ผมเพิ่งรู้ตัวว่าชอบดูโขนเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองครับ สาเหตุก็คงเป็นเพราะว่าผมอาจจะเป็นคนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยได้ชมการแสดงโขนมาก่อนเลย ในสมัยก่อนเรื่องการไปดูโขนนั้นเป็นเรื่องของคนแก่รุ่นป้ารุ่นยายเท่านั้น ผมจำได้ว่าในสมัยเด็ก ๆ คุณป้าผมชอบไปดูการแสดงโขนประจำปีซึ่งจัดแสดงที่โรงละครแห่งชาติ สนามหลวง โดยนาน ๆ จะได้ไปดูสักครั้งพอกลับมาก็จะมาเล่าลูกหลานฟังได้อย่างประทับใจเสมอ ตอนเป็นเด็กผมเลยมีความเข้าใจว่าถ้าจะดูโขนต้องไปดูที่โรงละครแห่งชาติ แต่ถ้าจะไปดูลิเกต้องไปดูที่หลังตลาด (สมัยผมเป็นเด็กที่หลังตลาดบางปะกอกจะมีโรงลิเกมาตั้งบ่อยมาก)
ดังนั้นผมจึงมีความเชื่อว่าการแสดงโขนนั้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เท่านั้น เด็ก ๆ อย่างผมจึงได้แต่วิ่งเล่นไล่จับ ดีดลูกหิน เป่ากบ กระโดดเชือก ทอยเส้นเล่นไร้สาระเรื่อยมา จนกระทั่งผมเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มใหญ่จนถึงทุกวันนี้ ผมจึงได้มีโอกาสชมการแสดงโขนพระราชทานที่ทางมูลนิธิส่งเสริมศีลปาชีพ ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่เป็นผู้จัดขึ้น ซึ่งในครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปชมโขนในตอน ศึกมัยราพณ์ ก็ทำให้ผมเริ่มชอบและสนใจการแสดงโขนขึ้นมาในทันที และเมื่อผมได้เข้าไปชมโขนอีกครั้งในตอน ศึกกุมกรรณ จึงทำให้ผมหลงใหลจนประทับใจในศิลปะการแสดงโขนขึ้นมากไปอีก จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อผมเจอหรือพบเห็นอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการแสดงโขน ผมจะรู้สึกว่าสนใจและอยากเข้าไปดูชมอยากเข้าไปติดตามอย่างใกล้ชิดเสมอ
คงเป็นเพราะว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นศิลปะการแสดงโขนอาจจะจำกัดอยู่ในกลุ่มคนที่เรียนมาทางด้านนี้เท่านั้นก็เป็นได้ คนทั่วไปจึงไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าไปชมโขนสักเท่าไหร่ ความนิยมที่จะไปดูโขนก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้เฟื่องฟูจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากนัก อีกทั้งการจัดแสดงโขนในแต่ละครั้งคงมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและเยอะแยะเป็นอย่างมาก ดังนั้นการแสดงโขนซึ่งเป็นการแสดงสดจึงไม่ค่อยจะมีเล่นให้ชมได้บ่อยนัก ผู้คนทั่วไปอย่างเช่นตัวผมเกือบจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำว่าประเทศไทยของเรามีการแสดงโขนที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น ซึ่งถ่ายทอดวัฒนธรรมอันล้ำค่าจากคนรุ่นก่อนตกทอดมาสู่ยุคของพวกเรา

ในปัจจุบันนี้นับว่าเป็นโชคดีของประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมากที่องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงอนุรักษ์การแสดงโขนซึ่งเป็นศิลปะการแสดงขั้นสูงของไทยให้ดำรงอยู่สืบไป จนทำให้พวกเราทั่วไปสามารถมีโอกาสเข้าไปชมการแสดงโขนอันวิจิตรอลังการได้ โดยเรื่องราวความเป็นมาของโขนนั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ผมและตัวท่านอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ กว่าที่จะกลายมาเป็นตัวละครโขน ที่มีตัวพระ ตัวนาง ตัวยักษ์และตัวลิงนั้น มีเบื้องหลังความเป็นมาที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะของไทยหลากหลายแขนงเป็นอย่างมาก ๆ อีกทั้งการแสดงบนเวทีนั้นก็ถือว่าเป็น นาฏศาสตร์ ขั้นสูงสุดอีกด้วย ซึ่งตัวผมเองนั้นเมื่อเริ่มสนใจโขนแล้วก็อยากจะเจาะลึกลงไปในรายละเอียดในมากขึ้นไปอีก ซึ่งเมื่อผมได้รู้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงโขนแล้วผมก็ได้รู้เรื่องราวของศิลปะไทยมากขึ้นตามไปด้วย
ในเวลาอันใกล้นี้ทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้จัดให้มีนิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย (THE EXHIBITION : WISDOM OF THE KINGDOM) ขึ้น ในวันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 17 สิงหาคม 2557 ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และบริเวณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยทุกท่านสามารถเข้าชมได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งรายละเอียดของงานนิทรรศการในครั้งนี้ผมถือว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับงานศิลปะไทยที่น่าสนใจมาก ๆ ผมจึงขอยกเอารายละเอียดของงานนิทรรศการฯ มานำเสนอให้ผู้ที่สนใจได้ทราบดังนี้
(ในภาพจากซ้ายไปขวา)
ดร.อภิชาติ อินทรวิศิษฏ์ พิธีกรของงานแถลงข่าวนิทรศการฯ , คุณยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเซ็นทรัล , ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และ ดร.อนุชา ทีรคานนท์ กรรมการอำนวยการ การแสดงโขนพระราชทาน
งานนิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย ในครั้งนี้จัดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1 จัดขึ้นที่ห้องอีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ของห้างเซ็นทรัลชิดลม โดยจะเป็นการจัดแสดงศิลปะที่เกี่ยวกับหัวโขนทั้งหมด เนื่องจากหัวโขนถือว่าเป็นของสูง ทางคณะผู้จัดงานจึงได้แยกมาจัดแสดงไว้เป็นสัดส่วนที่เฉพาะบนชั้น 3 ของห้างเซ็นทรัลชิดลม นอกจากจะมีหัวโขนของตัวละครซึ่งเป็นอมนุษย์ (ยักษ์,ลิง) จัดแสดงแล้ว ยังมีการสาธิตการทำหัวโขนขนาดเล็ก ร่วมทั้งมีการจัดเวิร์คช็อปการทำหัวโขนให้แก่เยาวชนผู้สนใจอีกด้วย
ส่วนที่ 2 จัดขึ้นที่โถงชั้น G ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยเป็นนิทรรศการที่จัดแสดงภาพถ่ายเกี่ยวกับการแสดงโขนทั้งหมด ซึ่งเป็นภาพถ่ายทั้งในส่วนที่เป็นการแสดงโขนบนเวทีจากการแสดงทั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งภาพถ่ายจากเบื้องหลังเวทีทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นภาพถ่ายที่หาดูได้ยาก เนื่องจากในระหว่างการแสดงแต่ละครั้งนั้นไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วไปได้ทำการถ่ายภาพ จะมีเฉพาะช่างภาพที่ได้รับอนุญาตจากทางผู้จัดเท่านั้นสามารถถ่ายภาพได้ อีกทั้งการถ่ายภาพการแสดงโขนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ช่างภาพทั่วไปจะสามารถถ่ายภาพกันได้ง่าย ๆ เพราะว่าช่างภาพควรจะต้องรู้มารยาทในการชมการแสดง รวมทั้งรู้จักท่ารำหรือท่วงท่าของตัวละครแต่ละตัวด้วยว่าควรจะกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพในจังหวะใด
นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับขั้นตอนการแต่งกายของตัวละครโขน การสาธิตการแต่งตัวละครโขน ที่จะต้องมีการเย็บสอยเครื่องแต่งกายให้ติดแน่นกับตัวละคร รวมทั้งการจัดแสดงเครื่องประดับต่าง ๆ ซึ่งมีคำศัพท์ใช้เรียกเฉพาะ สำหรับผมถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยได้ทราบมาก่อนเลยเช่น คำว่า “พัสตราภรณ์” ที่หมายถึงเครื่องแต่งกายโขน ซึ่งก็คือชุดเสื้อและกระโปรงหรือจุงกระเบนที่ตัวละครสวมใส่นั้นเอง , คำว่า “ถนิมพิมพาภรณ์” ที่หมายถึงเครื่องประดับตกแต่งการแต่งกายโขน ที่แยกออกเป็นเครื่องประดับสำหรับตัวละครพระ ตัวละครนาง ตัวละครยักษ์และตัวละครลิง รวมทั้งคำว่า “ศิราภรณ์” ที่หมายถึงเครื่องประดับศีรษะสำหรับตัวละครพระและตัวละครนาง โดยผู้ที่สนใจในส่วนที่เป็นเครื่องประดับซึ่งเป็นงานศิลปะโบราณของไทยก็สามารถไปชมได้ในงานนี้
และที่พิเศษสุดสำหรับการจัดแสดงงานนิทรรศการฯ ในส่วนที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นที่โถงชั้น G ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ในทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์เวลาประมาณ 17.00 น. จะมีการเปิดการแสดงโขนในฉากสั้น ๆ ซึ่งเป็นการแสดงโขนจากตอนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยจะเป็นการคัดเอาการแสดงที่หาชมได้ยากจากการแสดงโขนทั้ง 6 ตอนที่ผ่านมา เอามาจัดแสดงให้ได้ชมกันอีกครั้ง เช่น การรำกิ่งไม้เงินทอง จากตอนจองถนน , การรำระบำปลา จากตอนศึกมัยราพณ์ , กระบวนแห่นางเบญกาย จากตอนนางลอย ฯลฯ
ถนิมพิมพาภรณ์ที่นำมาจัดแสดง
สาธิตการแต่งกายตัวละครโขน
สำหรับตัวผมแล้วถือว่าการจัดงานนิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย ในครั้งนี้น่าจะเป็นการเติมเต็มความรู้ส่วนที่ขาดหายไปสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับโขนที่เราไม่มีโอกาสจะเข้าถึงได้มาก่อนเลย การแสดงโขนนี้ถือว่าเป็นการแสดงออกของศิลปะขั้นสูงสุดของไทย เพราะว่าในการจัดแสดงโขนนั้นจะมีการรวบรวมงานช่างศิลปะแขนงต่าง ๆ เอาไว้อย่างมากมาย อีกทั้งงานช่างศิลปะสำหรับโขนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การทำหัวโขน , การตัดเย็บเครื่องแต่งกายโขน , การทำเครื่องประดับตกแต่งการแต่งกายโขน , การจัดทำฉากต่าง ๆ ที่ใช้ในการแสดง ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปะทำมืออันทรงคุณค่าที่ถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่าแก่ของไทยทั้งสิ้น และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการแสดงโขนก็คือการแสดงดนตรีไทยประกอบ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์อันงดงามทางด้านเสียงเพลงอันไพเราะเสนาะหู ที่ทั่วโลกให้การยกย่องและยอมรับมาโดยตลอดเช่นกัน
ผมเคยได้ฟังศิลปินแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่ของไทยท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า
“ความงามในโลกนี้มีอยู่ 2 สิ่ง สิ่งแรกคือความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ส่วนอีกสิ่งก็คือความงามที่เรียกว่า งานศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นเอง”
ดังนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า การแสดงโขนนี้ถือว่าเป็นศิลปะการแสดงซึ่งเป็นความงามที่บรรพบุรุษของเราได้สร้างสรรค์ขึ้นมา ถือว่าเป็นศิลปะอันทรงคุณค่าที่พวกเราควรจะต้องอนุรักษ์และสืบสานเอาไว้ เพื่อให้งานศิลปะที่เป็นการแสดงโขนนี้คงอยู่กับประเทศไทยของเราตลอดไป อีกทั้งเป็นการประกาศก้องให้ชาวโลกรู้ว่า คนไทยก็มีศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งยากที่จะมีคนชาติไหนลอกเลียนแบบได้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความเป็นวัฒนธรรมไทยที่น่าภูมิใจสำหรับผู้ที่เป็นคนไทยซึ่งยังใช้ภาษาไทยอยู่เป็นอย่างมาก






ผมอยากให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่หันมาเสพวัฒนธรรมไทยให้มากขึ้น อยากให้เด็ก ๆ เหล่านี้เลิกบริโภควัฒนธรรมต่างชาติได้แล้ว ทุกวันนี้ผมมักจะเห็นเด็กไทยประพฤติตัวไม่เหมาะสม แต่งกายไม่น่าดูชม อีกทั้งยังเต้นแร้งเต้นกาโดยเลียนแบบต่างชาติ แล้วถ่ายเป็นคลิปเอามาโอ้อวดกันในโลกออนไลน์ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าชื่นชมสำหรับผู้ที่เป็นผู้ใหญ่เลย ถ้าทุกวันนี้เด็กและเยาวชนของชาติหันมาสนใจในเอกลักษณ์ความเป็นไทยและยึดติดในวัฒนธรรมไทยมากขึ้นก็คงจะดี เพราะคำว่า “วัฒนธรรม” นั้น แปลว่า สิ่งที่ทำความเจริญงอกงามให้แก่หมู่คณะ ดังนั้นถ้าเด็กและเยาวชนดำรงตนอยู่ในวัฒนธรรมที่ดีแล้วประเทศไทยของเราก็คงจะเจริญขึ้นตามไปด้วย
ท้ายสุดนี้ผมอยากจะเชิญชวนให้ท่านที่สนใจในศิลปะการแสดงโขน รวมทั้งสนใจในเรื่องราวของศิลปะไทยในแขนงต่าง ๆ ผมอยากจะชวนให้ท่านไปชมงานงานนิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 17 สิงหาคม 2557 ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และบริเวณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เพื่อสร้างจิตวิญญาณความเป็นไทยในตัวท่านให้มีมากขึ้น
นิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าชอบดูโขนเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองครับ สาเหตุก็คงเป็นเพราะว่าผมอาจจะเป็นคนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยได้ชมการแสดงโขนมาก่อนเลย ในสมัยก่อนเรื่องการไปดูโขนนั้นเป็นเรื่องของคนแก่รุ่นป้ารุ่นยายเท่านั้น ผมจำได้ว่าในสมัยเด็ก ๆ คุณป้าผมชอบไปดูการแสดงโขนประจำปีซึ่งจัดแสดงที่โรงละครแห่งชาติ สนามหลวง โดยนาน ๆ จะได้ไปดูสักครั้งพอกลับมาก็จะมาเล่าลูกหลานฟังได้อย่างประทับใจเสมอ ตอนเป็นเด็กผมเลยมีความเข้าใจว่าถ้าจะดูโขนต้องไปดูที่โรงละครแห่งชาติ แต่ถ้าจะไปดูลิเกต้องไปดูที่หลังตลาด (สมัยผมเป็นเด็กที่หลังตลาดบางปะกอกจะมีโรงลิเกมาตั้งบ่อยมาก)
ดังนั้นผมจึงมีความเชื่อว่าการแสดงโขนนั้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เท่านั้น เด็ก ๆ อย่างผมจึงได้แต่วิ่งเล่นไล่จับ ดีดลูกหิน เป่ากบ กระโดดเชือก ทอยเส้นเล่นไร้สาระเรื่อยมา จนกระทั่งผมเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มใหญ่จนถึงทุกวันนี้ ผมจึงได้มีโอกาสชมการแสดงโขนพระราชทานที่ทางมูลนิธิส่งเสริมศีลปาชีพ ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่เป็นผู้จัดขึ้น ซึ่งในครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปชมโขนในตอน ศึกมัยราพณ์ ก็ทำให้ผมเริ่มชอบและสนใจการแสดงโขนขึ้นมาในทันที และเมื่อผมได้เข้าไปชมโขนอีกครั้งในตอน ศึกกุมกรรณ จึงทำให้ผมหลงใหลจนประทับใจในศิลปะการแสดงโขนขึ้นมากไปอีก จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อผมเจอหรือพบเห็นอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการแสดงโขน ผมจะรู้สึกว่าสนใจและอยากเข้าไปดูชมอยากเข้าไปติดตามอย่างใกล้ชิดเสมอ
คงเป็นเพราะว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นศิลปะการแสดงโขนอาจจะจำกัดอยู่ในกลุ่มคนที่เรียนมาทางด้านนี้เท่านั้นก็เป็นได้ คนทั่วไปจึงไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าไปชมโขนสักเท่าไหร่ ความนิยมที่จะไปดูโขนก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้เฟื่องฟูจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากนัก อีกทั้งการจัดแสดงโขนในแต่ละครั้งคงมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและเยอะแยะเป็นอย่างมาก ดังนั้นการแสดงโขนซึ่งเป็นการแสดงสดจึงไม่ค่อยจะมีเล่นให้ชมได้บ่อยนัก ผู้คนทั่วไปอย่างเช่นตัวผมเกือบจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำว่าประเทศไทยของเรามีการแสดงโขนที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น ซึ่งถ่ายทอดวัฒนธรรมอันล้ำค่าจากคนรุ่นก่อนตกทอดมาสู่ยุคของพวกเรา
ในปัจจุบันนี้นับว่าเป็นโชคดีของประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมากที่องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงอนุรักษ์การแสดงโขนซึ่งเป็นศิลปะการแสดงขั้นสูงของไทยให้ดำรงอยู่สืบไป จนทำให้พวกเราทั่วไปสามารถมีโอกาสเข้าไปชมการแสดงโขนอันวิจิตรอลังการได้ โดยเรื่องราวความเป็นมาของโขนนั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ผมและตัวท่านอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ กว่าที่จะกลายมาเป็นตัวละครโขน ที่มีตัวพระ ตัวนาง ตัวยักษ์และตัวลิงนั้น มีเบื้องหลังความเป็นมาที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะของไทยหลากหลายแขนงเป็นอย่างมาก ๆ อีกทั้งการแสดงบนเวทีนั้นก็ถือว่าเป็น นาฏศาสตร์ ขั้นสูงสุดอีกด้วย ซึ่งตัวผมเองนั้นเมื่อเริ่มสนใจโขนแล้วก็อยากจะเจาะลึกลงไปในรายละเอียดในมากขึ้นไปอีก ซึ่งเมื่อผมได้รู้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงโขนแล้วผมก็ได้รู้เรื่องราวของศิลปะไทยมากขึ้นตามไปด้วย
ในเวลาอันใกล้นี้ทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้จัดให้มีนิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย (THE EXHIBITION : WISDOM OF THE KINGDOM) ขึ้น ในวันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 17 สิงหาคม 2557 ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และบริเวณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยทุกท่านสามารถเข้าชมได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งรายละเอียดของงานนิทรรศการในครั้งนี้ผมถือว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับงานศิลปะไทยที่น่าสนใจมาก ๆ ผมจึงขอยกเอารายละเอียดของงานนิทรรศการฯ มานำเสนอให้ผู้ที่สนใจได้ทราบดังนี้
งานนิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย ในครั้งนี้จัดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1 จัดขึ้นที่ห้องอีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ของห้างเซ็นทรัลชิดลม โดยจะเป็นการจัดแสดงศิลปะที่เกี่ยวกับหัวโขนทั้งหมด เนื่องจากหัวโขนถือว่าเป็นของสูง ทางคณะผู้จัดงานจึงได้แยกมาจัดแสดงไว้เป็นสัดส่วนที่เฉพาะบนชั้น 3 ของห้างเซ็นทรัลชิดลม นอกจากจะมีหัวโขนของตัวละครซึ่งเป็นอมนุษย์ (ยักษ์,ลิง) จัดแสดงแล้ว ยังมีการสาธิตการทำหัวโขนขนาดเล็ก ร่วมทั้งมีการจัดเวิร์คช็อปการทำหัวโขนให้แก่เยาวชนผู้สนใจอีกด้วย
ส่วนที่ 2 จัดขึ้นที่โถงชั้น G ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยเป็นนิทรรศการที่จัดแสดงภาพถ่ายเกี่ยวกับการแสดงโขนทั้งหมด ซึ่งเป็นภาพถ่ายทั้งในส่วนที่เป็นการแสดงโขนบนเวทีจากการแสดงทั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งภาพถ่ายจากเบื้องหลังเวทีทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นภาพถ่ายที่หาดูได้ยาก เนื่องจากในระหว่างการแสดงแต่ละครั้งนั้นไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วไปได้ทำการถ่ายภาพ จะมีเฉพาะช่างภาพที่ได้รับอนุญาตจากทางผู้จัดเท่านั้นสามารถถ่ายภาพได้ อีกทั้งการถ่ายภาพการแสดงโขนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ช่างภาพทั่วไปจะสามารถถ่ายภาพกันได้ง่าย ๆ เพราะว่าช่างภาพควรจะต้องรู้มารยาทในการชมการแสดง รวมทั้งรู้จักท่ารำหรือท่วงท่าของตัวละครแต่ละตัวด้วยว่าควรจะกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพในจังหวะใด
นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับขั้นตอนการแต่งกายของตัวละครโขน การสาธิตการแต่งตัวละครโขน ที่จะต้องมีการเย็บสอยเครื่องแต่งกายให้ติดแน่นกับตัวละคร รวมทั้งการจัดแสดงเครื่องประดับต่าง ๆ ซึ่งมีคำศัพท์ใช้เรียกเฉพาะ สำหรับผมถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยได้ทราบมาก่อนเลยเช่น คำว่า “พัสตราภรณ์” ที่หมายถึงเครื่องแต่งกายโขน ซึ่งก็คือชุดเสื้อและกระโปรงหรือจุงกระเบนที่ตัวละครสวมใส่นั้นเอง , คำว่า “ถนิมพิมพาภรณ์” ที่หมายถึงเครื่องประดับตกแต่งการแต่งกายโขน ที่แยกออกเป็นเครื่องประดับสำหรับตัวละครพระ ตัวละครนาง ตัวละครยักษ์และตัวละครลิง รวมทั้งคำว่า “ศิราภรณ์” ที่หมายถึงเครื่องประดับศีรษะสำหรับตัวละครพระและตัวละครนาง โดยผู้ที่สนใจในส่วนที่เป็นเครื่องประดับซึ่งเป็นงานศิลปะโบราณของไทยก็สามารถไปชมได้ในงานนี้
และที่พิเศษสุดสำหรับการจัดแสดงงานนิทรรศการฯ ในส่วนที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นที่โถงชั้น G ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ในทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์เวลาประมาณ 17.00 น. จะมีการเปิดการแสดงโขนในฉากสั้น ๆ ซึ่งเป็นการแสดงโขนจากตอนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยจะเป็นการคัดเอาการแสดงที่หาชมได้ยากจากการแสดงโขนทั้ง 6 ตอนที่ผ่านมา เอามาจัดแสดงให้ได้ชมกันอีกครั้ง เช่น การรำกิ่งไม้เงินทอง จากตอนจองถนน , การรำระบำปลา จากตอนศึกมัยราพณ์ , กระบวนแห่นางเบญกาย จากตอนนางลอย ฯลฯ
สำหรับตัวผมแล้วถือว่าการจัดงานนิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย ในครั้งนี้น่าจะเป็นการเติมเต็มความรู้ส่วนที่ขาดหายไปสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับโขนที่เราไม่มีโอกาสจะเข้าถึงได้มาก่อนเลย การแสดงโขนนี้ถือว่าเป็นการแสดงออกของศิลปะขั้นสูงสุดของไทย เพราะว่าในการจัดแสดงโขนนั้นจะมีการรวบรวมงานช่างศิลปะแขนงต่าง ๆ เอาไว้อย่างมากมาย อีกทั้งงานช่างศิลปะสำหรับโขนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การทำหัวโขน , การตัดเย็บเครื่องแต่งกายโขน , การทำเครื่องประดับตกแต่งการแต่งกายโขน , การจัดทำฉากต่าง ๆ ที่ใช้ในการแสดง ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปะทำมืออันทรงคุณค่าที่ถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่าแก่ของไทยทั้งสิ้น และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการแสดงโขนก็คือการแสดงดนตรีไทยประกอบ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์อันงดงามทางด้านเสียงเพลงอันไพเราะเสนาะหู ที่ทั่วโลกให้การยกย่องและยอมรับมาโดยตลอดเช่นกัน
ผมเคยได้ฟังศิลปินแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่ของไทยท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า
“ความงามในโลกนี้มีอยู่ 2 สิ่ง สิ่งแรกคือความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ส่วนอีกสิ่งก็คือความงามที่เรียกว่า งานศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นเอง”
ดังนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า การแสดงโขนนี้ถือว่าเป็นศิลปะการแสดงซึ่งเป็นความงามที่บรรพบุรุษของเราได้สร้างสรรค์ขึ้นมา ถือว่าเป็นศิลปะอันทรงคุณค่าที่พวกเราควรจะต้องอนุรักษ์และสืบสานเอาไว้ เพื่อให้งานศิลปะที่เป็นการแสดงโขนนี้คงอยู่กับประเทศไทยของเราตลอดไป อีกทั้งเป็นการประกาศก้องให้ชาวโลกรู้ว่า คนไทยก็มีศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งยากที่จะมีคนชาติไหนลอกเลียนแบบได้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความเป็นวัฒนธรรมไทยที่น่าภูมิใจสำหรับผู้ที่เป็นคนไทยซึ่งยังใช้ภาษาไทยอยู่เป็นอย่างมาก
ผมอยากให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่หันมาเสพวัฒนธรรมไทยให้มากขึ้น อยากให้เด็ก ๆ เหล่านี้เลิกบริโภควัฒนธรรมต่างชาติได้แล้ว ทุกวันนี้ผมมักจะเห็นเด็กไทยประพฤติตัวไม่เหมาะสม แต่งกายไม่น่าดูชม อีกทั้งยังเต้นแร้งเต้นกาโดยเลียนแบบต่างชาติ แล้วถ่ายเป็นคลิปเอามาโอ้อวดกันในโลกออนไลน์ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าชื่นชมสำหรับผู้ที่เป็นผู้ใหญ่เลย ถ้าทุกวันนี้เด็กและเยาวชนของชาติหันมาสนใจในเอกลักษณ์ความเป็นไทยและยึดติดในวัฒนธรรมไทยมากขึ้นก็คงจะดี เพราะคำว่า “วัฒนธรรม” นั้น แปลว่า สิ่งที่ทำความเจริญงอกงามให้แก่หมู่คณะ ดังนั้นถ้าเด็กและเยาวชนดำรงตนอยู่ในวัฒนธรรมที่ดีแล้วประเทศไทยของเราก็คงจะเจริญขึ้นตามไปด้วย
ท้ายสุดนี้ผมอยากจะเชิญชวนให้ท่านที่สนใจในศิลปะการแสดงโขน รวมทั้งสนใจในเรื่องราวของศิลปะไทยในแขนงต่าง ๆ ผมอยากจะชวนให้ท่านไปชมงานงานนิทรรศการ โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 17 สิงหาคม 2557 ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และบริเวณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เพื่อสร้างจิตวิญญาณความเป็นไทยในตัวท่านให้มีมากขึ้น