ทำอย่างไรดี เมื่อหัวหน้าผู้ชายแต่มีนิสัยเหมือนผู้หญิง

รบกวนสอบถามความคิดเห็นเพื่อนเกี่ยวกับหัวหน้างานที่เป็นผู้ชาย แต่ดันมีนิสัยคล้ายกับผู้หญิงคะ

ดิฉันทำงานอยู่บริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่ง ตำแหน่งเกี่ยวกับการฝึกอบรมผลิตภัณฑ์ ซึ่งต้องเดินทางไปต่างจังหวัดในทุกเดือนเพื่อไปอบรมผลิตภัณฑ์ให้แก่พนักงานขายรวมถึงลูกค้าด้วย

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ดิฉันป่วยต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวเป็นเวลาสองอาทิตย์ ซึ่งในระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลนั้น ในช่วงแรกดิฉันไม่ได้เอาคอมพิวเตอร์ไปด้วย เนื่องจากคิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงได้กลับบ้าน แต่เวลาก้อล่วงเลยมาเป็นเวลาสามวัน ดิฉันเริ่มไม่สบายใจจึงขอให้ทางบ้านเอาคอมพิวเตอร์มาให้ที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะได้เช็คอีเมล์ของทางออฟฟิต (อีเมล์ของทางออฟฟิตไม่สามารถเช็คจากมือถือได้คะ เนื่องจากเป็นนโยบาลของบริษัทแม่เรื่องความปลอดภัยคะ) หลังจากเช็คอีเมล์แล้วดิฉันพบว่าดิฉันถูกตามงานจากทางบริษัทแม่ ซึ่งในอีเมล์นั้นหัวหน้าดิฉันได้อยู่ใน CC ด้วย ดิฉันดูตามงานถึงสามครั้ง โดยทั้งสามครั้งนั้นหัวหน้าฉันได้อยู่ใน CC ทั้งหมด สิ่งที่ฉันพบคือ หัวหน้าไม่มีการตอบอีเมล์แทนดิฉันแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่าดิฉันป่วย ไม่สามารถตอบอีเมล์ได้ หรือแม้กระทั่งงานที่สามารถทำแทนได้ รวมไปจนถึงการโทรศัพท์สอบถามดิฉันเรื่องงานที่ถูกบริษัทแม่ตาม (ในใจตอนนั้นดิฉันคิดว่า นี่เป็นความผิดของดิฉันที่ไม่ยอมเอาคอมพิวเตอร์ติดตัวมาด้วยตั้งแต่แรก) นี่เป็นเหตุการณ์แรกที่หัวหน้าปฏิบัติกับดิฉัน

หลังจากที่กลับมาทำงานในอาทิตย์แรก ดิฉันได้พบว่าหัวหน้าได้ไปรับงานอบรมมา ซึ่งการอบรมครั้งนี้ดิฉันไม่เคยรับรู้ถึงรายละเอียดมาก่อน พอถึงวันนั้นหัวหน้าจึงพูดกับดิฉันแบบนี้
หัวหน้า :        วันนี้มีงานที่..... (ชื่อบริษัทลูกค้า) นะ สิบโมง
ดิฉัน :           ขอไม่ไปได้ไหม เพิ่งเจาะไขกระดูกมา ไม่อยากเดินเยอะ (เนื่องจากดิฉันได้รับการเจาะไขกระดูกก่อนออกจากโรงพยาบาล ซึ่งเรื่องนี้หัวหน้าดิฉันรับทราบอยู่แล้ว และในการไปอบรมนั้น ดิฉันต้องทำสินค้าหลายรุ่น ซึ่งมีน้ำหนักติดตัวไปด้วย ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะไหวกับงานวันนี้จึงขอตัวไม่ไป)
หัวหน้า :        (เงียบพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจ)

หลังจากเหตุการณ์ที่ดิฉันขอตัวไม่ไป ในอาทิตย์ถัดมาได้มีงานอบรมอีกซึ่งครั้งนี้ต้องเดินทางไปที่พัทยา เหตุการณ์เกิดขึ้นเกิดขึ้นก่อนเดินทางสองวัน
หัวหน้า :       จะไปงานที่พัทยาไหม
ดิฉัน :          ไปสิ
หัวหน้า :       อย่าให้เหมือนอาทิตย์ที่แล้วนะ ที่อยู่ๆก็มาบอกว่าไม่ไป ไปไหวใช่ไหม ถ้าไปต้องแบกของนะ
ดิฉัน :          ไหวสิ

เหตุการณ์ครั้งนี้จบลง แต่สิ่งที่อยู่ในใจของดิฉันคือ ทำไมต้องมีประโยคที่ว่า “ถ้าไปต้องแบกของนะ” กับ “อย่าให้เหมือนอาทิตย์ที่แล้วที่อยู่ๆก็ไม่ไป” ดิฉันไม่รู้ว่าหัวหน้าคิดอะไรอยู่จึงพูดประโยคแบบนี้ออกมา

และพอถึงเช้าวันที่ต้องเดินทาง
หัวหน้า :      จัดของ(หมายถึงสินค้าที่ต้องเอาไปโชว์) เสร็จหรือยัง
ดิฉัน :         เสร็จแล้ว
หัวหน้า :      กระเป๋ากี่ใบ
ดิฉัน :         ใบเดียว ยัดลงใบเดียวหมดเลย
หัวหน้า :      ไหวใช่ไหม พี่ไปยกมาแล้ว หนักมากเลยนะ
ดิฉัน :         ไหวสิ ไม่ไหวก็เอารถเข็นไป

จบบทสนทนา คำถามเกิดขึ้นในหัวดิฉันว่า “คำว่าไหวใช่ไหม กำลังจะสื่ออะไรอยู่ ในเมื่อรู้ว่ามันหนัก”

หลังจากเหตุการณ์ที่พัทยาจบลง สองอาทิตย์ถัดมาต้องเดินทางไปอบรมที่เชียงใหม่ ก่อนหน้าเดินทางหนึ่งอาทิตย์ ดิฉันได้เตรียมเอกสารต่างๆสำหรับเดินทาง รวมถึงประสานงานต่างๆกับทางโรงแรมที่เขียงใหม่สำหรับการจัดอบรม และในอาทิตย์นั้น ดิฉันได้ใช้วันลาพักร้อนในวันศุกร์เพื่อไปพบหมอ ซึ่งหัวหน้าได้รับรู้อยู่แล้วเพราะต้องเซ็นต์เพื่ออนุญาตในการลา ก่อนที่จะหยุด ดิฉันได้เคลียร์งานต่างๆไว้ ซึ่งรวมถึงใบเสนอราคาของทางโรงแรมที่เชียงใหม่ และได้นำเอาไปให้หัวหน้าในวันพฤหัสก่อนที่ดิฉันจะหยุด (โรงแรมส่งใบเสนอราคามาให้ในวันนั้น) พอถึงวันจันทร์ อาทิตย์ที่ต้องเดินทาง (เดินทางวันพุธ)

ดิฉัน :        พี่ให้นายเซ็นต์อนุมัติค่าใช้จ่ายยังอ่ะ ถ้ายังไม่ได้ทำเดี๋ยวทำเอง จะได้เบิกงานโอนมัดจำให้โรงแรม
หัวหน้า :     พี่ให้.... (พี่อีกคนในแผนก) ทำแล้ว ถ้าพี่รอนะ คงไม่ได้ไปกันพอดี

คำถามเกิดขึ้นในหัวดิฉันอีกครั้ง เนื่องจากทุกครั้งหัวหน้าจะเป็นคนทำอนุมัติค่าใช้จ่ายให้นายต่างชาติเซ็นต์ โดยที่ดิฉันไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ดิฉันมีหน้าที่ค่าติดต่อประสานงาน รวบรวมเอาค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นไปบอกเท่านั้น ทำไมถึงมีคำว่า “ถ้ารอคงไม่ได้ไป” เพราะทุกครั้งขั้นตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในหน้าที่ดิฉันแล้ว

หลังจากนั้น ดิฉันถูกสั่งยกเลิกงานต่างจังหวัดทั้งหมด โดยหัวหน้าบอกแค่ว่า ดิฉันคงยังไม่พร้อมไปต่างจังหวัดและกลัวว่าจะไปไม่ไหว หลังจากที่ถูกสั่งยกเลิกงานต่างจังหวัด ดิฉันจึงกลายเป็นคนว่างงานในทันที วันๆได้แต่นั่งเช็คข้อมูลต่างๆ จนมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกครั้ง

นายชาวต่างชาติเรียกดิฉันไปพูดคุยเพื่อให้ตรวจสอบสินค้าตัวโชว์ทั้งหมดที่มีอยู่ และแจ้งว่าตัวไหนอยู่ที่ไหนบ้าง หลังจากได้รับมอบหมายงานดิฉันก็ลงมือทำทันที โดยเริ่มจากตัวที่ไม่ได้อยู่ในบริษัทก่อน ดิฉันนั่งดูใบยืมสินค้าลงครบ และกำลังจะไปเช็คสินค้าที่อยู่ในบริษัทซึ่งอยู่ในตู้ ดิฉันกำลังหยิบกุญแจบนโต๊ะหัวหน้า โดยทุกครั้งกุญแจนี้จะอยู่ในกล่องซึ่งดิฉันสามารถหยิบได้ตลอดเวลา แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ กุญแจไม่ได้อยู่ในกล่อง จึงมีบทสนทนาเกิดขึ้น
ดิฉัน :         กุญแจตู้หายไปไหนอ่ะ
หัวหน้า :      จะเอากุญแจไปทำอะไร
ดิฉัน :         นายสั่งให้เช็คเดโม่ทั้งหมด (พร้อมกับคิดว่าจะถามว่าเอากุญแจไปทำไม เพื่ออะไร)
หัวหน้า :      อาทิตย์ก่อนเพิ่งเช็คไปเอง จะเช็คอีกทำไม
ดิฉัน :         ก็นายให้เช็คอ่ะ เนี่ยมีอีเมล์มาบอกด้วย
หัวหน้า :      เดี๋ยวพี่ทำเอง
ดิฉัน :         ทำเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้วเนี่ย
หัวหน้า :      ...... (สีหน้าไม่พอใจ พร้อมกับหยิบกุญแจที่อยู่ในลิ้นชักตัวเองแล้วยื่นให้)

คำถามเกิดขึ้นอีกแล้ว ดิฉันคิดว่า “ทำไมต้องไม่พอใจในเมื่อดิฉันทำตามคำสั่งนายต่างชาติ” “จะเก็บกุญแจไว้กับตัวทำไม ในเมื่อก่อนหน้านี้ไม่เคยเก็บไว้เลย”

หลังจากเหตุการณ์นั้นก็เกิดเรื่องขึ้นมากมายในแบบเดิมๆ ทุกวันนี้ดิฉันนั่งว่างๆ มีแค่งานจากบริษัทแม่เท่านั้น

รบกวนสอบถามเพื่อนๆว่า
1.    ดิฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า โดยที่ดิฉันคิดไม่ถึง
2.    ดิฉันควรจะทำอย่างไรกับหัวหน้าดี ในเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่