เรื่องที่ผมจะเขียนต่อจากนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวผม ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆ ชาวพันทิปได้อ่านไว้เพื่อเตือนสติว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนจริงๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้เราไม่ประมาทแต่อุบัติเหตุมันไม่เคยล้อเล่น มันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ครับ
เรื่องมันเกิดขึ้นกับพี่ชายของผม เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ผมเป็นลูกคนเดียวครับ กับพี่ชายคนนี้เราอายุห่างกัน 10 ปี ผมแทบจะนับเค้าเป็นเป็นพี่ชายแท้ๆ เลยด้วยซ้ำ พี่เค้าเป็นพี่ชายที่ใจดีมาก โดยเฉพาะกับผม ตอนเด็กๆ ผมไม่มีเพื่อนในวัยใกล้เคียงกัน ก็มีพี่และเพื่อนๆ ของเค้านี่แหละที่ชวนผมเล่น ผมจำได้ว่าพี่เค้านี่แหละ ที่ทำให้ผมรู้จักกับ Game boy (รู้เลยว่าอายุเท่าไหร่?) รู้ว่าการมีสังคม การมีเพื่อนเล่นด้วยเป็นยังไง เพราะถ้าให้มองพี่ผมเค้าเป็นคนประเภท คนชอบสังสรรค์ เพื่อนฝูงเยอะ เข้าสังคมเก่ง พูดจาดี มีสัมมาคารวะ ทำงานเก่ง พี่ผมทำธุรกิจส่วนตัว มีภรรยาและลูกชาย อายุ 3 ขวบ กำลังน่ารักเชียว เป็นครอบครับที่อบอุ่นครับ ผมยังอิจฉาในการดำเนินชีวิตของพี่เค้าเลย
แต่ทุกอย่างมันพังทลายลงเพียงไม่กี่วินาที ไม่กี่วินาทีจริงๆ ครับ คืนนั้นเราไปสังสรรค์กัน พี่ผมชวนว่ามาเจอกันหน่อย นานๆ เจอกันที ผมก็ตอบตกลง พอไปถึงที่ร้านพี่เค้าก็อยู่กับเพื่อนสนิทซึ่งบางคนเราก็รู้จักอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กๆ วันนั้นกินดื่มกันสนุกสนานมากครับ ยิ่งพอเวลาพูดถึงวันเก่าๆ ที่ผ่านมาก็หัวเราะกัน จนเวลาล่วงเลยมาเกือบๆ ตี 3 ผมและพวกพี่ๆ ก็เตรียมตัวจะกลับ พวกเราไม่มีใครเอารถมาครับ เพราะรู้อยู่แล้วว่าคืนนี้เมาแน่ๆ และไม่อยากเจอด่านมันไม่คุ้ม ก็ตัดสินใจเดินออกมาเรียกแท็กซี่หน้าร้าน แต่คนเรียกค่อนข้างเยอะครับ พวกเราก็ไม่ได้อะไรก็เดินกอดคอคุยกันไปเรื่อยๆ พอถึงจุดที่คิดว่าน่าจะพอหาแท็กซี่ได้แล้ว ต่างคนต่างก็เริ่มจะร่ำลากัน พี่ชายผมด้วยความที่เค้าเป็นคนที่คอยดูแลคนอื่นเสมอ โดยปกติเค้าจะเรียกรถให้ตัวเองเป็นคนสุดท้าย และคืนนั้นก็เหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่ทันได้ส่งใครขึ้นรถ .... ??!!
ในขณะพี่ชายผมยืนเรียกรถแท็กซี่อยู่ ดันมีรถแท็กซี่มาจากไหนไม่รู้ แซงซ้ายมาแบบทุกคนในที่นั่นร้องเสียงหลงว่า เฮ้ย โผล่มาไงวะ!! เพื่อนพี่ผมบางคนก็ถึงกับกระโดดไปข้างหลัง แต่พี่ชายผมไม่ทันระวัง แท็กซี่ชนร่างพี่ชายผมและลากพี่ชายผมไปกับรถประมาณ 20 เมตร (เสียงกรี๊ดร้องปนเสียงกระดูกที่โดนบดไปกับพื้นถนนในคืนนั้นมันยังเป็นภาพที่ติดตาและยังคงก้องอยู่ในหูผม) ในตอนนั้นผมนิ่งไปเลย เหมือนคนโดนอะไรสะกด ทำอะไรไม่ถูก กลัวจนน้ำตาไหล พอได้สติผมกับพวกเพื่อนพี่ก็รีบวิ่งไปดู ตอนแรกเหมือนแท็กซี่มีท่าทีเหมือนจะหนี แต่โชคดีที่ในรถแท็กซี่คันนั้นมีผู้โดยสารอยู่ด้วย คนในรถบอกว่าตัวเค้าจะไปเป็นพยานให้จอดและลงไปดู ผมเลยรีบโทรหา ลุงกับป้า และครอบครัวพี่เค้า ซึ่งยอมรับเลยว่าทำใจยากมากไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่มันก็ต้องพูด ผมบอกพวกเขาไปว่า พี่เค้าโดนอุบัติเหตุรถชนให้รีบมา ตอนนั้นผมยังไม่กล้าบอกว่าพวกเขาว่าพี่เค้าได้จากพวกเราไปแล้ว มันทำใจลำบาก บอกได้แค่ว่าเหตุเกิดที่ไหน ให้รีบมา รอตำรวจอยู่ แค่นั้น ไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้กลัวลุงกับป้าช็อก เพราะลุงกับป้าก็อายุมากแล้วด้วย กลัวว่าจะไปกันใหญ่ ส่วนทางตำรวจและมูลนิธิมาถึงที่เกิดเหตุก็ทำตามหน้าที่กันไป รอจนญาติผู้ตายและคู่กรณีมาเคลียร์กัน ทางผู้โดยสารที่อยู่บนรถมาเป็นพยานได้เล่าว่าก่อนเกิดเหตุคนขับรถแท็กซี่ได้ก้มลงหยิบโทรศัพท์ที่ตอนแรกวางอยู่บนเบาะคนขับ แต่ดันหล่นไปลงกับพื้น และทางตนก็ได้ร้องไปแล้วว่าให้ระวังข้างหน้า แต่ก็ไม่ทันแล้ว สรุปว่าพี่ชายผมอยู่ในสภาพขณะมึนเมาและคู่กรณีก็ขับรถโดยประมาท ซึ่งทางญาติผมก็ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายหรือเอาผิดอะไร เพราะฝ่ายเราเองก็มีส่วนผิด เพียงแค่บอกว่าอย่าขับรถโดยประมาทแบบนี้อีก ทางตำรวจก็ได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้
เดี๋ยวช่วงค่ำๆ ผมกลับมาเล่าให้ฟังต่อนะครับว่า ครอบครัวที่เสียเสาหลักไปต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง และจะตอบคำถามยังไงกับลูกชายวัย 3 ขวบ
ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ เมื่อเสาหลักของบ้านจากไปเพราะ....
เรื่องมันเกิดขึ้นกับพี่ชายของผม เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ผมเป็นลูกคนเดียวครับ กับพี่ชายคนนี้เราอายุห่างกัน 10 ปี ผมแทบจะนับเค้าเป็นเป็นพี่ชายแท้ๆ เลยด้วยซ้ำ พี่เค้าเป็นพี่ชายที่ใจดีมาก โดยเฉพาะกับผม ตอนเด็กๆ ผมไม่มีเพื่อนในวัยใกล้เคียงกัน ก็มีพี่และเพื่อนๆ ของเค้านี่แหละที่ชวนผมเล่น ผมจำได้ว่าพี่เค้านี่แหละ ที่ทำให้ผมรู้จักกับ Game boy (รู้เลยว่าอายุเท่าไหร่?) รู้ว่าการมีสังคม การมีเพื่อนเล่นด้วยเป็นยังไง เพราะถ้าให้มองพี่ผมเค้าเป็นคนประเภท คนชอบสังสรรค์ เพื่อนฝูงเยอะ เข้าสังคมเก่ง พูดจาดี มีสัมมาคารวะ ทำงานเก่ง พี่ผมทำธุรกิจส่วนตัว มีภรรยาและลูกชาย อายุ 3 ขวบ กำลังน่ารักเชียว เป็นครอบครับที่อบอุ่นครับ ผมยังอิจฉาในการดำเนินชีวิตของพี่เค้าเลย
แต่ทุกอย่างมันพังทลายลงเพียงไม่กี่วินาที ไม่กี่วินาทีจริงๆ ครับ คืนนั้นเราไปสังสรรค์กัน พี่ผมชวนว่ามาเจอกันหน่อย นานๆ เจอกันที ผมก็ตอบตกลง พอไปถึงที่ร้านพี่เค้าก็อยู่กับเพื่อนสนิทซึ่งบางคนเราก็รู้จักอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กๆ วันนั้นกินดื่มกันสนุกสนานมากครับ ยิ่งพอเวลาพูดถึงวันเก่าๆ ที่ผ่านมาก็หัวเราะกัน จนเวลาล่วงเลยมาเกือบๆ ตี 3 ผมและพวกพี่ๆ ก็เตรียมตัวจะกลับ พวกเราไม่มีใครเอารถมาครับ เพราะรู้อยู่แล้วว่าคืนนี้เมาแน่ๆ และไม่อยากเจอด่านมันไม่คุ้ม ก็ตัดสินใจเดินออกมาเรียกแท็กซี่หน้าร้าน แต่คนเรียกค่อนข้างเยอะครับ พวกเราก็ไม่ได้อะไรก็เดินกอดคอคุยกันไปเรื่อยๆ พอถึงจุดที่คิดว่าน่าจะพอหาแท็กซี่ได้แล้ว ต่างคนต่างก็เริ่มจะร่ำลากัน พี่ชายผมด้วยความที่เค้าเป็นคนที่คอยดูแลคนอื่นเสมอ โดยปกติเค้าจะเรียกรถให้ตัวเองเป็นคนสุดท้าย และคืนนั้นก็เหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่ทันได้ส่งใครขึ้นรถ .... ??!!
ในขณะพี่ชายผมยืนเรียกรถแท็กซี่อยู่ ดันมีรถแท็กซี่มาจากไหนไม่รู้ แซงซ้ายมาแบบทุกคนในที่นั่นร้องเสียงหลงว่า เฮ้ย โผล่มาไงวะ!! เพื่อนพี่ผมบางคนก็ถึงกับกระโดดไปข้างหลัง แต่พี่ชายผมไม่ทันระวัง แท็กซี่ชนร่างพี่ชายผมและลากพี่ชายผมไปกับรถประมาณ 20 เมตร (เสียงกรี๊ดร้องปนเสียงกระดูกที่โดนบดไปกับพื้นถนนในคืนนั้นมันยังเป็นภาพที่ติดตาและยังคงก้องอยู่ในหูผม) ในตอนนั้นผมนิ่งไปเลย เหมือนคนโดนอะไรสะกด ทำอะไรไม่ถูก กลัวจนน้ำตาไหล พอได้สติผมกับพวกเพื่อนพี่ก็รีบวิ่งไปดู ตอนแรกเหมือนแท็กซี่มีท่าทีเหมือนจะหนี แต่โชคดีที่ในรถแท็กซี่คันนั้นมีผู้โดยสารอยู่ด้วย คนในรถบอกว่าตัวเค้าจะไปเป็นพยานให้จอดและลงไปดู ผมเลยรีบโทรหา ลุงกับป้า และครอบครัวพี่เค้า ซึ่งยอมรับเลยว่าทำใจยากมากไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่มันก็ต้องพูด ผมบอกพวกเขาไปว่า พี่เค้าโดนอุบัติเหตุรถชนให้รีบมา ตอนนั้นผมยังไม่กล้าบอกว่าพวกเขาว่าพี่เค้าได้จากพวกเราไปแล้ว มันทำใจลำบาก บอกได้แค่ว่าเหตุเกิดที่ไหน ให้รีบมา รอตำรวจอยู่ แค่นั้น ไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้กลัวลุงกับป้าช็อก เพราะลุงกับป้าก็อายุมากแล้วด้วย กลัวว่าจะไปกันใหญ่ ส่วนทางตำรวจและมูลนิธิมาถึงที่เกิดเหตุก็ทำตามหน้าที่กันไป รอจนญาติผู้ตายและคู่กรณีมาเคลียร์กัน ทางผู้โดยสารที่อยู่บนรถมาเป็นพยานได้เล่าว่าก่อนเกิดเหตุคนขับรถแท็กซี่ได้ก้มลงหยิบโทรศัพท์ที่ตอนแรกวางอยู่บนเบาะคนขับ แต่ดันหล่นไปลงกับพื้น และทางตนก็ได้ร้องไปแล้วว่าให้ระวังข้างหน้า แต่ก็ไม่ทันแล้ว สรุปว่าพี่ชายผมอยู่ในสภาพขณะมึนเมาและคู่กรณีก็ขับรถโดยประมาท ซึ่งทางญาติผมก็ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายหรือเอาผิดอะไร เพราะฝ่ายเราเองก็มีส่วนผิด เพียงแค่บอกว่าอย่าขับรถโดยประมาทแบบนี้อีก ทางตำรวจก็ได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้
เดี๋ยวช่วงค่ำๆ ผมกลับมาเล่าให้ฟังต่อนะครับว่า ครอบครัวที่เสียเสาหลักไปต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง และจะตอบคำถามยังไงกับลูกชายวัย 3 ขวบ