สุดยอดคุณแม่ งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ กับเคล็ดลับดีๆ ในการเลี้ยงลูก

เราปลื้มครอบครัวนี้มาสักพักแล้วค่ะ (ปกติติ่งเกาหลีมากกว่า) รู้สึกว่าทุกคนมีEQกับ IQ ที่ดีมากๆเลย
ต้องนับถือคุณแม่ที่เลี้ยงดูลูกชายสามคนให้ประสบความสำเร็จทั้งการเรียนและการงาน และทุกๆคนก็เสียงชื่นชมกับคนในบ้านตลอด

ยิ่งล่าสุดมีนางฟ้าตัวน้อยของครอบครัวมาเพิ่ม ครอบครัวนี้ก็ยิ่งฮิตไปใหญ่
ล่าสุดครอบครัวฉัตรบริรักษ์ก็ยกครอบครัวกันมาถ่ายโฆษณาหน้าเดือดกันด้วย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ทำให้เราชื่นชมคุณแม่ทิพย์มากๆ ไปเจอเคล็ดลับการเลี้ยงลูกของคุณแม่แล้ว เลยเอามาให้ได้อ่านกันค่ะ


คุณแม่งามทิพย์ แม่คนเก่งแห่งบ้านฉัตรบริรักษ์ของบอย ปกรณ์



วิธีการเลี้ยงลูก
คุณแม่บอย ปกรณ์ : วิธีการเลี้ยงลูกของแม่ คือพยายามเลี้ยงให้ช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด ตามใจบ้างบางครั้ง แต่ปกติก็จะไม่ค่อยตามใจกันเท่าไหร่นัก

ตอนเด็กๆ เลี้ยงไม่ยากเลย เพราะทั้ง 3 คนอายุไล่เลี่ยกันเลยเป็นเพื่อนกันได้ แต่จะยากตอนที่เริ่มเป็นวัยรุ่น เจอความยากจากบอยก่อนเลย บอยเป็นเด็กผู้ชายที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมาก มีเหตุผลเยอะ ช่วงวัยรุ่นปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอ คือ อยากไปหาเพื่อนข้างนอก ช่วงมัธยมต้นมีมาขอบ้างไปนอกบ้าน ถ้าแม่ดูแล้วว่าไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะอนุญาตให้ไป แต่พอมัธยมปลายเริ่มขอไปไกลขึ้น นานขึ้น ขอไปเตะบอล ไปห้างสรรพสินค้า แม่จะไม่ค่อยให้ไป เลยเริ่มเจอปัญหาไม่เข้าใจกัน เพราะใจเรากลัวว่าเขาจะเป็นเด็กวัยรุ่นที่ชอบตะลอนๆ ไป แล้วยังมีน้องอีก 2 คน ถ้า 2 คนนี้ทำตามแล้วแม่จะทำยังไง โชคดีที่ตอนหน่องกับภัทรเป็นวัยรุ่นเท่าบอย เขาไม่ค่อยออกไปข้างนอก ไม่ค่อยมาขอไปหาเพื่อนบ่อยเท่าบอย


อีกหนึ่งวิธีในการเลี้ยงลูก = ข้อตกลง
คุณแม่บอย ปกรณ์ : แม่เคยบอกว่า ถ้าบอยสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม่จะให้อิสระบอย เป็นการสร้างเงื่อนไขข้อตกลงว่าถ้าเขาทำตามที่แม่ต้องการได้ เราจะให้อิสระในระดับหนึ่ง อนุญาตทำในสิ่งที่อยากทำ ซึ่งพอเขาเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม่ก็ปล่อยเขาจริงๆ เช่น ถ้าเขาสอบเสร็จ แล้วมาขอว่าอยากไปเชียงใหม่ อยากไปทะเล แม่ให้ไป แต่ถ้ารายวัน วันเรียนปกติ เวลาบอยมาขอไปนอนบ้านเพื่อน แม่จะไม่ให้ไป มันจะกลายเหมือนคนไม่มีระเบียบ แม่บอกเขาเสมอให้เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆ ถ้าเขาอยู่ในข้อตกลงที่เราทำร่วมกัน น้องอีก 2 คนก็จะทำตาม ตอนนั้นแอบกลัวเหมือนกันว่าถ้าอีก 2 คนเป็นเหมือนบอย เราแย่แน่



คุณแม่ดุไหม???
คุณแม่บอย ปกรณ์ : พูดยากจัง สงสัยในสายตาของลูกๆ เขาคงคิดว่าแม่ดุมั้ง(หัวเราะ) เพราะแม่เป็นคนจริงจังกับชีวิต ถ้ามาคุยกับแม่แบบนี้คงดูไม่ค่อยน่าเชื่อใช่ไหม อย่างใน instagram หรือคุยกันแบบนี้จะไม่มีใครเชื่อว่าแม่จริงจัง อาจเพราะว่าถึงวันนี้ที่ลูกๆ โตแล้ว ผ่านช่วงหัวเลี้ยวต่อกันมาหมดแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราวางมือได้เกิน 50 เปอร์เซ็นแล้ว

ช่วงที่หนักสุด คือ ตอนบอยอยู่ ม.4 ถามว่าเกเรไหม ก็ไม่นะ แต่เป็นคนมีเพื่อนเยอะ เป็นคนเรียนดี โชคดีที่เขาเลือกเพื่อนกลุ่มที่ดี กลุ่มเรียนของเขาจะเฮฮา สนุก เหมือนทุกวันนี้เขาจะใช้ชีวิตแบบรีแลกซ์ เรียนก็เรียนเต็มที่ เล่นก็เล่นเต็มที่เหมือนกัน เขาจะไม่ใช่เด็กเรียนที่มีแต่สังคมการเรียนอย่างเดียว บอยเป็นเด็กที่คิดดี ใฝ่ดี แม่โชคดีตรงนี้ แต่เราก็อดพูด อดบ่น ตามประสาแม่ไม่ได้ บางทีลูกฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง มีท้อเหมือนกัน สอนไปก็ไม่ฟัง ถามเพื่อนที่มีลูกเหมือนกันว่าทำยังไงดี เพื่อนบอกว่า ให้ปล่อยบ้าง จะให้ลูกมาอยู่ในระเบียบตลอดเวลาไม่ได้หรอก คำแนะนำนี้ทำให้เรารู้สึกปล่อยใจได้เยอะจริงๆ ถ้าเราไม่ได้ยินจากเพื่อน เราอาจจะซีเรียสกับลูกมากกว่านี้ เป็นความกดดันทั้งแม่ทั้งลูก

คุณแม่บอย ปกรณ์ : ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของลูกๆ แม่จะพูดเยอะมาก มีหน้าที่พูดได้แค่ไหนแค่นั้น เขาจะตั้งใจฟังสิ่งที่เราพูดบ้างไหมก็แล้วแต่เขา พูด 100 คำ แต่ฟังเข้าหูเขา 10-20 คำ เราพอใจแล้ว ดีกว่าการที่แม่ระอาหรือเหนื่อย แล้วไม่พูดเลย ลูกก็จะไม่รู้เรื่องว่าเราต้องการอะไร ทุกวันนี้สิ่งที่พร่ำสอน พร่ำบอก เตือนเขา ตั้งกฎระเบียบโน่นนี่ พอถึงเวลาจริงๆ ลูกซึบซับโดยที่เขาไม่รู้ตัว ความคิดและมุมมองการใช้ชีวิตของเขาจะคล้ายเราไปด้วย



สิ่งที่สอนลูกเสมอ
คุณแม่บอย ปกรณ์ : แม่ไม่ชอบให้ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัว จะพูดเรื่องนี้บ่อยมากว่าอย่าเอาตัวเองเป็นหลัก ให้มองคนอื่น แคร์คนรอบข้าง ระวังเรื่องคำพูด ไม่ให้ไปกระทบคนอื่นๆ


มีความสุข และทำเต็มที่ กับอาชีพที่เลือก
คุณแม่บอย ปกรณ์ : อยากให้ลูกมีอาชีพที่มั่นคง ทำอาชีพที่เขารักแล้วมีความสุข แต่อาชีพจะดีแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาด้วย แม่บอกเขาว่า “เธออยู่ ณ จุดไหน ให้ทำเต็มที่ ณ จุดนั้น ถ้าเธอเป็นเจ้าของกิจการ เธอต้องบริหารงานดีๆ ทำกำไรดีๆ ให้บริษัทเจริญ ถ้าเธอมีบทบาทเป็นพนักงาน เธอก็พยายามเป็นหัวหน้าพนักงานให้ได้ ถ้าเธอเป็นครู เธอต้องเป็นครูใหญ่ไห้ได้” แม่บอกว่าถ้าอยากทำอาชีพอะไร คุณต้องทำให้เต็มที่ให้สูงเท่าที่จะสูงได้ในตำแหน่งนั้นๆ ตั้งใจให้ได้มากที่สุด พัฒนาให้สมกับที่เราได้มีโอกาสเข้ามาทำ แต่ตอนนี้ทุกคนมองเหมือนกันหมดว่า ลูกทั้ง 3 คนน่าจะเข้าวงการทั้งหมด


เมื่อลูกๆ เข้าวงการบันเทิง
คุณแม่บอย ปกรณ์ : ก่อนหน้านี้แม่ไม่ค่อยรู้จักดารา ไม่ได้ดูทีวี ห่างจากวงการบันเทิงมาก แต่พอบอยเริ่มเข้าวงการ ก็เริ่มห่วง กลัวว่าเขาจะไปเจอคนไม่ดี กลัวโดนหลอก แม่บอกเขาว่าถ้าจะไปให้ชวนเพื่อนไปด้วย แต่บอยโชคดีที่เป็นคนฉลาด มองอะไรได้ไกลเลยวางตัวได้ดี พอมาถึงตอนหน่องแม่ไม่ต้องห่วงแล้ว เพราะมีอะไรเขาจะไปถามเฮียบอยว่าโมลเดลลิ่งนี้โอเคไหม พี่เขาก็จะเตือนกันว่าอันนี้ดีใช้ได้ อันนี้อย่าไป หน่องจะสบายระดับหนึ่ง มาวันนี้รู้สึกว่าการเข้าวงการบันเทิงไม่ได้อันตราย สำหรับแม่ แม่คิดว่าถ้าเขาจะทำตรงนี้ ทุกวันนี้ไม่ได้ห่วงว่าลูกจะไปทำตัวไม่ดี หรือเกเร เพราะว่าเขาช่วยกันดูแล เขาถนัด รู้รายละเอียด ให้คำปรึกษากันได้



น้องสาวคนเล็กของบ้านฉัตรบริรักษ์ “วันใหม่”
คุณแม่บอย ปกรณ์ : ตั้งแต่มี น้องวันใหม่ อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก แต่รู้สึกเต็มตื้น สุขใจ ภูมิใจมาก ตอนที่เลี้ยงลูกชาย 3 คน เราก็มีความรู้สึกแบบนี้ แต่ตอนนั้นมีหลายเรื่องที่ต้องคิด ทั้งเรื่องความมั่นคงของครอบครัว เรื่องของความเป็นอยู่ พอมาวันนี้เราเริ่มวางมือจากลูกๆ ทั้งสามคนได้ เขาโตกันหมดแล้ว เราก็มาโฟกัสที่วันใหม่ได้อย่างเต็มที่

แม่กับน้องวันใหม่จะนอนด้วยกัน แม่อยากสร้างความผูกพันกับเขา วิธีที่เราทำ คือ การป้อนข้าวลูกเอง ก่อนนอนเราจะคุยกัน คุยกันตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่รู้ความนั่นแหละ บอกให้เขาเป็นเด็กดี เป็นลูกแม่นะ ช่วยได้จริงๆ แม่เชื่อว่าการทำอะไรร่วมกันจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกได้ แต่กับลูกชาย 3 คนไม่มีแบบนี้นะ(หัวเราะ) เพราะจะคุยอะไรกับคนโต คนเล็กก็งอแง ซน ดื้อ กลัวจะเล่นกันแรง เดี๋ยวน้องอีกคนตื่น เป็นความวุ่นวายที่มีความสุขค่ะ


พัฒนาการของน้องวันใหม่
คุณแม่บอย ปกรณ์ : ตอนนี้น้องวันใหม่อายุขวบครึ่งแล้วค่ะ น้องวันใหม่มีพัฒนาการที่ดีและเร็วมาก ถ้าเทียบกับพี่ทั้ง 3 คนนะ ถือว่าเร็วเท่ากันหมด ที่สำคัญคือซนเหมือนกัน เมื่อก่อนเคยคิดว่าถ้ามีลูกสาว วิธีการเลี้ยงน่าจะต่างเด็กผู้ชายจะซน ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงเขาคงจะนั่งเฉยๆ เรียบร้อย แต่พอเลี้ยงเด็กผู้หญิงจริงๆ น้องวันใหม่ไม่ใช่แบบนั้นเลย ซนเหมือนกับพี่ทุกอย่าง แต่เราก็ชอบที่เขาซนร่าเริงแบบนี้นะ ไม่ชอบเด็กหญิงที่นุ่นนิ่ม เพราะเด็กที่ซนเขาน่าจะดูแลตัวเองได้


วิธีเลี้ยงน้องวันใหม่คงเหมือนกับพี่ทั้ง 3 คนทุกอย่าง ชีวิตประจำวันของเราเหมือนเดิมเกือบทั้งหมด ตอนที่เขายังเล็กเราก็ต้องดูแลเขาให้ปลอดภัย โตตามวัย และมีพัฒนาการที่ดี น่าจะปรับการเลี้ยงกันอีกทีตอนที่เขาโตขึ้นแล้วไปเจอสังคมนอกบ้าน แม่คงจะต้องเลี้ยงอีกแบบหนึ่ง ตอนที่เลี้ยงบอย เลี้ยงจนบอยอายุ 2 ขวบกว่าถึงเข้าอนุบาล แต่เดี๋ยวนี้เขามีโรงเรียนเสริมทักษะ เตรียมความพร้อม เด็กก่อนวัยเรียน เราก็จะพาเขาไปลองดู แม่คิดว่านี่คงเป็นความสมัยใหม่เดียวที่เรานำมาใช้เลี้ยงลูก


อยากฝากถึงคุณแม่ทุกคน
คุณแม่บอย ปกรณ์ : ถ้าตอนที่เขายังเล็ก แม่เลี้ยงเขาให้ความอบอุ่นแก่เขา ให้ความรัก พอเขาเริ่มโตพอที่จะรู้ความ การสร้างความเข้าใจ เริ่มสำคัญ อยากให้เลี้ยงแบบไม่ต้องตามใจมาก ให้มีลิมิต

ในความรู้สึกของแม่อาจดูโบราณแต่ช่วยให้ลูกเรียนรู้ความสมหวัง ผิดหวังตั้งแต่ยังเด็ก ให้เขาเรียนรู้ว่าคำว่า "ได้" กับ "ไม่ได้" ความรู้สึกมันต่างกันอย่างไร แต่พ่อแม่บางคนทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกร้องไห้ เมื่อลูกอยากได้เขาจะให้ แม่ถึงอยากให้อดทน บางครั้งอาจมีตีบ้าง แต่ไม่ได้ตีแบบทางการ เป็นการตีแบบเตือนให้รู้สึกตัวว่าไม่ดีนะ บางครั้งก็มีบ้างที่ตีก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน ไม่เคยมาคุยก่อนแล้วตี เพราะคุยกันก่อนจะรู้เรื่องแล้ว เราเลยต้องตีก่อน แล้วเราจะบอกว่าทำไมถึงโดนตี เพราะถ้าไม่ตีเขาจะไม่หยุด แม่ไม่รู้ว่าวิธีของแม่ย้อนศรไปหรือเปล่า เราก็ยังใช้วิถีธรรมดาอยู่ค่ะ

ฝากถึงลูกๆ ทุกคน
คุณแม่บอย ปกรณ์ : อยากให้ลูกๆ ทำดีกับพ่อแม่ให้มากๆ จากตัวอย่างที่เราเคยเห็น คนที่เขาทำดีกับพ่อแม่ รักแม่ เข้าใจแม่ ชีวิตเขาเจริญ ไม่ต้องดูแลกันทุกเรื่อง ทุกมื้อ เพียงแค่ว่าห่วงใยแม่จากใจจริง มีจิตใจที่ดีกับแม่ ความเจริญจะเกิดขึ้นกับลูกอย่างแน่นอน


นิยามคำว่า “แม่”
คุณแม่บอย ปกรณ์ : แม่ เป็นคำสั้นๆ ที่อธิบายได้ยาก แม่ คือ ผู้ให้ที่ให้ลูกได้ทุกอย่างจริงๆ ให้ชีวิต ให้การศึกษา ให้ความรัก ดูแล และความอบอุ่น ไม่มีคำพูดไหน ที่จะแทนความรู้สึกของความเป็นแม่ที่รู้สึกได้ เพราะความรู้สึกของการได้เป็น แม่ เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ


Cr.momypedia



อ่านบทความนี้จบ บอกเลยว่าคุณแม่ทิพย์สุดยอด!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่