งานเข้าเต็มๆ กับนักกีฬาทีมชาติเทกวนโด
กับกรณีที่นักกีฬาโนเนมคนหนึ่ง
เอาเรื่องราวเบื้องหลังการฝีกกับโค้ช
มาระบายในเฟสบุ๊คส่วนตัว
ในทำนองว่า ฝึกหรือทำเกินกว่าเหตุ
และจะเรียกร้องให้รับผิดชอบ
ผมไม่รู้ที่มาที่ไป ใครผิดใครถูก
แต่ผมมีหลักอยู่หลักหนึ่ง
สำนวนไทยบอกว่า…เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
หมายถึงว่า เราเข้าไปที่ไหน กลุ่มไหน ทำอะไรก็ตาม
เราก็ต้องเคารพกฏ กติกา และวิธีการปฏิบัติของเค้า
เพราะมันคือกฏระเบียบของสังคมนั้นๆ
และเราก็มีสิทธิเลือก ที่จะเดินออกมาจากกลุ่มนั้นๆ
ถ้าเรารู้สึกรับไม่ได้ หรือไม่พอใจวิธีปฏิบัติของเค้า
หรือถ้าหวังดีจริง ก็ควรพูดคุยกันเป็นการภายใน
เพื่อให้ปรับปรุงแก้ไข ในสิ่งที่เราไม่พอใจ
พูดกันด้วยเหตุและผล
ถ้าเรายังรักที่จะอยู่ในกลุ่ม หรือสังคมนั้นต่อไป
การกระทำในครั้งนี้ มันบ่งบอกว่า
เด็กคนนี้ขาดการอมรมสั่งสอน
ให้รู้จักเคารพกฏ กติกาของกลุ่ม
และสำคัญขาดสำนึกความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
คิดอย่างเดียวว่า ถ้าฉันไม่พอใจ
ชั้นมีสิทธิที่จะร้องเรียกร้อง
ฟวดงวงฟาดงา แบบไร้เหตุผล
แยกไม่ออกว่าอะไรคือความรู้สึกส่วนตัว
กับอะไรคือ กฏกติกาของสังคมส่วนรวมในกลุ่มนั้นๆ
คนแบบนี้มีเยอะในสังคมไทยสมัยนี้
คนที่ยึดความคิดและผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง
ถ้าถูกใจและได้ผลประโยชน์ ก็จะเงียบ
แต่ถ้าไม่ถูกใจหรือเสียผลประโยชน์
ก็จะออกมาเรียกร้องทันที
โดยไม่สนใจว่าไอ้ที่เงียบหรือออกมาเรียกร้องนั้น
มันถูกหรือผิด ต่อกติกา หรือกฏของคนในสังคมนั้นหรือไม่
คนแบบนี้แหล่ะครับ
ที่โตขึ้นมา และหากมีอำนาจวาสนา
ก็จะมาสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองและสังคมไม่รู้จบ
พวกกู ผลประโยชน์กู จะทำอะไรก็ได้
แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ออกมาอ้างนั้นนี่
เพื่อทำร้ายฝ่ายที่คิดไม่เหมือนกัน
เพื่อเรียกร้องความชอบธรรมผิดๆ ให้กับตนเอง
คนแบบนี้แหล่ะครับ
ที่เบ่งบานสุดๆ ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา
จนต้องมี คสช. ในปัจจุบัน
ไม่ได้เกลียด โกรธ เป็นการส่วนตัว
เพราะไม่เคยรู้จักว่าเด็กคนนี้เป็นใคร
แต่ถ้ามีคนแบบนี้เยอะๆ
บอกตรงๆ ว่าสังคมจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน
เพราะคนพวกนี้ไม่เคยให้เกียรติและเคารพใคร หรือกติกาใดๆ
นอกจากความพอใจของตัวเอง
สังคมไทย...เรากำลังป่วยหนักจริงๆ ครับ
กรณีโค๊ชเช กับอาการป่วยทางจิตของคนในสังคมไทย
กับกรณีที่นักกีฬาโนเนมคนหนึ่ง
เอาเรื่องราวเบื้องหลังการฝีกกับโค้ช
มาระบายในเฟสบุ๊คส่วนตัว
ในทำนองว่า ฝึกหรือทำเกินกว่าเหตุ
และจะเรียกร้องให้รับผิดชอบ
ผมไม่รู้ที่มาที่ไป ใครผิดใครถูก
แต่ผมมีหลักอยู่หลักหนึ่ง
สำนวนไทยบอกว่า…เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
หมายถึงว่า เราเข้าไปที่ไหน กลุ่มไหน ทำอะไรก็ตาม
เราก็ต้องเคารพกฏ กติกา และวิธีการปฏิบัติของเค้า
เพราะมันคือกฏระเบียบของสังคมนั้นๆ
และเราก็มีสิทธิเลือก ที่จะเดินออกมาจากกลุ่มนั้นๆ
ถ้าเรารู้สึกรับไม่ได้ หรือไม่พอใจวิธีปฏิบัติของเค้า
หรือถ้าหวังดีจริง ก็ควรพูดคุยกันเป็นการภายใน
เพื่อให้ปรับปรุงแก้ไข ในสิ่งที่เราไม่พอใจ
พูดกันด้วยเหตุและผล
ถ้าเรายังรักที่จะอยู่ในกลุ่ม หรือสังคมนั้นต่อไป
การกระทำในครั้งนี้ มันบ่งบอกว่า
เด็กคนนี้ขาดการอมรมสั่งสอน
ให้รู้จักเคารพกฏ กติกาของกลุ่ม
และสำคัญขาดสำนึกความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
คิดอย่างเดียวว่า ถ้าฉันไม่พอใจ
ชั้นมีสิทธิที่จะร้องเรียกร้อง
ฟวดงวงฟาดงา แบบไร้เหตุผล
แยกไม่ออกว่าอะไรคือความรู้สึกส่วนตัว
กับอะไรคือ กฏกติกาของสังคมส่วนรวมในกลุ่มนั้นๆ
คนแบบนี้มีเยอะในสังคมไทยสมัยนี้
คนที่ยึดความคิดและผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง
ถ้าถูกใจและได้ผลประโยชน์ ก็จะเงียบ
แต่ถ้าไม่ถูกใจหรือเสียผลประโยชน์
ก็จะออกมาเรียกร้องทันที
โดยไม่สนใจว่าไอ้ที่เงียบหรือออกมาเรียกร้องนั้น
มันถูกหรือผิด ต่อกติกา หรือกฏของคนในสังคมนั้นหรือไม่
คนแบบนี้แหล่ะครับ
ที่โตขึ้นมา และหากมีอำนาจวาสนา
ก็จะมาสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองและสังคมไม่รู้จบ
พวกกู ผลประโยชน์กู จะทำอะไรก็ได้
แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ออกมาอ้างนั้นนี่
เพื่อทำร้ายฝ่ายที่คิดไม่เหมือนกัน
เพื่อเรียกร้องความชอบธรรมผิดๆ ให้กับตนเอง
คนแบบนี้แหล่ะครับ
ที่เบ่งบานสุดๆ ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา
จนต้องมี คสช. ในปัจจุบัน
ไม่ได้เกลียด โกรธ เป็นการส่วนตัว
เพราะไม่เคยรู้จักว่าเด็กคนนี้เป็นใคร
แต่ถ้ามีคนแบบนี้เยอะๆ
บอกตรงๆ ว่าสังคมจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน
เพราะคนพวกนี้ไม่เคยให้เกียรติและเคารพใคร หรือกติกาใดๆ
นอกจากความพอใจของตัวเอง
สังคมไทย...เรากำลังป่วยหนักจริงๆ ครับ