จากการได้เห็นหลายๆ กระทู้บอกเล่าเรื่องราวความรักของหลายๆ คน ทะเลาะกันบ้าง เลิกกันบ้าง เพราะแฟนไม่มีเวลาให้ เอาแต่ทำงาน เราเลยอยากแชร์เรื่องราวของเราบ้าง กับการมีแฟนที่ไม่มีทั้งเวลาและอนาคตให้เรา
ขอเล่าประวัตินิดนึงนะคน เราเป็นเด็กบ้านนอก จนๆ ที่บ้านมีปัญหาพ่อชอบกินเหล้าแล้วชอบด่าและทำร้ายคนในบ้าน พอจบ ม.6 เราจบโรงเรียนประจำอำเภอ อยากเรียน ม.ธรรมศาสตร์มาก สอบได้ทุนเรียนดีชนบท และสอบติดทุนวิทย์ของ ม.ราชภัฏจังหวัดใกล้ๆ บ้าน แต่แม่ขอร้องให้เรียนที่ราชภัฏ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างเราเลยเรียนที่ราชภัฏ อยู่หอกับเพื่อนที่จบจากโรงเรียนเดียวกัน 4 คน ใน 1 ห้อง เพราะว่า ประหยัด !
พอปลายๆ เทอมปีสามเรามีปัญหากับเพื่อน (อารมณ์นอยส์ น้อยใจ) เลยย้ายหอ ออกมาอยู่คนเดียว ห้องที่เราอยู่มันจะอยู่ติดกับร้านข้าว มักจะมีคนมานั่งกินข้าวหน้าห้องเราบ่อยๆ ห้องข้างๆ เราเป็นเด็กวิศวะค่ะ พอตอนเย็นๆ จะมาตั้งวงกินเหล้าหน้าห้องเราบ่อยมาก เกือบทุกวันก็ว่าได้ ประมาณ 6-7 คน เสียงดังเป็นประจำ เราเคยต้องทำงานดึกๆ เขียบแลปติดๆ กันหลายคืน แทนที่เราจะได้หลับดีๆ เรากลับต้องมาทนเสียงของคนพวกนี้ มีครั้งนึงที่เราทนไม่ไหว จนต้องเปิดประตูออกไปด่า (ในใจเรากลัวมากนะ เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวแต่ดันไปด่าเค้า) แต่ได้ผลค่ะ เสียงเงียบไปเลย หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีการตั้งวงแล้ว นานๆจะมีที แต่หนุ่มๆ พวกนั้นจีบเราค่ะ แซวบ้าง บางทีก็เขียนเบอร์ เขียนเฟซบุคสอดไว้ใต้ประตูบ้าง เราลองเข้าไปดูในเฟซแล้วแอดไปค่ะ ตอนนั้นไม่รู้ตัวเองคิดอะไรเหมือนกัน 555 อาจจะเป็นเพราะว่าเหงา ไม่มีใครด้วย หลังจากนั้นก้อคุยกับเค้าในเฟซเรื่อยๆ ค่ะ เค้าขอเบอร์ก็ไม่ให้ (เล่นตัวเบาๆ 555) สมมุติว่าชื่อ พี่หมี ละกันนะคะ เพราะว่าตัวอ้วนๆดำๆผมฟูๆ
พี่หมีเค้านิสัยดีค่ะ ไปเที่ยวก็มีของฝาก ไปเซเว่นก็เอาขนมมาแขวนไว้ให้หน้าห้อง โน้ตบุคเราพังก็เอามาของเค้ามาให้ยืม ไม่เซ้าซี่ ไม่เยอะดี หลังจากคุยกับพี่เค้าเรื่อยๆ ประมาณ 2 เดือน พอปิดเทอมเราต้องไปฝึกงานที่ชลบุรี จำได้ว่าเราต้องย้ายออกจากหอวันที่ 2 มีนา เพื่อขนของกลับบ้าน ที่บ้านไม่มีอินเทอร์เนตก็เลยให้เบอร์พี่หมีเค้าไป แม่กับพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องมาช่วยขนของออกจากหอ ของเราเยอะมาก พี่หมีเค้าก็ยังไม่กลับบ้านเค้านะ นอนมองอยู่ในห้อง ตอนยกมอไซด์ขึ้นรถแม่เราบอกเราว่าคนในเมืองนี่ไม่มีน้ำใจเลยเนอะ กลับไปอยู่บ้านวันนึงพี่เค้าก็ไม่โทรมา เราก็นึกว่าพี่เค้าคงจะหายไปจากชีวิตเราแล้วมั้ง พอวันที่ 4 เราเดินทางไปชลบุรีกำลังอยู่บนรถตู้ พี่เค้าโทรมาค่ะ เค้าก็คุยแบบเขินๆ เราก็เล่าให้เค้าฟังว่า แม่เราว่าเค้าเป็นคนไม่มีน้ำใจ แต่เค้าบอกว่า เค้าคิดว่าพี่ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนเราเลยไม่ได้มาช่วย ก็คุยกันขำๆ ไปเรื่อย
ลืมบอกไปค่ะว่าพี่เค้าอายุเยอะกว่าเรา 4 ปี จบ ปวส. แล้วมาต่อ ป.ตรี ตอนปี 1 ไม่ตั้งใจเรียนจนโดนรีไทด์ ตอนเราไปฝึกงาน เค้าก็ไปเหมือนกันค่ะ เราไปชลบุรี เค้าไปบางบ่อ เค้าโทรหาเราทุกวัน ค่อยถามว่าทำอะไร กินข้าวหรือยัง เค้าจะไปไหนก็บอกเราตลอด ไม่ว่าจะไปกินเหล้ากับเพื่อน ไปร้านยาดองก็บอกตลอด เค้าเป็นคนแรกที่เราคุยด้วยแล้วสบายใจจนสามารถหลับคาโทรศัพย์ได้เกือบทุกวัน
พอกลางเดือนเมษา เราต้องกลับมาจ่ายค่าเทอมซัมเมอร์ค่ะ ส่วนพี่หมีเค้าก็จะไปงานบวชเพื่อนพอดี เราเลยนัดเจอกันที่อนุเสาวรีย์ แต่ๆๆๆ วันนั้นเราดันลืมโทรศัพย์ไว้ที่หอที่ฝึกงานจ้าาาา เราจึงเดินหาตู้โทรศัพย์แล้วกระหน่ำโทรไปเบอร์ตัวเองเกือบๆ สิบสายรูมเมทเราจึงรับสาย เราให้เค้าหาเบอร์พี่หมีให้ พอได้เบอร์พี่เค้าเราโทรไปเค้าก้อถามเลยว่าเราอยู่ไหน พี่โทรไปทำไมไม่รับ เราก้อบอกว่าลืมโทรศัพย์ ตอนนี้อยู่ตรงตู้โทรศัพย์หน้าเซนเตอร์วัน (มันชื่อนี้รึป่าวนะ ลืม) เราก็บอกว่างั้นเจอกันตรงหน้าเซนเตอร์วันนะ พอเดินลงสะพานลอยมาก็เจอพี่เค้ารออยู่ตรงหน้าบรรไดเลย งง ว่ามาเร็วจัง สภาพวิ่งหอบมา เหงื่อท่วมตัวมาเลย 555 จากนั้นก็นั่งรถตู้ต่อเพื่อกลับให้ถึงจังหวัดที่เราอยู่ พอมาถึงเราตั้งใจว่าจะนอนกับเพื่อนเรา แต่ๆๆๆ เค้าลืมว่าเราจะมา เพื่อนเราก็กลับบ้านจ้าาาา เราจะไปจ่ายค่าเทอมที่ ม. ปรากฏว่าฝ่ายทะเบียนปิด ไปงานรับปริญญาที่เชียงใหม่กันหมด คนอะไรจะซวยปานนี้ หลังจากนั้นพี่หมีพาเราไปฟันที่คลีนิก (เราจัดฟัน) ซึ่งรอนานมากกกกก เสร็จแล้วยังพาเราไปร้านเครื่องสำอางค์อีกด้วย สรุปวันนั้นเรานอนห้องพี่หมี เพราะว่าไม่มีที่นอนจริงๆ เราก็กลัวเค้าจะทำอะไรเราเหมือนกัน อากาศวันนั้นร้อนมากกก พี่เค้าไม่กล้าทำอะไรเราเลย ตอนเช้าเค้าก็คะยั้นคะยอให้เราไปงานบวชเพื่อนกับเค้า แต่เราไม่กล้าไป ก็เลยนอนรออยู่ที่ห้อง พอพี่เค้ากลับมาจากงานบวชเราก็นั่งรถตู้ไปอนุเสาวรีย์กันเพื่อกลับที่ฝึกงานกัน
เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาต่อนะคะง่วงแล้ว นอนก่อน
อยากเล่า ... การคบกับผู้ชายที่ไม่มีทั้งเวลา และ 'อนาคต'
ขอเล่าประวัตินิดนึงนะคน เราเป็นเด็กบ้านนอก จนๆ ที่บ้านมีปัญหาพ่อชอบกินเหล้าแล้วชอบด่าและทำร้ายคนในบ้าน พอจบ ม.6 เราจบโรงเรียนประจำอำเภอ อยากเรียน ม.ธรรมศาสตร์มาก สอบได้ทุนเรียนดีชนบท และสอบติดทุนวิทย์ของ ม.ราชภัฏจังหวัดใกล้ๆ บ้าน แต่แม่ขอร้องให้เรียนที่ราชภัฏ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างเราเลยเรียนที่ราชภัฏ อยู่หอกับเพื่อนที่จบจากโรงเรียนเดียวกัน 4 คน ใน 1 ห้อง เพราะว่า ประหยัด !
พอปลายๆ เทอมปีสามเรามีปัญหากับเพื่อน (อารมณ์นอยส์ น้อยใจ) เลยย้ายหอ ออกมาอยู่คนเดียว ห้องที่เราอยู่มันจะอยู่ติดกับร้านข้าว มักจะมีคนมานั่งกินข้าวหน้าห้องเราบ่อยๆ ห้องข้างๆ เราเป็นเด็กวิศวะค่ะ พอตอนเย็นๆ จะมาตั้งวงกินเหล้าหน้าห้องเราบ่อยมาก เกือบทุกวันก็ว่าได้ ประมาณ 6-7 คน เสียงดังเป็นประจำ เราเคยต้องทำงานดึกๆ เขียบแลปติดๆ กันหลายคืน แทนที่เราจะได้หลับดีๆ เรากลับต้องมาทนเสียงของคนพวกนี้ มีครั้งนึงที่เราทนไม่ไหว จนต้องเปิดประตูออกไปด่า (ในใจเรากลัวมากนะ เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวแต่ดันไปด่าเค้า) แต่ได้ผลค่ะ เสียงเงียบไปเลย หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีการตั้งวงแล้ว นานๆจะมีที แต่หนุ่มๆ พวกนั้นจีบเราค่ะ แซวบ้าง บางทีก็เขียนเบอร์ เขียนเฟซบุคสอดไว้ใต้ประตูบ้าง เราลองเข้าไปดูในเฟซแล้วแอดไปค่ะ ตอนนั้นไม่รู้ตัวเองคิดอะไรเหมือนกัน 555 อาจจะเป็นเพราะว่าเหงา ไม่มีใครด้วย หลังจากนั้นก้อคุยกับเค้าในเฟซเรื่อยๆ ค่ะ เค้าขอเบอร์ก็ไม่ให้ (เล่นตัวเบาๆ 555) สมมุติว่าชื่อ พี่หมี ละกันนะคะ เพราะว่าตัวอ้วนๆดำๆผมฟูๆ
พี่หมีเค้านิสัยดีค่ะ ไปเที่ยวก็มีของฝาก ไปเซเว่นก็เอาขนมมาแขวนไว้ให้หน้าห้อง โน้ตบุคเราพังก็เอามาของเค้ามาให้ยืม ไม่เซ้าซี่ ไม่เยอะดี หลังจากคุยกับพี่เค้าเรื่อยๆ ประมาณ 2 เดือน พอปิดเทอมเราต้องไปฝึกงานที่ชลบุรี จำได้ว่าเราต้องย้ายออกจากหอวันที่ 2 มีนา เพื่อขนของกลับบ้าน ที่บ้านไม่มีอินเทอร์เนตก็เลยให้เบอร์พี่หมีเค้าไป แม่กับพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องมาช่วยขนของออกจากหอ ของเราเยอะมาก พี่หมีเค้าก็ยังไม่กลับบ้านเค้านะ นอนมองอยู่ในห้อง ตอนยกมอไซด์ขึ้นรถแม่เราบอกเราว่าคนในเมืองนี่ไม่มีน้ำใจเลยเนอะ กลับไปอยู่บ้านวันนึงพี่เค้าก็ไม่โทรมา เราก็นึกว่าพี่เค้าคงจะหายไปจากชีวิตเราแล้วมั้ง พอวันที่ 4 เราเดินทางไปชลบุรีกำลังอยู่บนรถตู้ พี่เค้าโทรมาค่ะ เค้าก็คุยแบบเขินๆ เราก็เล่าให้เค้าฟังว่า แม่เราว่าเค้าเป็นคนไม่มีน้ำใจ แต่เค้าบอกว่า เค้าคิดว่าพี่ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนเราเลยไม่ได้มาช่วย ก็คุยกันขำๆ ไปเรื่อย
ลืมบอกไปค่ะว่าพี่เค้าอายุเยอะกว่าเรา 4 ปี จบ ปวส. แล้วมาต่อ ป.ตรี ตอนปี 1 ไม่ตั้งใจเรียนจนโดนรีไทด์ ตอนเราไปฝึกงาน เค้าก็ไปเหมือนกันค่ะ เราไปชลบุรี เค้าไปบางบ่อ เค้าโทรหาเราทุกวัน ค่อยถามว่าทำอะไร กินข้าวหรือยัง เค้าจะไปไหนก็บอกเราตลอด ไม่ว่าจะไปกินเหล้ากับเพื่อน ไปร้านยาดองก็บอกตลอด เค้าเป็นคนแรกที่เราคุยด้วยแล้วสบายใจจนสามารถหลับคาโทรศัพย์ได้เกือบทุกวัน
พอกลางเดือนเมษา เราต้องกลับมาจ่ายค่าเทอมซัมเมอร์ค่ะ ส่วนพี่หมีเค้าก็จะไปงานบวชเพื่อนพอดี เราเลยนัดเจอกันที่อนุเสาวรีย์ แต่ๆๆๆ วันนั้นเราดันลืมโทรศัพย์ไว้ที่หอที่ฝึกงานจ้าาาา เราจึงเดินหาตู้โทรศัพย์แล้วกระหน่ำโทรไปเบอร์ตัวเองเกือบๆ สิบสายรูมเมทเราจึงรับสาย เราให้เค้าหาเบอร์พี่หมีให้ พอได้เบอร์พี่เค้าเราโทรไปเค้าก้อถามเลยว่าเราอยู่ไหน พี่โทรไปทำไมไม่รับ เราก้อบอกว่าลืมโทรศัพย์ ตอนนี้อยู่ตรงตู้โทรศัพย์หน้าเซนเตอร์วัน (มันชื่อนี้รึป่าวนะ ลืม) เราก็บอกว่างั้นเจอกันตรงหน้าเซนเตอร์วันนะ พอเดินลงสะพานลอยมาก็เจอพี่เค้ารออยู่ตรงหน้าบรรไดเลย งง ว่ามาเร็วจัง สภาพวิ่งหอบมา เหงื่อท่วมตัวมาเลย 555 จากนั้นก็นั่งรถตู้ต่อเพื่อกลับให้ถึงจังหวัดที่เราอยู่ พอมาถึงเราตั้งใจว่าจะนอนกับเพื่อนเรา แต่ๆๆๆ เค้าลืมว่าเราจะมา เพื่อนเราก็กลับบ้านจ้าาาา เราจะไปจ่ายค่าเทอมที่ ม. ปรากฏว่าฝ่ายทะเบียนปิด ไปงานรับปริญญาที่เชียงใหม่กันหมด คนอะไรจะซวยปานนี้ หลังจากนั้นพี่หมีพาเราไปฟันที่คลีนิก (เราจัดฟัน) ซึ่งรอนานมากกกกก เสร็จแล้วยังพาเราไปร้านเครื่องสำอางค์อีกด้วย สรุปวันนั้นเรานอนห้องพี่หมี เพราะว่าไม่มีที่นอนจริงๆ เราก็กลัวเค้าจะทำอะไรเราเหมือนกัน อากาศวันนั้นร้อนมากกก พี่เค้าไม่กล้าทำอะไรเราเลย ตอนเช้าเค้าก็คะยั้นคะยอให้เราไปงานบวชเพื่อนกับเค้า แต่เราไม่กล้าไป ก็เลยนอนรออยู่ที่ห้อง พอพี่เค้ากลับมาจากงานบวชเราก็นั่งรถตู้ไปอนุเสาวรีย์กันเพื่อกลับที่ฝึกงานกัน
เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาต่อนะคะง่วงแล้ว นอนก่อน