การเล่นหุ้นมันดีจริงๆ ดีจนอ้วกแตกอ้วกแตนเลยแหละ ผมโชคดีมากที่สามารถทำกำไรได้ทั้งหุ้น Day Trade กับ Swing Trade มาได้บ้าง แน่นอนทำให้ผมรู้สึกสนุกเข้าไปอีก
แต่เอาเข้าจริงๆแล้วมันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น มันก็ต้องมีช่วงเวลาบางช่วงที่เจอกับความย่ำแย่บ้าง พวกเราจะต้องกัดฟันต่อสู้กับเรื่องพวกนี้ให้ได้ และก็ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ได้รับ บทเรียนราคาแพงเราจะต้องขอบคุณที่ได้รับ เพื่อที่จะทำให้เราจดจำบทเรียนนี้ไว้ตลอดไป
และนี่ก็คือหัวข้อที่ผมอยากจะคุยกับพวกเรา
ผมอยากจะให้พวกเราเห็นบทเรียนความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ผมประสบพบเจอมา และก็หวังว่าพวกเราจะได้ประโยชน์จากความผิดพลาดของผม แล้วก็มองไปข้างหน้าต่อไป
ในเวลานั้นเอง
เป็นช่วงหน้าร้อนในปี 2004 ที่ตลาดหุ้นมี Volume เบาบางมากและตัวอย่างนี้ ผมจึงทำการ Short หุ้น (ผมตรวจดู Volume แล้วก็เห็นว่าจะต้องเข้ามามากกว่า ราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นได้ ในเวลานั้นผม Short ได้อย่างน่าผิดหวังและหุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้นไปอีก)
ผมสังเกตหุ้น NVTL ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ผมจึงจับสัญญาณทิศทางราคาหุ้นเอาไว้เพื่อที่จะเข้าไปเล่น
หุ้นมันเริ่มเคลื่อนไหวช้าแล้ว มี Volume เข้ามาน้อย แน่นอนว่าทำให้ผมสงสัยอยู่เหมือนกัน ผมจึงจับตาตอนที่ราคาหุ้นมันเด้งขึ้นมาช้าๆ และมันก็ปรับตัวขึ้นต่อจริงๆ ผมจึงเริ่มเข้าไปเล่น Short ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องนี้
ผมติดตามหุ้น NVTL ที่กำลังจะทำ New High แต่ผมยังยืนกรานที่จะถือหุ้นต่อไป ความผิดพลาดข้อที่ 1 ของผมก็คือว่า ราคาหุ้นมันมีการเด้งก็จริง แต่ผมไม่ได้สนใจว่ามันจะปรับตัวลดลงหรือเปล่า แต่ผมก็ยังดื้อด้านที่จะถือหุ้นต่อไป สัปดาห์ต่อมาหุ้น NVTL ก็เริ่มเคลื่อนไหวตรงกันข้าม และผมก็มองผลกำไรขาดทุนที่เป็นสีแดงจนแสบตามากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเดินเกมผิดพลาดและก็เจ็บปวดอยู่เหมือนกัน และผมก็ทำแบบที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ทำกันก็คือ เพิ่มวงเงินเข้าไปเล่นอีก ความผิดพลาดข้อที่ 2 คือตอนนี้ผมเล่นหุ้นได้ย่ำแย่แล้วและผมก็ดันลงเงินมากเกินไปอีก ทำไมน่ะเหรอ เพราะว่าผมคิดว่าจะต้องเดินเกมให้ถูกทางเท่านั้น และนี่ก็ถือเป็นความผิดข้อที่ 3
การ Short หุ้นนี้ทำให้ผมเพิ่มวงเงินหลายครั้งหลายคราด้วยกัน ผมถูกบดขยี้โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผมทั้งมึนงง สับสันและยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น
หุ้น NVTL มันก็ปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมยังดื้อถือหุ้นมาเป็นเวลาหลายเดือนและก็ขาดทุนมากถึง % 10 ซึ่งก็รู้ว่าสายเกินไปซะแล้ว แม้ว่าผมจะถอยหนีออกมาก่อนหน้านี้ได้ก็ตาม
มันช่างเป็นการขาดทุนที่น่าอัปยศมากสำหรับผม และทำให้ผมฉุนขึ้นสมอง 5 ปีต่อมา ผมก็ยังฉุนกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ แต่มันก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับผมที่จะนำไปใช้เป็นกฎวินัยตั้งขึ้นมาเอง
เราจะต้องจำไว้ดังนี้คือ
• เศษกระดาษที่เราขาดทุนนั้นเป็นความจริง หลายคนพยายามหลอกตัวเองว่าการขาดทุนก็เป็นแค่เศษกระดาษ ไม่ใช่ขาดทุนจริงๆ เพราะว่ายังไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าขาดทุน เป็นมุมมองที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ หากเรามัวแต่ดำน้ำคิดเรื่องแบบนี้อยู่ เราก็จะต้องขาดทุนไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเล่นหุ้นแบบไหนก็ตาม
• ยิ่งซื้อถัวเฉลี่ยมากเท่าไร ก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น หากเราติดอยู่ในหลุมและเรายังพยายามที่จะติดอยู่ในหลุมนี้ต่อไป เราก็ต้องขุดหลุมให้ลึกขึ้นไปอีกและพระเจ้าก็จะตัดสินใจเองว่าเราทำถูกหรือไม่ ฉะนั้นเราอย่าไปซื้อถัวเฉลี่ยเมื่อรู้ว่ามาผิดทาง
• ยอมรับการขาดทุนซะก่อนที่จะบานปลายไปมากกว่านี้ สำหรับใครที่เล่นหุ้นแล้วจบด้วยการขาดทุนนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับพวกเราเสมอไปหรอก หากเราขาดทุนมากขึ้นไปอีก ก็ยิ่งเพิ่มความเครียดสะสมและก็ดื้อรั้นมากขึ้นไปอีก ดีที่สุดก็คือ เราจะต้องยอมรับว่าเดินเกมพลาด และก็หาแนวทางที่ทำให้เราเดินหน้าต่อไป มันก็อาจไม่ได้ผลตามที่พวกเราคิดหรอก ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไปอยู่ดี มันไม่มีอะไรที่แยไปกว่าการขาดทุนเป็นจำนวนมากซ้ำๆซากๆหรอก
• ยิ่งลุย ยิ่งพลาดมาก การเล่นหุ้นมันจะมีการปรับตัวลดลงไม่มีขีดจำกัด ผมคิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าออกช้าจนเกินไป เมื่อเราเห็นว่าทิศทางมันสวนทาง เราก็อย่าไปฝืนตลาดเป็นอันขาด เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรให้เราดีขึ้นหรอก
หากผมมัวแต่พูดคุยเกี่ยวกับชัยชนะครั้งใหญ่ของผมอย่างเดียว มันก็ทำให้บทความสนุกกว่านี้ก็ได้ แต่ผมเห็นว่าหลายคนสนใจด้านมืดของผมน้อยมาก
และจริงๆแล้วผมก็รู้ว่าตัวเองขาดทุนเต็มๆ แต่มันก็ทำให้ผมกลับไปส่องกระจกดูตัวเอง ทั้งผมและพวกเราเองก็เช่นกัน ก็ต้องดูว่าจะเดินหน้ายังไงต่อไป
บางครั้งผมก็ยิ้มออกและบางครั้งผมบูดบึ้งบ้าง แต่ยังไงทุกๆบทเรียนมันเป็นของมีค่าเสมอ ผมหวังว่าพวกเราคงจะได้ประโยชน์แล้วนำไปประยุกต์ใช้ในการเล่นหุ้นของตัวเอง
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net
บทเรียนความผิดพลาดครั้งใหญ่ของผม
แต่เอาเข้าจริงๆแล้วมันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น มันก็ต้องมีช่วงเวลาบางช่วงที่เจอกับความย่ำแย่บ้าง พวกเราจะต้องกัดฟันต่อสู้กับเรื่องพวกนี้ให้ได้ และก็ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ได้รับ บทเรียนราคาแพงเราจะต้องขอบคุณที่ได้รับ เพื่อที่จะทำให้เราจดจำบทเรียนนี้ไว้ตลอดไป
และนี่ก็คือหัวข้อที่ผมอยากจะคุยกับพวกเรา
ผมอยากจะให้พวกเราเห็นบทเรียนความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ผมประสบพบเจอมา และก็หวังว่าพวกเราจะได้ประโยชน์จากความผิดพลาดของผม แล้วก็มองไปข้างหน้าต่อไป
ในเวลานั้นเอง
เป็นช่วงหน้าร้อนในปี 2004 ที่ตลาดหุ้นมี Volume เบาบางมากและตัวอย่างนี้ ผมจึงทำการ Short หุ้น (ผมตรวจดู Volume แล้วก็เห็นว่าจะต้องเข้ามามากกว่า ราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นได้ ในเวลานั้นผม Short ได้อย่างน่าผิดหวังและหุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้นไปอีก)
ผมสังเกตหุ้น NVTL ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ผมจึงจับสัญญาณทิศทางราคาหุ้นเอาไว้เพื่อที่จะเข้าไปเล่น
หุ้นมันเริ่มเคลื่อนไหวช้าแล้ว มี Volume เข้ามาน้อย แน่นอนว่าทำให้ผมสงสัยอยู่เหมือนกัน ผมจึงจับตาตอนที่ราคาหุ้นมันเด้งขึ้นมาช้าๆ และมันก็ปรับตัวขึ้นต่อจริงๆ ผมจึงเริ่มเข้าไปเล่น Short ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องนี้
ผมติดตามหุ้น NVTL ที่กำลังจะทำ New High แต่ผมยังยืนกรานที่จะถือหุ้นต่อไป ความผิดพลาดข้อที่ 1 ของผมก็คือว่า ราคาหุ้นมันมีการเด้งก็จริง แต่ผมไม่ได้สนใจว่ามันจะปรับตัวลดลงหรือเปล่า แต่ผมก็ยังดื้อด้านที่จะถือหุ้นต่อไป สัปดาห์ต่อมาหุ้น NVTL ก็เริ่มเคลื่อนไหวตรงกันข้าม และผมก็มองผลกำไรขาดทุนที่เป็นสีแดงจนแสบตามากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเดินเกมผิดพลาดและก็เจ็บปวดอยู่เหมือนกัน และผมก็ทำแบบที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ทำกันก็คือ เพิ่มวงเงินเข้าไปเล่นอีก ความผิดพลาดข้อที่ 2 คือตอนนี้ผมเล่นหุ้นได้ย่ำแย่แล้วและผมก็ดันลงเงินมากเกินไปอีก ทำไมน่ะเหรอ เพราะว่าผมคิดว่าจะต้องเดินเกมให้ถูกทางเท่านั้น และนี่ก็ถือเป็นความผิดข้อที่ 3
การ Short หุ้นนี้ทำให้ผมเพิ่มวงเงินหลายครั้งหลายคราด้วยกัน ผมถูกบดขยี้โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผมทั้งมึนงง สับสันและยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น
หุ้น NVTL มันก็ปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมยังดื้อถือหุ้นมาเป็นเวลาหลายเดือนและก็ขาดทุนมากถึง % 10 ซึ่งก็รู้ว่าสายเกินไปซะแล้ว แม้ว่าผมจะถอยหนีออกมาก่อนหน้านี้ได้ก็ตาม
มันช่างเป็นการขาดทุนที่น่าอัปยศมากสำหรับผม และทำให้ผมฉุนขึ้นสมอง 5 ปีต่อมา ผมก็ยังฉุนกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ แต่มันก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับผมที่จะนำไปใช้เป็นกฎวินัยตั้งขึ้นมาเอง
เราจะต้องจำไว้ดังนี้คือ
• เศษกระดาษที่เราขาดทุนนั้นเป็นความจริง หลายคนพยายามหลอกตัวเองว่าการขาดทุนก็เป็นแค่เศษกระดาษ ไม่ใช่ขาดทุนจริงๆ เพราะว่ายังไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าขาดทุน เป็นมุมมองที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ หากเรามัวแต่ดำน้ำคิดเรื่องแบบนี้อยู่ เราก็จะต้องขาดทุนไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเล่นหุ้นแบบไหนก็ตาม
• ยิ่งซื้อถัวเฉลี่ยมากเท่าไร ก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น หากเราติดอยู่ในหลุมและเรายังพยายามที่จะติดอยู่ในหลุมนี้ต่อไป เราก็ต้องขุดหลุมให้ลึกขึ้นไปอีกและพระเจ้าก็จะตัดสินใจเองว่าเราทำถูกหรือไม่ ฉะนั้นเราอย่าไปซื้อถัวเฉลี่ยเมื่อรู้ว่ามาผิดทาง
• ยอมรับการขาดทุนซะก่อนที่จะบานปลายไปมากกว่านี้ สำหรับใครที่เล่นหุ้นแล้วจบด้วยการขาดทุนนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับพวกเราเสมอไปหรอก หากเราขาดทุนมากขึ้นไปอีก ก็ยิ่งเพิ่มความเครียดสะสมและก็ดื้อรั้นมากขึ้นไปอีก ดีที่สุดก็คือ เราจะต้องยอมรับว่าเดินเกมพลาด และก็หาแนวทางที่ทำให้เราเดินหน้าต่อไป มันก็อาจไม่ได้ผลตามที่พวกเราคิดหรอก ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไปอยู่ดี มันไม่มีอะไรที่แยไปกว่าการขาดทุนเป็นจำนวนมากซ้ำๆซากๆหรอก
• ยิ่งลุย ยิ่งพลาดมาก การเล่นหุ้นมันจะมีการปรับตัวลดลงไม่มีขีดจำกัด ผมคิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าออกช้าจนเกินไป เมื่อเราเห็นว่าทิศทางมันสวนทาง เราก็อย่าไปฝืนตลาดเป็นอันขาด เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรให้เราดีขึ้นหรอก
หากผมมัวแต่พูดคุยเกี่ยวกับชัยชนะครั้งใหญ่ของผมอย่างเดียว มันก็ทำให้บทความสนุกกว่านี้ก็ได้ แต่ผมเห็นว่าหลายคนสนใจด้านมืดของผมน้อยมาก
และจริงๆแล้วผมก็รู้ว่าตัวเองขาดทุนเต็มๆ แต่มันก็ทำให้ผมกลับไปส่องกระจกดูตัวเอง ทั้งผมและพวกเราเองก็เช่นกัน ก็ต้องดูว่าจะเดินหน้ายังไงต่อไป
บางครั้งผมก็ยิ้มออกและบางครั้งผมบูดบึ้งบ้าง แต่ยังไงทุกๆบทเรียนมันเป็นของมีค่าเสมอ ผมหวังว่าพวกเราคงจะได้ประโยชน์แล้วนำไปประยุกต์ใช้ในการเล่นหุ้นของตัวเอง
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net