คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ตั้งชื่อให้มันต่างกันหน่อย เล่นเอาซะงง
พูดง่ายๆ ว่าคนซื้อ คนผ่อน คนใช้รถ คือ A แต่ว่าชื่อในสัญญาซื้อรถเป็น B
สัญญาทุกอย่างอยู่กับ B ใบแจ้งต่างๆ แจ้งไปที่ A
วันดีคืนดี B (คนที่มีชื่อในสัญญาซื้อรถ) เอาไปจำนอง
A ที่เป็นคนผ่อน คนใช้รถ เจอว่าหนี้เพิ่ม เลยกะเอาคืนด้วยการ ไม่ผ่อน ไม่ส่ง กะให้ยึด เพื่อ B (ที่มีชื่อเป็นเจ้าของในสัญญา) จะโดนเล่นงาน
เจ้าของกะทู้ถามว่าใครจะยุ่งกว่ากัน
ตอบ A ที่เป็นคนผ่อนจะยุ่งกว่า
ถ้าคุณไม่ส่ง ไม่แจ้ง แล้ว B รู้ ที่นี้ละงานเข้า
เพราะ B มีชื่อเป็นเจ้าของตามสัญญาที่ทำกันไว้กับไฟแนนซ์
ถ้าเป็นผม ผมเป็น B ถ้ารู้ว่า A เริ่มไม่จ่าย
จะไปจ่ายเองก่อน แล้วตามด้วยการแจ้งความข้อหาลักทรัพย์กับ A
เอาตำรวจไปเอารถคืนกับ A A ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะสัญญาก็ไม่มีชื่อตัวเอง เพราะ B เป็นคนทำสัญญากับไฟแนนซ์
หลังจากนั้น A ก็ส่งรถต่อเองกับไฟแนนซ์ แจ้งเปลี่ยนที่อยู่ ใบแจ้ง จากที่เคยส่งให้ B เป็นส่งให้ A แทน
A ก็ส่งต่อไปเรื่อย จนหมดงวด ก็โอนรถไปตามปรกติ
ส่วน B
1.เสียค่าโง่ ที่ส่งรถไปแล้วไม่รู้ต่อกี่งวดต่อกี่งวด ฟรีๆ รถก็ไม่ได้ เอาคืนแก้แค้นเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะตัวเองไม่มีสัญญาอะไรเลย พูดง่ายๆเหมือนกับส่งค่ารถให้คนอื่นฟรีๆ
2.โดนแจ้งความข้อหาลักทรัพย์อีกกะทง ดีไม่ดี A เรียกเงินค่าเสียหายได้อีก เพื่อให้เรื่องคดีความจบ
เรียกว่า โง่สองต่อ ต่อแรก ส่งรถฟรีไม่รู้เท่าไร โง่ที่สอง อาจจะต้องเสียเงินให้ A เพื่อให้คดีจบ
....................
ถ้าเป็นผม ผมเป็น B ผมจะเดินไปบอก A ว่าส่งรถไม่ไหวแล้ว ให้ A เอารถไปผ่อนต่อเอง
อย่างน้อยเป็นการตัดความโง่ ซะตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าผ่อนไปเรื่อย ถึงเวลา A อาจจะไม่โอนรถมาให้ก็ได้
พูดง่ายๆ ว่าคนซื้อ คนผ่อน คนใช้รถ คือ A แต่ว่าชื่อในสัญญาซื้อรถเป็น B
สัญญาทุกอย่างอยู่กับ B ใบแจ้งต่างๆ แจ้งไปที่ A
วันดีคืนดี B (คนที่มีชื่อในสัญญาซื้อรถ) เอาไปจำนอง
A ที่เป็นคนผ่อน คนใช้รถ เจอว่าหนี้เพิ่ม เลยกะเอาคืนด้วยการ ไม่ผ่อน ไม่ส่ง กะให้ยึด เพื่อ B (ที่มีชื่อเป็นเจ้าของในสัญญา) จะโดนเล่นงาน
เจ้าของกะทู้ถามว่าใครจะยุ่งกว่ากัน
ตอบ A ที่เป็นคนผ่อนจะยุ่งกว่า
ถ้าคุณไม่ส่ง ไม่แจ้ง แล้ว B รู้ ที่นี้ละงานเข้า
เพราะ B มีชื่อเป็นเจ้าของตามสัญญาที่ทำกันไว้กับไฟแนนซ์
ถ้าเป็นผม ผมเป็น B ถ้ารู้ว่า A เริ่มไม่จ่าย
จะไปจ่ายเองก่อน แล้วตามด้วยการแจ้งความข้อหาลักทรัพย์กับ A
เอาตำรวจไปเอารถคืนกับ A A ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะสัญญาก็ไม่มีชื่อตัวเอง เพราะ B เป็นคนทำสัญญากับไฟแนนซ์
หลังจากนั้น A ก็ส่งรถต่อเองกับไฟแนนซ์ แจ้งเปลี่ยนที่อยู่ ใบแจ้ง จากที่เคยส่งให้ B เป็นส่งให้ A แทน
A ก็ส่งต่อไปเรื่อย จนหมดงวด ก็โอนรถไปตามปรกติ
ส่วน B
1.เสียค่าโง่ ที่ส่งรถไปแล้วไม่รู้ต่อกี่งวดต่อกี่งวด ฟรีๆ รถก็ไม่ได้ เอาคืนแก้แค้นเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะตัวเองไม่มีสัญญาอะไรเลย พูดง่ายๆเหมือนกับส่งค่ารถให้คนอื่นฟรีๆ
2.โดนแจ้งความข้อหาลักทรัพย์อีกกะทง ดีไม่ดี A เรียกเงินค่าเสียหายได้อีก เพื่อให้เรื่องคดีความจบ
เรียกว่า โง่สองต่อ ต่อแรก ส่งรถฟรีไม่รู้เท่าไร โง่ที่สอง อาจจะต้องเสียเงินให้ A เพื่อให้คดีจบ
....................
ถ้าเป็นผม ผมเป็น B ผมจะเดินไปบอก A ว่าส่งรถไม่ไหวแล้ว ให้ A เอารถไปผ่อนต่อเอง
อย่างน้อยเป็นการตัดความโง่ ซะตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าผ่อนไปเรื่อย ถึงเวลา A อาจจะไม่โอนรถมาให้ก็ได้
แสดงความคิดเห็น
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด.......รึป่าว
เรื่องคือว่า เต๋ากับเต้ย(นามสมมุติ)เป็นเพื่อนกัน เต๋าจะออกรถยนต์แต่ติดแบล็กลิสต์จึงขอใช้ชื่อเต้ยออกรถแทน ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เต๋าผ่อนชำระตรงทุกงวดไม่เคยเลทหรือขาดแต่ใบแจ้งหนี้ทุกฉบับส่งไปที่บ้านเต้ย วันดีคืนดีจะด้วยเหตุผลไรไม่ทราบเต้ยเอาทะเบียนรถไปจำนำ(ไม่รู้เรียกอะไรดีประมาณว่าเอารถไปกู้เงินแต่ยังผ่อนชำระอยู่กับสถาบันการเงิน) แล้วไม่บอกเต๋าสักคำ แล้ววันนึงความแตกเต๋าต้องชำระเงินค่างวดมากกว่าปกติจึงสงสัยว่าเงินเพิ่มมาจากไหนจึงถึงบางอ้อ เต๋าจึงแค้นจะเอาคืนด้วยการไม่ส่งค่างวดพร้อมกับจะขายรถคันนั้นเป็นแบบรถหลุดจำนำถูก
ถามว่าถ้าเต๋าทำแบบนั้นย่อมไม่ถูกต้องแต่ว่าอนาคตใครจะยุ่งกว่ากัน เท่าที่ฟังๆมาเห็นว่าตกลงกันไม่ได้ว่าจะเอายังไง ถ้าเต้ยมีความจำเป็นต้องใช้เงินทำไมไม่บอกเต๋าตรงๆปรึกษากันก่อน และถ้าเต๋าขายรถแบบหลุดจำนำไปเต้ยจะเป็นยังไงบ้างในอนาคต ถ้ามีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นใครจะเดือดร้อนที่สุด