สวัสดีครับ ทริปนี้เริ่มต้นการเดินทาง ไปกับหางแดงครับ ผมชอบสโลแกนของเค้านะครับ “ใครๆ ก็บินได้” การเดินทางครั้งนี้เป็นการไปเที่ยวต่างประเทศแบบไปเอง ครั้งที่ 2 ของผมครับ พวกเราจองตั๋วกันข้ามปีเลยละครับ ตอนจองตั๋วเนียจองกัน 4 คน แต่เมื่อถึงเวลาเดินทางจริงๆ ไปกันได้แค่ 3 คนครับ เพราะอีก 1 คนติดภาระกิจสำคัญครับ ทริปนี้ 6 วัน 5 คืนครับ 18-23 ต.ค. 56 สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดน่าจะประมาณ 16,000 บาท รวมตั๋วเครื่องบินแล้ว ไปลงย่างกุ้งกลับทางมัณฑะเลย์ แต่มันก็สนุกมากกก ครับ
*ประเทศพม่าเป็นประเทศที่ต้องขอวีซ่านะครับ ก็ประมาณ 800 กว่าบาท

แผนที่การเดินทางของทริปนี้ เริ่มที่ กรุงเทพฯ ไป ย่างกุ้ง ไป พุกาม ไป มัณฑะเลย์ กลับ กรุงเทพฯ
การไปประเทศพม่าครั้งนี้ครบทั้ง 5 มหาบูชาสถานกันเลย แต่ถึงอย่างไรก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไรหรอกครับว่าครบทั้ง 5 มหาบูชาสถาน ฟังผมเล่า ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าทำไมถึงพูดเช่นนี้ครับ
มาแนะนำกันหน่อยนะครับ ว่า 5 มหาบูชาสถานของประเทศพม่ามีอะไรบ้างครับ
1.มหาเจดีย์ชเวดากอง กรุงย่างกุ้ง
2.พระธาตุอินทร์แขวน “ไจก์ทิโย”
3.เจดีย์ชเวมอดอร์ เมืองหงสาวดี หรือที่คนไทยเรียก พระธาตุมุเตา
4.มหาเจดีย์ชเวซิกอง เมืองพุกาม
5.พระมหามัยมุนี เมืองมัณฑะเลย์
ไล่เรียงลำดับตามที่พวกเราไปครับ
ผมเองเป็นคนที่อ่อนภาษาสุดเลย เรียกได้ว่าพูดไม่ได้เลยดีกว่า
เทคนิคสำหรับคนที่ไม่เก่งภาษา แล้วอยากจะไปเที่ยว
1. ชวนเพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษไปด้วยครับ
2. ศึกษาสถานที่สำคัญที่เราจะไปคราวๆ
3. ค้นหาศัพท์ที่เป็นภาษาพม่าไปด้วย
4. เครื่องคิดเลขครับ อันนี้สำคัญมากนะครับ เอาไว้ต่อลองราคา เวลาจะซื้อของ
5. ไกด์บุ๊คครับ พวกหนังสือนำเที่ยวอะครับ พกเอาไปด้วย อุ่นใจดีครับ
--------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 1 :
เริ่มเช้าตรู่ เครื่องออกจากดอนเมืองไปย่างกุ้งใช้เวลาประมาณ 1 ชมครึ่ง ก็เดินทางถึงย่างกุ้ง สนามบินของย่างกุ้งนั้นอยู่นอกเมืองพอสมควร ต้องใช้เวลาเดินทางเข้าไปยังใจกลางเมือง อีกประมาณ 1 ชมกว่าๆ แต่รู้สึกเหมือนนานมากเลยครับ หลับแล้วหลับอีกยังไม่ถึง พวกเราเลือกใช้บริการของโรงแรมให้มารับเพราะฟรี คิดมากับค่าห้องอยู่แล้วครับ โรงแรมที่พวกเราพักเป็นโรงแรมเล็กๆ ชื่อว่า Mother Land Inn2 (
https://www.facebook.com/myanmarhotelbudget)
*การพักแบบนี้ชาวต่างชาติเค้าจะมานั่งจับกลุ่มคุยกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ อันนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษครับ เพราะไม่รู้จะคุยยังไงกับเค้าอะครับ แอบเศร้า T-T
เมื่อมาถึงที่พัก ก็ทานอาหารเช้า ซึ่งเวลานั้นก็เกือบจะเที่ยงแล้วละ พนักงานที่โรงแรมนี้ พูดได้หลายภาษาเลยนะ พอรู้ว่าเรามาจากไทย ก็กล่าวทักทายเป็นภาษาไทยเลยครับ
เก็บของอะไรเรียบร้อย เราก็เรียกแท็คซี่ เที่ยวรอบเมือง โดยเหมาครึ่งวัน การเดินทางในเมืองย่างกุ้ง รถเมย์คนจะเยอะมากกก เลยครับ แน่นพอๆกับกรุงเทพบ้านเราอะครับ ที่เห็นก็มีแต่รถร้อนนะ รถแอร์ ก็มีนะ แต่ดูเหมือนจะไม่เปิดแอร์ ส่วนรถมอเตอร์ไซต์ไม่มีเลยเพราะที่ย่างกุ้ง ไม่อนุญาตให้ใช้รถมอเตอร์ไซต์
ที่แรกที่เราไปคือเจดีย์โบตะตาวซึ่งจะมีเทพทันใจอยู่ข้างๆเจดีย์โบตะตาว วัดที่พม่าต้องถอดรองเท้าด้วยนะครับ เพราะเค้าถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ครับ ชาวต่างชาติต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ ข้างในตรงส่วนของเทพทันใจ ก็บริการดีมากเลยครับ จะมีคนค่อยเอาดอกไม้,ผ้าแพร มาให้แล้วก็บอกว่าต้องทำยังไง ไหว้จุดไหนบ้าง ตรงส่วนนี้คือเก็บตังนะ ดอกไม้ทุกจุดนะครับ พอไหว้หมดแล้วเค้าก็จะบอกเราว่าเท่าไรครับ ถ้าเราไหว้เฉยๆ ก็ได้นะครับ
แล้วเราก็ไปอีกหลายที่เลย เช่น พระนอนตาหวาน ,หน้าบ้านอองซานซูจี (ทางผ่านอะครับ) ,เจดีย์สุลาพญากับสวนสาธารณะข้างๆ และตลาดสก๊อต ตลาดซื้อของฝาก ผมได้โสร่ง (ภาษาพม่า: ลองจี) มา 1 ผืน
ตรอก ซอย ในย่างกุ้ง

พระนอนตาหวาน

พระนอนตาหวาน

สวนสาธารณะใกล้ๆ กับเจดีย์สุลาพญา

ร้านขายน้ำตรงสวนสาธารณะ

หน้าบ้านอองซานซูจี
สุดท้ายก็มาจบที่ มหาเจดีย์ชเวดากอง เราไปกันตอนเย็นๆ อะครับ อยู่จนค่ำเลยครับ วันที่พวกเราไปมีจุดเทียนรอบๆ มหาเจดีย์ และยังมีขบวนพาเรดของชาวเมืองแห่รอบมหาเจดีย์ เห็นคนพม่ามาวัดกันเยอะมากก คนในประเทศเค้าให้ความสำคัญกับศาสนาพุทธ มากเลย ไม่ได้มีเฉพาะคนแก่นะ มีทั้งเด็ก คนหนุ่มสาว วัยทำงาน เรียกได้ว่าทุกช่วงวัยจริงๆครับ
หลังจากเดินชมมหาเจดีย์ชเวดากองจนมืดค่ำ อิ่มเอมกับบรรยากาศแล้ว พวกเราก็ให้พี่แท็คซี่พาไปไชน่าทาวย์ ครับ ระหว่างขับรถไปพี่แท็คซี่ก็ขอแหวะ ซื้อหมากเป็นคำๆ ขายอยู่ข้างทาง คนก็ซื้อกันเยอะนะ เหมือนของกินเล่นบ้านเค้า

แมงดานา
กลับมาถึงที่พักก็มืดมากแล้ว หลับเป็นตายเลยละ พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ที่ตี 4 พวกเราจะเหมาแท็คซี่ของโรงแรม ไปพระธาตุอินทร์แขวน “ไจก์ทิโย” ครับ
มิงกะลาบาเสน่ย์ตรึงใจ
*ประเทศพม่าเป็นประเทศที่ต้องขอวีซ่านะครับ ก็ประมาณ 800 กว่าบาท
แผนที่การเดินทางของทริปนี้ เริ่มที่ กรุงเทพฯ ไป ย่างกุ้ง ไป พุกาม ไป มัณฑะเลย์ กลับ กรุงเทพฯ
การไปประเทศพม่าครั้งนี้ครบทั้ง 5 มหาบูชาสถานกันเลย แต่ถึงอย่างไรก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไรหรอกครับว่าครบทั้ง 5 มหาบูชาสถาน ฟังผมเล่า ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าทำไมถึงพูดเช่นนี้ครับ
มาแนะนำกันหน่อยนะครับ ว่า 5 มหาบูชาสถานของประเทศพม่ามีอะไรบ้างครับ
1.มหาเจดีย์ชเวดากอง กรุงย่างกุ้ง
2.พระธาตุอินทร์แขวน “ไจก์ทิโย”
3.เจดีย์ชเวมอดอร์ เมืองหงสาวดี หรือที่คนไทยเรียก พระธาตุมุเตา
4.มหาเจดีย์ชเวซิกอง เมืองพุกาม
5.พระมหามัยมุนี เมืองมัณฑะเลย์
ไล่เรียงลำดับตามที่พวกเราไปครับ
ผมเองเป็นคนที่อ่อนภาษาสุดเลย เรียกได้ว่าพูดไม่ได้เลยดีกว่า
เทคนิคสำหรับคนที่ไม่เก่งภาษา แล้วอยากจะไปเที่ยว
1. ชวนเพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษไปด้วยครับ
2. ศึกษาสถานที่สำคัญที่เราจะไปคราวๆ
3. ค้นหาศัพท์ที่เป็นภาษาพม่าไปด้วย
4. เครื่องคิดเลขครับ อันนี้สำคัญมากนะครับ เอาไว้ต่อลองราคา เวลาจะซื้อของ
5. ไกด์บุ๊คครับ พวกหนังสือนำเที่ยวอะครับ พกเอาไปด้วย อุ่นใจดีครับ
วันที่ 1 :
เริ่มเช้าตรู่ เครื่องออกจากดอนเมืองไปย่างกุ้งใช้เวลาประมาณ 1 ชมครึ่ง ก็เดินทางถึงย่างกุ้ง สนามบินของย่างกุ้งนั้นอยู่นอกเมืองพอสมควร ต้องใช้เวลาเดินทางเข้าไปยังใจกลางเมือง อีกประมาณ 1 ชมกว่าๆ แต่รู้สึกเหมือนนานมากเลยครับ หลับแล้วหลับอีกยังไม่ถึง พวกเราเลือกใช้บริการของโรงแรมให้มารับเพราะฟรี คิดมากับค่าห้องอยู่แล้วครับ โรงแรมที่พวกเราพักเป็นโรงแรมเล็กๆ ชื่อว่า Mother Land Inn2 (https://www.facebook.com/myanmarhotelbudget)
*การพักแบบนี้ชาวต่างชาติเค้าจะมานั่งจับกลุ่มคุยกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ อันนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษครับ เพราะไม่รู้จะคุยยังไงกับเค้าอะครับ แอบเศร้า T-T
เมื่อมาถึงที่พัก ก็ทานอาหารเช้า ซึ่งเวลานั้นก็เกือบจะเที่ยงแล้วละ พนักงานที่โรงแรมนี้ พูดได้หลายภาษาเลยนะ พอรู้ว่าเรามาจากไทย ก็กล่าวทักทายเป็นภาษาไทยเลยครับ
เก็บของอะไรเรียบร้อย เราก็เรียกแท็คซี่ เที่ยวรอบเมือง โดยเหมาครึ่งวัน การเดินทางในเมืองย่างกุ้ง รถเมย์คนจะเยอะมากกก เลยครับ แน่นพอๆกับกรุงเทพบ้านเราอะครับ ที่เห็นก็มีแต่รถร้อนนะ รถแอร์ ก็มีนะ แต่ดูเหมือนจะไม่เปิดแอร์ ส่วนรถมอเตอร์ไซต์ไม่มีเลยเพราะที่ย่างกุ้ง ไม่อนุญาตให้ใช้รถมอเตอร์ไซต์
ที่แรกที่เราไปคือเจดีย์โบตะตาวซึ่งจะมีเทพทันใจอยู่ข้างๆเจดีย์โบตะตาว วัดที่พม่าต้องถอดรองเท้าด้วยนะครับ เพราะเค้าถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ครับ ชาวต่างชาติต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ ข้างในตรงส่วนของเทพทันใจ ก็บริการดีมากเลยครับ จะมีคนค่อยเอาดอกไม้,ผ้าแพร มาให้แล้วก็บอกว่าต้องทำยังไง ไหว้จุดไหนบ้าง ตรงส่วนนี้คือเก็บตังนะ ดอกไม้ทุกจุดนะครับ พอไหว้หมดแล้วเค้าก็จะบอกเราว่าเท่าไรครับ ถ้าเราไหว้เฉยๆ ก็ได้นะครับ
แล้วเราก็ไปอีกหลายที่เลย เช่น พระนอนตาหวาน ,หน้าบ้านอองซานซูจี (ทางผ่านอะครับ) ,เจดีย์สุลาพญากับสวนสาธารณะข้างๆ และตลาดสก๊อต ตลาดซื้อของฝาก ผมได้โสร่ง (ภาษาพม่า: ลองจี) มา 1 ผืน
พระนอนตาหวาน
พระนอนตาหวาน
สวนสาธารณะใกล้ๆ กับเจดีย์สุลาพญา
ร้านขายน้ำตรงสวนสาธารณะ
หน้าบ้านอองซานซูจี
สุดท้ายก็มาจบที่ มหาเจดีย์ชเวดากอง เราไปกันตอนเย็นๆ อะครับ อยู่จนค่ำเลยครับ วันที่พวกเราไปมีจุดเทียนรอบๆ มหาเจดีย์ และยังมีขบวนพาเรดของชาวเมืองแห่รอบมหาเจดีย์ เห็นคนพม่ามาวัดกันเยอะมากก คนในประเทศเค้าให้ความสำคัญกับศาสนาพุทธ มากเลย ไม่ได้มีเฉพาะคนแก่นะ มีทั้งเด็ก คนหนุ่มสาว วัยทำงาน เรียกได้ว่าทุกช่วงวัยจริงๆครับ
หลังจากเดินชมมหาเจดีย์ชเวดากองจนมืดค่ำ อิ่มเอมกับบรรยากาศแล้ว พวกเราก็ให้พี่แท็คซี่พาไปไชน่าทาวย์ ครับ ระหว่างขับรถไปพี่แท็คซี่ก็ขอแหวะ ซื้อหมากเป็นคำๆ ขายอยู่ข้างทาง คนก็ซื้อกันเยอะนะ เหมือนของกินเล่นบ้านเค้า
แมงดานา
กลับมาถึงที่พักก็มืดมากแล้ว หลับเป็นตายเลยละ พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ที่ตี 4 พวกเราจะเหมาแท็คซี่ของโรงแรม ไปพระธาตุอินทร์แขวน “ไจก์ทิโย” ครับ