พี่ที่ทำงานฝากลงค่ะ เป็นความปลื้มปริ่มของนาง กับประสบการณ์ครั้งนั้น

เมื่อช่วงวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ขับรถไปเที่ยวจังหวัดกระบี่กันสองคนกับแฟน และนัดกับเพื่อนอีกสองคนไว้ที่กระบี่ ตั้งใจว่าจะเจอกันวันที่ 14 แล้ว 15-16 ก็จะออกเรือไปเที่ยวหาดต่างๆด้วยกัน
ออกเดินทางตั้งแต่เช้าวันที่ 12 ไปถึงที่พักตอนประมาณบ่ายสองโมง พักผ่อนเที่ยวเล่นตามปกติ



วันที่สองก็ขับรถไปเที่ยวสระมรกต น้ำพุร้อน ไปวัด

วันที่สามคือวันที่ 14 เพื่อนมา ก็เจอกันตอนเย็น และซื้อทัวร์ไว้ 2 วัน สำหรับวันที่ 15-16 แล้วก็แยกย้ายกัน นัดเจอกันเช้าวันที่ 15 เพื่อจะออกเรือ
จบทริปเรือวันแรก ตอนนั่งรถกลับที่พัก ปรากฎว่ามีฝน แต่ก็ดูตกไม่หนัก (รึว่าตกหนักไปก่อนเราจะมาถึงแล้วก็ไม่แน่ใจ) พอถึงที่พัก รู้สึกงง พนักงานออกมาทำอะไรกันหน้ารีสอร์ทเต็มไปหมด เค้ามองอะไรกัน เราก็ไม่เห็น เห็นแต่ว่ามีต้นไม้ใหญ่ล้มลงมา ก็ยังไม่ได้คิดอะไร ผู้จัดการรีสอร์ทพอหันมาเห็นเรากะแฟน ก็รีบวิ่งมาหา บอกว่าเนี่ย พยายามโทรหาหลายรอบเลยค่ะ จะแจ้งว่าต้นไม้มันหักมาทับรถ แต่โทรไม่ติด สงสัยว่าจะยังอยู่บนเรือเลยไม่มีสัญญาณ พอจบคำพี่เค้า มองไปที่ต้นไม้ … คือภาพที่เห็นมันดูไม่ออกว่ามีรถของเราอยู่ใต้ต้นไม้นั้น … โอ้ววว ร้องไห้แพ้พค่ะ





ตั้งสติแล้วก็แบบ ยังไงดี รถทำประกันแค่ชั้น 3+ คงไม่ครอบคลุมเรื่องต้นไม้ทับแน่ แต่ก็เรียกประกันมา เค้าก็มาให้ แล้วก็บอกว่า ลักษณะนี้ไม่อยู่ในขอบเขตของประกัน ต้องคุยกับเจ้าของรีสอร์ทเท่านั้น!!!

ลืมบอกว่า พี่เจ้าของรีสอร์ทเป็นอิสลามค่ะ

แฟนนั่งคุยกะพี่ผู้ชายเจ้าของรีสอร์ทอยู่เกือบชั่วโมง ตอนที่รอเจ้าหน้าที่ประกันมา พี่เค้าใจดีนะคะ แต่เราไม่ได้พูดเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเค้า พอประกันแจ้งว่าไม่รับผิดชอบเคสนี้ พี่เจ้าของรีสอร์ทเค้าก็รีบให้พนักงานรีบช่วยกันตัดต้นไม้ออก พี่ที่เป็นผู้จัดการรีสอร์ทแจ้งว่า ทางรีสอร์ทจะลองติดต่อกับประกันของรีสอร์ทดู ว่ามีส่วนไหนที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้ได้บ้าง พรุ่งนี้เช้าจะแจ้งเราอีกที

เช้าวันต่อมา พี่เจ้าของแจ้งว่าประกันที่รีสอร์ททำไว้ ไม่ได้รับผิดชอบเรื่องนี้ ยังไงแล้วพี่เค้าจะรับผิดชอบเอง เค้าจะซ่อมรถให้ทั้งหมด … ทีแรกใจคิดว่าอยากลากรถกลับมาซ่อมกรุงเทพ เพราะเราจะได้เข้าศูนย์ หรือถ้าเข้าอู่ก็ยังไปคอยดูได้ แต่ค่าลากรถจากกระบี่มากรุงเทพ 18,000.- สงสารพี่เค้านะ พี่เค้าก็เรียกเจ้าของอู่ที่เค้าใช้บริการประจำมาตีราคา แล้วก็ประมาณการว่าจะเสร็จเมื่อไหร่

เค้าออกค่าตั๋วเครื่องบินให้กลับกรุงเทพด้วย เพราะไม่มีรถขับกลับนี่เนาะ มาถึงกรุงเทพ พอรับกระเป๋ามา ปรากฎว่าแว่นกันแดดของแฟนหายอีก วู้!! อะไรนักหนา ดีแต่ว่างวดนั้นถูกหวยนะ ^^

รอไปเดือนนึง ซ่อมเสร็จเค้าก็โทรแจ้งให้ไปรับรถ เราก็นั่งเครื่องไปรับรถกลับ ว่าจะแวะเที่ยวสุราษฎร์ ปรากฎว่าระหว่างทางฝนมันตก น้ำรั่วเข้ามาทางขอบกระจกด้านขวา ฝั่งคนขับ เลยโทรบอกพี่เจ้าของรีสอร์ท เค้าเลยบอกว่า งั้นกลับกรุงเทพเข้าศูนย์เลยละกัน

ค่าใช้จ่ายเรื่องปัญหาน้ำซึมเข้ากระจกอีกเกือบแปดพัน พอส่งใบเสร็จให้เค้าดู เค้ารีบโอนเงินคืนให้เลย

คือที่มาเล่าให้ฟังเนี่ย อยากบอกว่า ไม่เคยคิดว่าจะเจอเจ้าของรีสอร์ทใจดีแบบนี้ เพราะมันมีเหตุที่เราคิดว่า ถ้าเป็นที่อื่น ก็ไม่แน่ว่าเค้าจะรับผิดชอบขนาดนี้เพราะ …

    ทีแรกเลยเราจองห้องไว้ที่นี้ คืน 12-14 เท่ากับว่าเช้าวันที่ 15 เราต้องออก แต่ใจจริงก็อยากอยู่ต่ออีก 2 คืน คืนวันที่ 14 เลยคุยกับ front ว่าจะ extend ห้อง แต่เค้าบอกว่าห้องเต็ม เราก็เลยต้องออก แต่ก็บอกเค้าว่าจะขอฝากของ กับรถไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวนั่งเรือกลับมาตอนเย็นจะกลับมาเอารถและของที่ฝากไว้ออกไป เค้าก็รับฝาก
    ต้นไม้นั้น อันที่จริงมันอยู่นอกรั้วของรีสอร์ท แต่มันเป็นต้นไม้ที่ไม่มีเจ้าของ ทางรีสอร์ทเห็นว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ สวยดีเลยเก็บไว้ ไม่ได้ตัด


จากข้อ 1 นั่นแปลว่าเราได้ check-out แล้ว เวลาที่เกิดเหตุมันก็หลังจากที่เรา check-out ซึ่งเราก็มานั่งคิดว่าถ้าเป็นที่อื่น เค้าจะอ้างข้อนี้มาเป็นเหตุปฏิเสธความรับผิดได้หรือไม่

จากข้อ 2 เค้าเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของต้นไม้นั้น เค้าต้องรับผิดชอบหรือไม่

แต่สิ่งที่รีสอร์ทนี้รับผิดชอบ มันทำให้เราเกรงใจเค้ามากๆ และเป็นกังวลว่าเราเอาเปรียบทางเค้าไปมั้ยเนี่ย

อยากขอบคุณ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

ที่ๆเราไปพักก็คือ บ้านใสในรีสอร์ท อ่าวนาง กระบี่ ที่พักสะอาด สวยงาม สะดวกสบาย ไม่ได้อยู่หน้าหาดแถวที่คนพลุกพล่าน สระว่ายน้ำไม่ใหญ่แต่สวย โดยรวมประทับใจมาก ถ้าไปกระบี่อีก จะไปพักที่นี่อีกค่ะ

**เรื่องที่ไม่น่าเชื่อ และทำให้เราขนลุก 3 เรื่องก็คือ**

1.   คืนวันที่ 14 ตอนที่รู้ว่า extend ห้องไม่ได้ เราแอบเศร้า คิดในใจว่า “เสียดายจังเลย อยากอยู่ต่อที่นี่ ถ้าพรุ่งนี้มีห้องว่างก็คงดี” … ปรากฎว่าตอนเช้าวันที่ 15 front แจ้งว่ามีห้อง แต่เป็นห้องแพงอ่ะจิ เราก็มองว่าจะไม่ได้อยู่ เพราะต้องออกไปทัวร์ทั้งวัน เลยยังไม่จอง ขอคิดระหว่างทางที่ออกไปเที่ยวหาดทั้งวัน ห้องนี้จริงๆยังไม่ได้เปิดขาย เพราะปิดเก็บสีเล็กๆน้อยๆในห้อง = = =  และกลายเป็นว่าคืนนั้น เราก็ได้นอนที่รีสอร์ทนี้ต่อจริงๆ และเป็นห้องที่รีสอร์ทเสนอให้ตั้งแต่เช้า แต่เรายังไม่ได้ตกลง
  2.  คืนวันที่ 15 ที่พักต่อในห้องพิเศษ แอบบอกตัวเองว่า เออเว้ย อยากพักต่อก็ได้พัก ออกจะเป็นกรณีรุนแรงไปหน่อยนะ … รถโดนทับขนาดนี้ ซื้อหวยหน่อยดีมะ ละปกติก็ไม่ค่อยได้ซื้อหรอก ปีละไม่เกิน 3 ครั้ง ปีนี้ยังไม่ได้ซื้อเลย = = = เช้าวันที่ 16 ถามเพื่อน “เห้ย กูแทง 00 มันจะออกปะวะ” เพื่อนบอก แล้วแต่ดวงว่ะ เราก็เลยเงียบไป จนบ่ายโมง เพื่อนส่งไลน์มาถามอีกที “ตกลงจะแทงปะเนี่ย” เราเลยบอกว่า “เออๆ แทง 23 กะ 32 ละกัน บน-ล่าง” พอสามโมงกว่า รอขึ้นเครื่องกลับ กทม. เพื่อนในกรุ๊ปไลน์บอกว่าถูก 55555 ให้มันได้อย่างนี้สินะ
  3.  ตอนที่รู้ว่าประกันไม่รับผิดชอบ และทางรีสอร์ทยังไม่ได้แจ้งว่าจะรับผิดชอบให้ แอบคิดในใจว่า “ลูกซ่อมเองไม่ไหวนะคะ ใครก็ได้ช่วยลูกหน่อยค่ะ"

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่