ช่วงเย็นวันนี้ เวลาประมาณ 19.00 น. เราได้แวะไปกินพิซซ่าสาขานึงในห้างสรรพสินค้าย่านชานเมือง โดยสั่งชุดโปรโมชั่นของทางร้าน ครบตามกำหนดเวลาพนักงานก็ทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟตามปรกติเรากับเพื่อนก็เริ่มลงมือกิน ด้วยความที่เป็นคนชอบกินชีสมากก็จัดการโรยชีสใส่ในทุกคำของอาหาร แรกๆก็รู้สึกเอะใจนิดนึงว่ารสชาติและกลิ่นชีสมันออกจะแปร่งๆแต่ก็ไม่คิดอะไร แต่พอยิ่งกินก็ยิ่งเพลินเริ่มเผลอเทชีสหนักมือขึ้นคราวนี้เลยเริ่มรู้สึกได้เลยว่ารสชาติชีสมันแปลกไปแถมมีกลิ่นอับๆตุๆฉุนขึ้นจมูก เราก็ชักรู้สึกเอะใจขึ้นมาแล้วว่ามันเริ่มไม่ปรกติ กลิ่นแบบนี้มันคล้ายกับกลิ่นขนมปังขึ้นราเลย เราเลยยกขวดชีสที่กินไปแล้วขึ้นมาดู แล้วก็ต้องสยองสุดขีดเมื่อพบว่าชีสในขวดเต็มไปด้วยเชื้อราสีเขียวๆเกาะอยู่เต็มไปหมดเลย ณ เวลานั้นทำอะไรไม่ถูกและก็ไม่มั่นใจว่าจะทำยังไงต่อ เลยแจ้งพนักงานในร้านให้ช่วยเอาไปเช็คว่ามีเชื้อราในขวดชีสจริงหรือเปล่า พนักงานเค้าก็เอาขวดชีสไปเช็ค เราแอบมองดูเป็นระยะเห็นพนักงานเค้าปรึกษากันแล้วเอาขวดชีสขวดนั้นไปเททิ้งใส่ถังขยะแล้วก็เอาขวดอื่นๆที่อยู่ในลิ้นชักออกมาเททิ้งด้วย จากนั้นพนักงานก็เดินมาขอโทษที่โต๊ะพร้อมทั้งเปลี่ยนชีสขวดใหม่มาให้ เราเลยถามว่าแล้วชีสที่ลูกค้ากินเข้าไปแล้วเนี่ยจะทำยังไงอ่ะ ลูกค้าเสียความรู้สึกนะที่เจอแบบนี้ พนักงานแจ้งว่าทางร้านจะมีส่วนลดให้ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมากคิดว่าเออก็ยังดีอย่างน้อยเราก็คงไม่ซวยมากนักยังไงร้านก็ยังมีความรับผิดชอบอยู่ เราก็กินพิซซ่าและสปาเก็ตตีในส่วนที่ยังไม่ได้โรยชีสที่เหลือต่อไปจนหมดและเรียกพนักงานมาคิดเงิน พอพนักงานมาคิดเงินปรากฏว่ายอดไม่มีส่วนลดอะไรเลยเป็นราคาเต็มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเลยทักท้วงไปว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในร้านทางร้านจะรับผิดชอบยังไง พนักงานก็เสนอส่วนลด 10% มาให้ บอกตามตรงว่าอารมณ์นั้นเราเซ็งมากนะ เพราะจริงๆแล้วบริการชดเชยที่แย่ที่สุดที่เราควรจะได้รับคือไม่ควรต้องเสียเงินค่าอาหารมื้อนี้ด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อทางร้านเสนอลด 10% มาให้เราก็ถือว่าเป็นการวัดใจกันแล้วว่าทางร้านมีทัศนคติในการให้บริการลูกค้าและมีความห่วงใยในสุขอนามัยของลูกค้าขนาดไหน เราคิดได้ในทันทีว่าจะไม่กลับมาใช้บริการของที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง เราตัดสินใจชำระเงินค่าอาหารในราคาที่พนักงานแจ้งส่วนลดมาให้ แต่พอพนักงานเอาเงินทอนมาให้ในสลิปก็ยังติดเงินเต็มจำนวนเหมือนเดิม จนเราต้องทักท้วงอีกเป็นครั้งที่ 2 บอกตรงๆว่าตอนนั้นอายมากกกกกก คือเงินมันไม่กี่บาทก็จริงแต่พูดเลยว่าเราเสียความรู้สึกกับคุณภาพความสะอาดของร้านอยู่แล้ว ยังต้องมาเสียความรู้สึกซ้ำซากกับความไม่อยู่กับร่องกับรอยของพนักงานอีกเนี่ยมันสุดจะทนมาก คือเราเป็นผู้เสียหายที่ต้องเรียกร้องสิทธิ์เองทุกอย่างเลยหรือยังไงในเมื่อเราเปิดโอกาสให้คุณรับผิดชอบแล้วแต่คุณก็ปฏิเสธที่จะรับมันถึง 2 ครั้ง กระทู้นี้จึงเป็นสิ่งที่คุณควรได้มองย้อนกลับไปในจิตวิญญานและปรัชญาในการให้บริการของคุณอีกครั้งว่ามีความจริงใจกับผู้บริโภคมากแค่ไหน เรากลับมาคิดทบทวนดูแล้วหลายชั่วโมงหลังจากทานอาหารจากร้านของคุณว่าเราควรทำยังไงกับประสบการณ์ครั้งนี้ เราพบว่าเราเป็นลูกค้าที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในการใช้บริการของคุณเลย เราคิดว่าทุกคนควรได้รับรู้ไว้เป็นอุทาหรณ์ ในกรณีที่เราทานชีสที่มีเชื้อราของคุณแล้วเราไม่เป็นอะไรก็ถือได้ว่าสุขภาพร่างกายเราแข็งแรงสมบูรณ์สามารถกำจัดเชื้อรานั้นได้หมดด้วยระบบภูมิคุ้มกันที่ดีเยี่ยมยอดของเรา แต่ถ้าในกรณีที่เราท้องเสียหรือมีอาการข้างเคียงอื่นๆจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะจากร้านของคุณ ไม่ทราบว่าในกรณีนี้ใครจะรับผิดชอบ เราอาจจะมองโลกในแง่ดีเกินไปในตอนแรกว่า แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอกมั้งถือว่าดวงซวยและยอมให้คุณเอาเปรียบเรา แต่ตอนนี้พอได้คิดทบทวนดูอะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในตอนนั้นแล้ว เราก็คิดได้ว่าที่ผ่านมาเราใจดีเกินไปกับเรื่องนี้
ปล. ถ้าเรามีอาการล้มหมอนนอนเสื่อหรือไม่สบายจากการรับประทานอาหารจากที่ร้านไม่ทราบว่าเราสามารถที่จะร้องเรียนได้ไหมและร้องเรียนได้ที่ไหน เราไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ใดๆเลยเพราะไม่ได้บันทึกภาพใดๆไว้เพราะไม่คิดที่จะร้องเรียนตั้งแต่ต้นแบบนี้ข้อเท็จจริงที่เป็นคำพูดจะมีความเชื่อถือมากน้อยเพียงไร?
ไปกินพิซซ่าในร้านชื่อดังสาขาหนึ่งแล้วเผลอกินเชื้อราที่อยู่ในชีสเข้าไป ไม่ทราบจะเป็นอันตรายหรือเปล่า?
ปล. ถ้าเรามีอาการล้มหมอนนอนเสื่อหรือไม่สบายจากการรับประทานอาหารจากที่ร้านไม่ทราบว่าเราสามารถที่จะร้องเรียนได้ไหมและร้องเรียนได้ที่ไหน เราไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ใดๆเลยเพราะไม่ได้บันทึกภาพใดๆไว้เพราะไม่คิดที่จะร้องเรียนตั้งแต่ต้นแบบนี้ข้อเท็จจริงที่เป็นคำพูดจะมีความเชื่อถือมากน้อยเพียงไร?