"เชื่อมั่นและทำต่อไปอย่าหยุด" ทำอาหารและเบเกอรี่ จากสูตรในเวบต่างๆ ภาพสวยๆ อิมเมจดูดี คนติดใจเกินคาด

สวัสดีค่ะ เป็นครั้งที่สองที่ได้ตั้งกระทู้ในพันทิพย์

อยากแชร์เรื่องราวดีๆ ให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ


เรากำลังเรียนปริญญาโทด้านศิลปะ อยู่ในเชียงใหม่ค่ะ และยอมรับตามสภาพจริงคือ ตกงาน
จริงๆก็เลือกงาน และยุ่งๆกับหัวข้อวิทยานิพนธ์ จนเริ่มเบื่อหน่ายอะไรบางอย่างค่ะ

ถึงที่สุดเราเลยหยุดพักค่ะ และอยู่กับบ้านเฉยๆ เราเช่าบ้านอยู่กับแฟนและเพื่อนๆ วันก็จะทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน
เรียกว่าอยู่บ้านเฉยๆจริงๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายเริ่มแรกที่อยู่ด้วยกัน ก็มีเงินเก็บเรา และเงินแฟน ผลัดกันซื้อของใช้ในบ้าน
จนวันนึง เงินเราเริ่มร่อยหรอค่ะ เราจึงเริ่มขวนขวายที่จะต้องดิ้นรนหาเงินอีกครั้ง

แต่เราจะทำอย่างไรดี สมัครงานไปก็ไม่มีที่ไหนตอบกลับ เริ่มคิดถึงคำที่ว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ขึ้นมาตะหงิดๆ T T

มีวันนึงเรากะแฟนคุยกันว่าอยากได้เตาอบมาทำพิซซ่าทานเองที่บ้าน ซึ่งก่อนหน้านั้นใช้ไมโครเวฟค่ะ และคิดว่าถ้าได้เตาอบลมร้อน คงจะอร่อยขึ้น
แฟนใจดีมากเลยพาเราไปเดินดู และได้เตาอบลดราคาในขนาดกลางมาหนึ่งเครื่อง 2000บาทถ้วน นับจากนั้น ชีวิตเราเริ่มเปลี่ยนค่ะ

ช่วงแรกเราอบพิซซ่าจนแฟนเราเบื่อกันไปเลย 555 เราเลย นึกถึงตอนที่เราไปเรียนที่ญี่ปุ่น และลงวิชาเบเกอร์รี่ (แต่ตอนนั้นไม่ตั้งใจเรียน)
ว่าน่าจะทขนมอย่างอื่น เราจึงเริ่ม เสิร์ชหา สูตรขนมต่างๆในอินเตอร์เนตค่ะ

สวรรค์เป็นใจ สูตรขนมมากมาย ขึ้นหน้าเว็บ โดยเฉพาะจากพันทิพย์ ซึ่งเราไม่ค่อยได้หาข้อมูลเรื่องนี้และค่อนข้างตกใจ
ว่าทำไมเยอะจัง แรกเริ่มเราแค่อยากอบขนมปังโฮลวัตไว้ทานที่บ้าน พยายามหาสูตรที่รักษาสุขภาพต่างๆ (ลืมบอกว่าเรามีปัญหาเรื่องลำไส้ค่ะ)

โฮลวีทชิ้นแรกของชีวิตค่ะ

ไปๆมาๆ มีวันนึง เรา อยากทำคุ้กกี้เนย เค้กเนย  และทำออกมาเยอะมากๆ
เราเริ่มแชร์ภาพในโซเชี่ยล และมีเพื่อนๆ หลายคนบ่นว่า ทำไมไม่ลองทำขายให้คนอื่นได้ทานบ้างล่ะ


เราปิ๊งไอเดียทันทีค่ะ และคิดต่อว่าจะขายยังไง ให้น่าซื้อ เพราะฝีมือก็ไม่ได้เทพเลย เข้าขั้น ทดลองทำ
ใช่แล้วค่ะ "ทดลองทำ" คำนี้ ทำให้เรานึกถึง ศิลปะที่เคยเรียนว่า Experimental Art หรือศิลปะแนวทดลอง
เราจึงนำไปตั้งชื่อโปรเจคนี้ว่า Experimental Bakery หรือเบเกอร์รี่ทดลอง ขายมันทั้งๆที่อยู่ในช่วงทดลองนี่แหละค่ะ
โดยที่เราคุยกะแฟน ถึงชื่อแบรนด์ว่าจะใช้ชื่ออะไรดี แฟนเราอยู่ดีๆก็บอกว่า "ศรีนวล" จริงๆเขาพูดเล่น แต่เราชอบซะงั้น

จึงตกลงใจใช้ชื่อนี้ แต่เราเปลี่ยนเป็น "สีนวล" เพราะ เรารู้สึกว่า ขนมที่ทำสีมันนวลเนียนน่าทาน
และความหมายก็เปลี่ยนไปในทางที่อ่อนหวานขึ้น แทนที่จะเป็นชื่อของผู้หญิงโบราณ

ว่าแล้วเราเริ่มทำบรรจุภัณฑ์ค่ะ โดยเริ่มแกะยางลบเป็นตัวปั๊ม (ขอบคุณวิชาศิลปะอีกที) และพับถุงจากกระดาษสมุดที่มีอยู่
ทำตอนแรกแค่ 10 ชุดค่ะ


ถุงกระดาษที่แฟนช่วยพับ และเรานั้งพิมพ์ลายค่ะ

และเราเริ่มโพสภาพ ในโซเชี่ยลโดย ขายให้กับกลุ่มเพื่อนๆค่ะ ให้สั่งจองและเราจะไปส่งที่นัดหมายในวันรุ่งขึ้น
ซึ่งเราเลือกไปนั่งรอลูกค้า ที่แกลอรี่แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ย่านนิมมานเหมินท์ค่ะ
ผลตอบรับดีเกินคาด คนสั่งจองกัน จนครบ และทำให้เราตกใจเล็กน้อย ว่า
สิ่งที่เราทำเป็นงานอดิเรก  มันขายได้แล้วว!!!!

หน้าตาตอนไปนั่งรอลูกค้าค่ะ

วันแรกที่ขายเราขายแบบงงๆมากค่ะ ไม่ได้คำนวณต้นทุนกำไรอะไรเลย ขายถูกๆราคาจับต้องได้
ขายเป็นชุดๆ และมีคนที่เราไม่รู้จัก แต่เป็นเพื่อนกันในโชเชียล มาซื้อด้วย เราก็งง แต่ก็แฮปปี้มากค่ะ
ได้เงินมาก้อนแรก เราไม่รอช้าค่ะ คิดโปรเจกค์ต่อไป ไปซื้ออุปกรณ์เตรียมตัวทันที

เราทำแบบนี้มาเรื่อยๆ ทดลองมาหลากหลายอย่าง จนทุกวันนี้เมนูยังไม่ซ้ำกันเลย
เริ่มมีคนไม่รู้จัก เพื่อนของเพื่อน อาจารย์ของแฟน และแฟนคลับ (ลืมบอกว่าเรา เป็นนักร้องด้วยค่ะ มีวงของตัวเองและมีแฟนคลับอยู่บ้าง)
หลายๆคนบอกต่อ ซึ่งสิ่งนั้นมันทำให้แฟนเราและเราเอง งง ว่ารสชาติมันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ
เราก็ว่าไม่น่าใช่ หน้าตามันธรรมดามากๆ ไม่ได้หรูหราเหมือนตามร้านเค้กดีๆเลย

จนเราได้ไปอ่านนิตยสารเกี่ยวกับการออกแบบเล่มนึงค่ะ
เค้าพูดเรื่องการออกแบบที่ตอบสนองอ้านอารมณ์และจิตใจ
เพราะการออกแบบเดี่ยวนี้สามารถทำให้สินค้าอำนวยความสะดวกทุกอย่าง
แต่สิ่งหนึ่งที่นักออกแบบ จะขาดไปไม่ได้เลย คือการตอบสนองจิตใจของผู้ซื้อ
เราเลยเริ่มคำนึงถึงภาพลักษณ์ ของขนม และเริ่มจัดวงองค์ประกอบ ภาพถ่าย บรรยากาศต่างๆ

มันได้ผลค่ะ มีน้องๆ เพื่อนๆ หลายๆคน ตามมาซื้อเพราะ "ฟิน" "น่ากิน" และอยากรู้ว่า หน้าตาจริงๆมันเป็นอย่างไร
โดยที่เขาแทบไม่คำนึงถึง รสชาติเลยค่ะ




ตอนนี้เรา เริ่มทำอย่างจริงจัง โดยยอมรับว่า มีช่วงนึงที่ไม่มีคนสั่ง และเราลงรูปผิดเวลา T T ขายไม่ได้
พอเราเศร้าๆ ท้อๆ แฟนเราก็จะให้กำลังใจ และเราไปอ่านเจอประโยคของพี่คนนึงในเฟสที่ว่า "ทำไปเรื่อยๆ ทำต่อไป อย่าหยุด"
เราได้พลังขึ้นมาเฉยเลยค่ะ  "ถ้าเราเชื่อและทำต่อ มันจะต้องเห็นผลสักวันสิน่า"

ตอนนี้ โปรเจคต์ของเรา จะขายแค่วันอังคารและวันเสาร์ ช่วงบ่าย และรับจองออเดอร์ทางโซเชี่ยลค่ะ
นอกนั้นก็รับเค้กโอกาสพิเศษต่างๆ สำหรับเรา ตอนนี้ทำคนเดียว ก็เหนื่อยมากๆเลยค่ะ

รายได้ที่ได้มาก็พอเก็บหอมรอมริบ ราคาที่เราตั้งก็จับต้องได้ เพราะเราไม่มีหน้าร้าน และลูกค้าต้องมาเอาเอง
มาคุยกับเรา วิจารณ์ขนมเรา อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง ติชมกันไป เราว่ามันมีเสน่ห์มากๆค่ะ

จากนั้น เราเลย เปิดเพจ ของตัวเอง ที่เน้นการเผยแพร่เรื่องราวการทำอาหารของเรา ที่ง่ายๆและทำเองได้ที่บ้าน
และโปรโมทการขายไปในตัว ทางเฟสบุคค่ะ (ขออภัยจริงๆค่ะ ตอนนี้ไม่สามารถลงลิ้งค์ได้ เพราะผิดกติกา ใครอยากตามชม หลังไมค์ได้นะคะ)

สุดท้ายนี้เราขอฝากรูปไว้ และเป็นกำลังใจให้หลายๆคนที่กำลังท้อแท้กับสิ่งที่ทำค่ะ ว่าอย่าเพิ่งหยุดนะคะ
ขอให้ตั้งใจทำ และเชื่อมั่นค่ะ ผลลัพธ์ของมันจะเกิดขึ้นสักวัน ทุกอย่างไม่มีปลายทางแน่นอน มันมีแต่เรื่องราวระหว่างทางค่ะ
สู้ๆนะคะ









แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่