คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
‘BKD’รับงานโปรเจ็กต์ยักษ์ กำไรโตเท่าตัว-ลุ้นต้าน3.20บ. ทันหุ้น – บอสสาว BKD ยิ้มแฉ่ง พันธมิตรป้อนงานโรงแรมโปรเจ็กต์ยักษ์ในเกาะแถบประเทศรัฐเซีย มูลค่ามากกว่า 400 ล้านบาท พร้อมเผยงานกัมพูชา กาต้า และซาอุดิอารเบียจ่อเรียงคิวรับงานเข้ามือเร็วๆ นี้ ขณะที่งานในประเทศไม่น้อยหน้า เตรียมเซ็นสัญญามือระวิงมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ฟากเซียนกูรูชี้กราฟหุ้นสวย ลุ้นราคเด้งชนต้าน 3.20 บาท
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับ 1 ของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมรับงานใหม่ โดยทาง บริษัท ลีโอ อินเตอร์เนชั่นแนล ดีไซน์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท ที่เป็นบริษัทออกแบบของคนไทยที่สร้างชื่อในตะวันออกกลาง (Middle East) ได้เตรียมมอบงานให้กับบริษัท โดยเป็นงานที่เกาะแห่งหนึ่งในแถบประเทศรัฐเซีย ซึ่งเป็นงานดีไซน์และบิวส์อินโรงแรมสยามแคมปินสกี้ ที่มีมากกว่า 200 ห้อง คิดเป็นโปรเจ็กต์นี้มีมูลค่ามากกว่า 400 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่า น่าจะได้เห็นข้อสรุปในเดือนสิงหาคมนี้“ตอนนี้เรารอทางบริษัทลีโอฯ สรุปดีลงานให้เรา ซึ่งเป็นงานดีไซน์ และงานบิวส์อินโรงแรมในเกาะแห่งหนึ่งที่แยกออกมาจากรัฐเซีย โดยเราจะรับงานในส่วนของบิวส์อินทั้งหมด ซึ่งโรงแรมนี้มีมากกว่า 200 ห้อง คิดเป็นเฉลี่ยเฉพาะค่าตกแต่งห้องละประมาณ 2 ล้านบาท ก็น่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ”นางสาวนุชนารถกล่าวจ่อรับงานต่างแดนอื้อ
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการรับงานในประเทศกัมพูชา โดยรอเเบบงานตกเเต่งเฟอร์นิเจอร์ ให้เเก่ บ้านเดี่ยวเเละคอนโดมิเนียมของบริษัทในประเทศกัมพูชา มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นน่าจะไปทำในส่วนของออฟฟิตขายบ้านก่อนเป็นลำดับแรกพร้อมกันนี้ยังคงรอความคืบหน้าของการเซ็นสัญญารับงานตกแต่งภายในโรงแรมที่อยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท รวมไปถึงงานที่การ์ต้าด้วยเช่นกัน ทั้งนี้คาดว่างานในส่วนงานของต่างประเทศน่าจะได้สามารถได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/2557 นี้ขณะที่ในส่วนงานภายในประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างรอทยอยเซ็นสัญญารับงานที่ได้เข้าประมูลไปก่อนหน้านี้ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าทางภาครัฐจะประกาศงานมูลค่า 1.5 พันล้านบาทภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และส่วนที่เหลือเป็นงานของภาคเอกชนอีก 500 ล้านบาท คาดว่าน่าจะได้เห็นการเซ็นสัญญากับในเดือนสิงหาคมนี้ดังนั้น ในกรณีที่บริษัทได้รับงานจำนวนดังกล่าวเข้ามา จะส่งผลให้งานในมือ (Backlog) ปีนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท แล้วส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป เนื่องจากการดำเนินงานต้องใช้ระยะเวลา กว่าจะส่งมอบงานและรับรู้เป็นรายได้ กำไรปีนี้โตเท่าตัว ทั้งนี้ บริษัทจึงมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 601.28ล้านบาท หรือประมาณ 1-1.5 พันล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ในมือ ส่วนกำไรสุทธิจะโตกว่าเท่าตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.79 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 1/2557 เพียงไตรมาสเดียว บริษัทก็สามารถทำกำไรสุทธิได้เติบโตเกือบเท่ากำไรสุทธิทั้งปี2556 แล้ว โดยไตรมาส 1/2557 บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 11.12 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมกรรมการบริษัทอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1 (BKD-W1) จำนวนไม่เกิน 350 ล้านหน่วยให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับ BKD-W1 ในวันที่ 19 ส.ค. 57 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 20 ส.ค.57พร้อมทั้งอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 87,500,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 175,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิ BKD-W1 โดยกำหนดจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 ในวันที่ 8 ส.ค. 57 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 ในวันที่ 25 ก.ค. 57 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 28 ก.ค.57ออกวอร์แรนต์ทั้งนี้ การออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีแผนการลงทุนในอนาคต จึงจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนและเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งจะทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทดีขึ้น ในการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์และจัดสรรหถุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทจะได้รับเงินจำนวน 612.50 ล้านบาท หากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ทุกรายใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญครบถ้วนอย่างไรก็ตาม หากกรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่ใช้สิทธิ หรือใช้สิทธิไม่ครบทั้งหมด แต่บริษัทก็ยังมีสถาบันการเงินที่ยังค่อยสนับสนุนธุรกิจของบริษัท เมื่อบริษัทต้องการใช้เงินลงทุน ประกอบกับขณะนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนในส่วนของหุ้น IPO ก่อนหน้านี้ของบริษัทก็ยังมีอยู่มากราว 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังไม่ได้นำเงินในส่วนนี้ไปใช้ จึงสามารถนำออกมาใช้ได้เมื่อต้องการลงทุนขยายธุรกิจ
ด้านกลยุทธ์การลงทุน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ตรวจสอบสัญญาณเทคนิคหุ้น BKD พบว่า ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3.20 บาท จึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 2.90 บาท
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับ 1 ของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมรับงานใหม่ โดยทาง บริษัท ลีโอ อินเตอร์เนชั่นแนล ดีไซน์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท ที่เป็นบริษัทออกแบบของคนไทยที่สร้างชื่อในตะวันออกกลาง (Middle East) ได้เตรียมมอบงานให้กับบริษัท โดยเป็นงานที่เกาะแห่งหนึ่งในแถบประเทศรัฐเซีย ซึ่งเป็นงานดีไซน์และบิวส์อินโรงแรมสยามแคมปินสกี้ ที่มีมากกว่า 200 ห้อง คิดเป็นโปรเจ็กต์นี้มีมูลค่ามากกว่า 400 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่า น่าจะได้เห็นข้อสรุปในเดือนสิงหาคมนี้“ตอนนี้เรารอทางบริษัทลีโอฯ สรุปดีลงานให้เรา ซึ่งเป็นงานดีไซน์ และงานบิวส์อินโรงแรมในเกาะแห่งหนึ่งที่แยกออกมาจากรัฐเซีย โดยเราจะรับงานในส่วนของบิวส์อินทั้งหมด ซึ่งโรงแรมนี้มีมากกว่า 200 ห้อง คิดเป็นเฉลี่ยเฉพาะค่าตกแต่งห้องละประมาณ 2 ล้านบาท ก็น่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ”นางสาวนุชนารถกล่าวจ่อรับงานต่างแดนอื้อ
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการรับงานในประเทศกัมพูชา โดยรอเเบบงานตกเเต่งเฟอร์นิเจอร์ ให้เเก่ บ้านเดี่ยวเเละคอนโดมิเนียมของบริษัทในประเทศกัมพูชา มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นน่าจะไปทำในส่วนของออฟฟิตขายบ้านก่อนเป็นลำดับแรกพร้อมกันนี้ยังคงรอความคืบหน้าของการเซ็นสัญญารับงานตกแต่งภายในโรงแรมที่อยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท รวมไปถึงงานที่การ์ต้าด้วยเช่นกัน ทั้งนี้คาดว่างานในส่วนงานของต่างประเทศน่าจะได้สามารถได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/2557 นี้ขณะที่ในส่วนงานภายในประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างรอทยอยเซ็นสัญญารับงานที่ได้เข้าประมูลไปก่อนหน้านี้ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าทางภาครัฐจะประกาศงานมูลค่า 1.5 พันล้านบาทภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และส่วนที่เหลือเป็นงานของภาคเอกชนอีก 500 ล้านบาท คาดว่าน่าจะได้เห็นการเซ็นสัญญากับในเดือนสิงหาคมนี้ดังนั้น ในกรณีที่บริษัทได้รับงานจำนวนดังกล่าวเข้ามา จะส่งผลให้งานในมือ (Backlog) ปีนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท แล้วส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป เนื่องจากการดำเนินงานต้องใช้ระยะเวลา กว่าจะส่งมอบงานและรับรู้เป็นรายได้ กำไรปีนี้โตเท่าตัว ทั้งนี้ บริษัทจึงมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 601.28ล้านบาท หรือประมาณ 1-1.5 พันล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ในมือ ส่วนกำไรสุทธิจะโตกว่าเท่าตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.79 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 1/2557 เพียงไตรมาสเดียว บริษัทก็สามารถทำกำไรสุทธิได้เติบโตเกือบเท่ากำไรสุทธิทั้งปี2556 แล้ว โดยไตรมาส 1/2557 บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 11.12 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมกรรมการบริษัทอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1 (BKD-W1) จำนวนไม่เกิน 350 ล้านหน่วยให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับ BKD-W1 ในวันที่ 19 ส.ค. 57 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 20 ส.ค.57พร้อมทั้งอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 87,500,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 175,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิ BKD-W1 โดยกำหนดจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 ในวันที่ 8 ส.ค. 57 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 ในวันที่ 25 ก.ค. 57 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 28 ก.ค.57ออกวอร์แรนต์ทั้งนี้ การออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีแผนการลงทุนในอนาคต จึงจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนและเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งจะทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทดีขึ้น ในการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์และจัดสรรหถุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทจะได้รับเงินจำนวน 612.50 ล้านบาท หากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ทุกรายใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญครบถ้วนอย่างไรก็ตาม หากกรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่ใช้สิทธิ หรือใช้สิทธิไม่ครบทั้งหมด แต่บริษัทก็ยังมีสถาบันการเงินที่ยังค่อยสนับสนุนธุรกิจของบริษัท เมื่อบริษัทต้องการใช้เงินลงทุน ประกอบกับขณะนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนในส่วนของหุ้น IPO ก่อนหน้านี้ของบริษัทก็ยังมีอยู่มากราว 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังไม่ได้นำเงินในส่วนนี้ไปใช้ จึงสามารถนำออกมาใช้ได้เมื่อต้องการลงทุนขยายธุรกิจ
ด้านกลยุทธ์การลงทุน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ตรวจสอบสัญญาณเทคนิคหุ้น BKD พบว่า ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3.20 บาท จึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 2.90 บาท
แสดงความคิดเห็น
BKD แจก Free Warrant 2หุ้นเดิม/1warrant => XW : 15/ส.ค. น่าสนมั้ยค่ะ
จากหัวข้อที่ถาม มีความเห็นต่อหุ้นตัวนี้ยังไงบ้างค่ะ ช่วยเเชร์กันหน่อยนะค่ะ
และราคาปัจจุบัน 3.04 บาท เหมาะสมหรือไม่ค่ะ ( ณ.ตอนนี้ติด Cash Balance)
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ