรัก...เจอคู่ชีวิต
คนเราจะเจอกันผมเชื่อนะ ว่ามันเป็นความบังเอิน เป็นความประจวบเหมาะพอดี เป็นผลจากเหตุการณ์ก่อนหน้าหลายๆๆๆๆเหตุการณ์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง ไอ้เจ้าเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเจอกันเนี่ย มันก็เป็นการสุ่มทั้งนั้น เพียงแต่ว่าคุณสุ่มความน่าจะเป็นนั้นๆออกจากกองไหน
ถ้าวันๆคุณไม่ได้มีโอกาสที่จะเจอใครเลย หรือไม่ทักคนแปลกหน้าเลย โอกาสมันก็น้อยลง ถูกมะ?
แต่ถ้าคุณเข้าสังคมเยอะๆ โอกาสก็เพิ่มขึ้น ถูกมะ?
แล้วถ้าสังคมที่เข้าเนี่ย เป็นสังคมในที่แบบ.....ในที่อโครจรอ่ะ คุณจะได้เจอคนประเภทไหนล่ะ?
สถานอโครจรเองก็มีหลายระดับ คนดีดี ที่พักผ่อนบ้างในสถานบันเทิงกลางคืน เค้าก็ไม่ไปในที่ที่ไม่เหมาะกับเค้าจริงมะ ก็ไปในที่ที่มีเด็กแว๊น เด็กเกรียน ขี้เมาอารวาทน้อยหน่อย
คือ จะช้อนปลาก็ช้อนให้ถูกตู้น่ะ
สรุปสุดท้ายง่ายๆ อยากจะได้อะไร ก็คิดในแบบที่สมควรได้ อยากจะเป็นอะไรก็คิดในแบบที่สมควรเป็น อยากจะมีอะไร ก็คิดในแบบที่สมควรมี
คิดแล้ว ทำด้วย
ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนด้วยความคิด แต่เปลี่ยนด้วยการกระทำ คนเรา ถ้าไม่คิดมันก็ไม่ทำ แต่ถ้าคิดแล้วไม่ทำ ชีวิตมันก็ไม่เปลี่ยน
แสดงความคิดเห็น
คุณเชื่อในกฏแรงดึงดูดแค่ไหนครับ