บทที่ 23
http://pantip.com/topic/32313446
บทที่ 24
สิ่งที่ได้ยินจากสส.แมทธิว ฟูลไชน์ เหนือความคาดหมายของเอลวินมาก เพราะเขาคิดว่าแอนนี่เป็นเพียงลูกลับๆของสส.โจนาธานเท่านั้น การถูกละเลยจากบิดาและการโดนมองข้าม ทำให้เธอพยายามดิ้นรนช่วยตัวเองทุกอย่างจนมีพฤติกรรมก้าวร้าวและกลายเป็นฆาตกรไปในที่สุด
ข้อมูลที่หลุดออกจากปากของสส.หนุ่มทำให้เขาต้องวิเคราะห์เรื่องราวใหม่ทั้งหมด
“กรุณาอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ด้วยครับ” เขาขอร้องอย่างสุภาพ เพราะกลัวแมทธิวจะเปลี่ยนใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปลงตกและคิดได้ เพราะเขาถอนใจยาวก่อนพูด
“เบลทรูทคงจะบอกพวกคุณว่า เธอเป็นลูกลับๆของพ่อกับโสเภณี” สส.หนุ่มชะงักเมื่อเห็นสายตาฉงนจากหัวหน้าทีมเอฟบีไอ “ผมรู้จักเบลทรูท เพราะแอนนี่เคยพาเขามาที่บ้านครั้งหนึ่ง เธอบอกกับผมว่าเคยอยู่บ้านอุปถัมภ์เดียวกันและนับถือกันเหมือนพี่น้อง”
“แล้วโทมัสล่ะ”
“ใครหรือครับ” สส.ฟูลไชน์ถามด้วยสีหน้างงงัน เอลวินจึงส่ายหน้าช้าๆ
“ช่างเถอะครับ เล่าเรื่องของแอนนี่ต่อดีกว่า”
สส.หนุ่มพยักหน้าและสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเหมือนตัดสินใจเล่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก่อนจะพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เบลทรูทเข้าใจผิด เพราะแท้จริงแล้วแอนนี่เป็นสายเลือดของฟูลไชน์ ส่วนลูกของโสเภณีที่เขาพูดถึง คือตัวผมเอง”
เขามองเอลวินกับรีไวเหมือนคาดหวังว่าจะได้เห็นสีหน้าพิศวง ตระหนก แปลกใจหรืออะไรทำนองนั้น แต่สส.หนุ่มคิดผิด เพราะเอฟบีไอทั้งสองยังคงรักษาอาการสงบนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา
“ดูจากแฟ้มประวัติ แอนนี่แก่กว่าคุณสามปี แสดงว่าเธอเคยอยู่ในบ้านสส.โจนาธานมาก่อน แต่ทำไมไม่ปรากฏชื่อของเธอในทะเบียนบ้าน”
แมทธิว ฟูลไชน์นิ่งเงียบไม่ตอบ รีไวจึงเป็นคนพูดแทน
“มันถูกลบโดยฝีมือคนใน” พูดพลางมองหน้าคนเจ็บที่นั่งหน้าซีดบนเตียง “ถ้าคิดไม่ผิดคงเป็นอดีตนายอำเภอที่โดนเป่าสมองในบ้านของคุณ”
“ใช่”
“ทำให้คนที่อยู่ด้วยกันมาถึงสามปีหายไปจากชีวิต” เอลวินเปรยและหยุดไว้แค่นั้นพร้อมกับกลืนประโยค ‘เป็นคนที่ใจร้ายมาก’ กลับลงไปในคอ จากนั้นก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนวกกลับมาถามอีกครั้ง “ในเมื่อกำจัดแอนนี่ไปแล้ว เธอหวนกลับมาได้ยังไง”
“เป็นคำขอร้องของคุณแม่ ช่วงนั้นท่านป่วยกระเสาะกระแสะ พ่อเลยยอมตามใจ แต่ก็ไม่บ่อยนัก” สส.ฟูลไชน์ตอบและยิ้มอย่างเจ็บปวด “อย่าเข้าใจผิด มันไม่ใช่เพราะความใจดีหรอก ตอนนั้นมีเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพวกคอรัปชั่น หมอเบอร์นาร์ดเลยแนะให้ท่านสร้างภาพด้วยการบริจาคเงินให้บ้านอุปถัมภ์และยอมให้เด็กกำพร้าเข้าไปเที่ยวเล่นในบ้านได้”
“หมอเบอร์นาร์ดที่พูดถึงคือผอ.โรงพยาบาลที่หายตัวไปหรือเปล่า”
“ใช่”
“งั้นเขาก็น่าจะเป็นผู้มีพระคุณที่ทำให้แอนนี่กลับเข้าบ้านได้อีกครั้ง” เอลวินพูด แมทธิวส่ายหน้า
“ตรงกันข้าม เขานี่แหละที่เป็นคนบอกให้พ่อเปลี่ยนตัวผมกับแอนนี่ จากนั้นก็ปลอมแปลงใบเกิด สร้างหลักฐานปลอมทุกอย่าง ตอนแรกเขาเสนอให้เอาแอนนี่ไปทิ้งที่อื่นด้วยซ้ำ แต่โสเภณีคนนั้นขอรับเลี้ยงไว้เองโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องสร้างบ้านอุปถัมภ์และห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธออย่างเด็ดขาด รวมทั้งห้ามแตะต้องแอนนี่ด้วย”
“คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” เอลวินถาม แมทธิวเม้มปากน้อยๆก่อนตอบ
“ผมเจอสัญญาของเธอในลิ้นชักเก็บเอกสารสำคัญ และเคยได้ยินหมอเบอร์นาร์ดเอาเรื่องนี้มาขู่พ่อหลายครั้ง จนกระทั่งเขาได้เป็นผอ.โรงพยาบาล”
“แอนนี่จึงจับตัวเขาไป ส่วนนายอำเภอมีความผิดน้อยกว่าเลยโดนตัดสินแค่ยิงทิ้ง” เอลวินพูด “แสดงว่าเหยื่อทุกคนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด เลยถูกทรมานเพื่อระบายความแค้นและให้สาสมกับความผิด”
“ฉันว่าที่นายอำเภอโดนยิงเพราะเรารู้เรื่องของเธอแล้วมากกว่า” รีไวพูด “ส่วนหมอเบอร์นาร์ด..” เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นและนิ่งคิดก่อนจะเบิกตากว้างเหมือนนึกขึ้นได้ “งั้นก็หมายความว่า”
เขาหันไปทางเอลวิน “ตำรวจยังเฝ้าบ้านอุปถัมภ์นั่นอยู่หรือเปล่า”
อีกฝ่ายรีบโทร.ไปสอบถามทันที สีหน้าที่เคร่งขรึมฉายแววตระหนกจางๆเมื่อได้ยินคำตอบ รีไวจึงถามอย่างร้อนใจ
“ว่าไง”
“พวกเขาได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังจากที่เกิดเหตุ...” เขาชะงักคำพูดค้างและเบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายผลุนผลันออกจากห้อง “นายจะไปไหน รีไว!”
“บ้านอุปถัมภ์ เอเลนอยู่ที่นั่น”
ชายหนุ่มตะโกนตอบก่อนจะผลุบหายเข้าไปในลิฟต์ เอลวินสบถออกมาเบาๆว่า “บ้าจริง!” ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง แต่แมทธิวชิงพูดขึ้นก่อน
“คุณต้องการหมายจับ” เขาเอื้อมไปหยิบสมาร์ตโฟนของตัวเองบนโต๊ะ “ผมจะติดต่อท่านผู้พิพากษาให้เอง”
*/*/*/*/*/*
รถของรีไวปราดเข้าไปจอดไม่ห่างบ้านอุปถัมภ์เท่าใดนัก พอดับเครื่องยนต์เขาก็ดึงปืนทั้งสองกระบอกขึ้นมาตรวจ ระหว่างนั้นตาก็มองไปรอบๆเพื่อดูว่ามีใครซ่อนตัวอยู่บ้างหรือเปล่า พอเห็นว่าปลอดภัยเขาก็ปลดล็อคประตูเตรียมลงจากรถ แต่สังหรณ์บางอย่างทำให้หยุดชะงักและเลื่อนมือไปเปิดลิ้นชักหน้า หยิบปืนพกขนาดเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้นยัดไว้ที่ขอบด้านหลังของกางเกง
เตรียมตัวเสร็จเขาก็ดึงปืนพกประจำตัวออกมาและเดินตรงไปที่ประตูทางเข้า จากนั้นจึงใช้มือผลักเบาๆและขมวดคิ้วเมื่อพบว่ามันเปิดออกอย่างง่ายดาย แสดงว่ามีใครบางคนเข้ามาในนี้ ชายหนุ่มคิดพลางมองฝ่าความมืดเข้าไปในตัวบ้าน พอเห็นว่าไม่มีใครเขาจึงเดินเข้าไปด้านในช้าๆ ทีละก้าวอย่างระมัดระวัง
เสียงแกรกเบาๆดังแทรกความเงียบขึ้นมา รีไวหยุดและเล็งปืนไปยังที่มาของเสียงทันที พอเห็นว่าไม่มีอะไรเขาจึงเดินต่อโดยมุ่งไปยังห้องใต้ดิน เพราะแน่ใจว่าที่แอนนี่มาที่นี่ ก็เพื่อจัดการกับเหยื่อคนสุดท้ายในห้องเชือดของเธอ
ยิ่งเข้าใกล้ห้องนั้นมากเท่าไหร่ จิตใจที่สงบนิ่งก็เริ่มหวั่นไหว สาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะความมืดอันน่าหวาดระแวง หรือความเงียบที่น่าพรั่นพรึง หากเป็นกลิ่นคาวที่ลอยมาตามลม แม้จะบางเบาแต่เจ้าหน้าที่ซึ่งคลุกคลีกับคดีฆาตกรรมมานานอย่างเขารู้ดีว่า มันเป็นกลิ่นเลือด!
ใจของรีไวเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก อาจจะดูเป็นการเห็นแก่ตัวแต่เขาเฝ้าภาวนาขอให้กลิ่นเลือดนั่น มาจากร่างของหมอเบอร์นาร์ด
แต่ถ้ามันเป็นเลือดของเอเลนล่ะ ?
คิดพลางกระชับปืนในมือแน่น หากเป็นเช่นนั้น เขาคงยิงแอนนี่โดยไม่ลังเล
เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดดังแว่วมาเป็นระยะทำให้รีไวหยุดความคิดว้าวุ่นทั้งหมดและเงี่ยหูฟัง ซึ่งก็พบว่ามันมาจากห้องใต้ดินนั่นเอง แต่มันอยู่ลึกลงไปถึงสองชั้น แล้วเสียงนั่นลอดออกมาได้ยังไง จะว่าแอนนี่เปลี่ยนสถานที่เชือดก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับคนที่มีจิตใจอาฆาตและหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นมักจะลงมือกับเหยื่อในอาณาเขตที่คุ้นเคยมากกว่า นอกเสียจากเธอเปิดประตูค้างไว้ เพื่อต้อนรับการมาของเขา
รีไวค่อยๆก้าวลงไปตามบันไดอย่างระมัดระวังจนกระทั่งถึงห้องใต้ดิน พอเห็นช่องทางเข้าเปิดอ้า เขาจึงรู้ว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองถูกต้อง แอนนี่กำลังรอการมาของเขาจริงๆ ปัญหาก็คือเธอจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร สารภาพความผิดที่ทำมาทั้งหมด หรือแก้แค้นที่เขามาขวางทาง
ถ้าเป็นข้อแรก คงหมดห่วงเรื่องเอเลน แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง....
รีไวสะบัดหน้าตัวเองแรงๆก่อนหยุดยืนเหนือทางเข้า หลังจากมองปราดไปคร่าวๆจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีกับดักหรือใครบางคนยืนถือปืนรออยู่ ชายหนุ่มจึงเดินลงบันไดไปทีละขั้น พอลงไปถึงชั้นล่างเขาก็ต้องผงะเพราะกลิ่นเลือดกับสารเคมีที่อัดแน่นอยู่ในอากาศ เมื่อมองไปที่เตียงชันสูตร รีไวถึงกับยืนตัวแข็งเมื่อเห็นใครบางคนถูกชำแหละเหมือนหมูบนเขียง นอนเบิกตาค้างหายใจรวยริน
ไม่สิ ไม่ใช่เปิดตาค้าง แต่มันเบิกกว้างเพราะเปลือกตาถูกกรีดออกไปแล้วต่างหาก
ชายหนุ่มรีบกวาดตามองไปรอบห้องเพื่อค้นหาคนทำ แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา เขาจึงขยับเข้าไปใกล้เตียงอีกนิดด้วยความคิดว่าอาจจะพอช่วยเหลือเหยื่อเคราะห์ร้ายคนนี้ได้ เพราะถ้ารอด ผู้ชายคนนี้ก็จะเป็นพยานสำคัญ พอเห็นสภาพแล้ว เขาต้องเปลี่ยนใจ
ตลอดทั่วร่างถูกเชือด ชำแหละจนเป็นริ้ว หน้าท้องถูกเปิดออกเผยให้เห็นอวัยวะภายใน ที่น่าแปลกก็คือ ทั้งมือและเท้าของชายคนนี้เป็นอิสระ ไม่มีร่องรอยของการถูกมัด ถ้าอย่างนั้นระหว่างที่โดนเชือด ทำไมเขาถึงไม่ดิ้นทุรนทุรายหรือส่งเสียงกรีดร้องออกมา คิดพลางมองของเหลวสีแดงข้นที่กำลังไหลรินออกจากร่าง ผิวที่เริ่มเผือดลงทุกขณะทำให้รู้ว่าชายคนนี้คงมีชีวิตได้อีกไม่นาน
ระหว่างที่กำลังยืนคิด ดวงตาของเหยื่อก็กลิ้งมาทางรีไว ปากที่ปิดสนิทเผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนต้องการจะเปล่งคำพูดแต่ไม่มีเสียงอะไรหลุดจากปาก เมื่อไม่อาจกล่าวอะไรได้ ดวงตาสยองคู่นั้นจึงกลอกไปทางตู้ไม้ขนาดใหญ่ตรงมุมห้อง เหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง รีไวจึงเล็งปืนไปที่นั่นและเดินอย่างช้าๆตรงไปที่ตู้ มืออีกข้างแตะบานประตูอย่างระมัดระวัง พอได้จังหวะเขาก็กระชากให้เปิดออกพร้อมกับถอยหลัง และขู่ด้วยเสียงที่น่ากลัว
“อย่าขยับ...!” คำพูดชะงักค้างไว้แค่นั้นเมื่อเห็นคนที่อยู่ภายใน “เอเลน !”
เด็กหนุ่มที่ถูกมัดมือ เท้าและมีผ้าผูกปากเอาไว้มองรีไวด้วยดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ชายหนุ่มจึงเก็บปืนกลับลงซองก่อนจะย่อตัวลงนั่งเพื่อคลายพันธนาการให้
“เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” มือคลายปมออกพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง พอผ้าหลุดจากปาก เด็กหนุ่มก็ร้องไห้โฮ
“คุณรีไว”
เรียกได้แค่นั้นก็เอนหน้าลงไปซุกกับอก รีไวจึงกอดเขาไว้พร้อมกับปลอบเบาๆ มือก็แกะเชือกไปพร้อมกัน
“ไม่ต้องกลัวนะ” พูดพลางจูบผมสีน้ำตาลอย่างนุ่มนวล พอคลายปมเชือกสำเร็จ เขาก็ดันตัวเอเลนออกและไล่สายตาไปทั่วตัวเพื่อดูว่าเขาโดนทำร้ายตรงไหนบ้างหรือเปล่า
“ผมไม่เป็นอะไรครับ” เด็กหนุ่มซึ่งดูเหมือนจะสงบสติลงได้รีบบอก รีไวถอนใจออกมาเบาๆพลางนึกขอบคุณอยู่ในใจก่อนเอ่ยปากถาม
“นายมาอยู่นี่ได้ยังไง”
เอเลนเตรียมจะตอบแต่ดวงตากลับมองข้ามไหล่ของอีกฝ่ายไปทางด้านหลัง กิริยาของเด็กหนุ่มทำให้รีไวรู้ทันทีว่าใครบางคนกำลังย่องเข้ามา แต่พอขยับ หัวของเขาก็เกิดอาการเจ็บแปลบเหมือนโดนอะไรฟาด จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลง
My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ บทที่ 24
http://pantip.com/topic/32313446
บทที่ 24
สิ่งที่ได้ยินจากสส.แมทธิว ฟูลไชน์ เหนือความคาดหมายของเอลวินมาก เพราะเขาคิดว่าแอนนี่เป็นเพียงลูกลับๆของสส.โจนาธานเท่านั้น การถูกละเลยจากบิดาและการโดนมองข้าม ทำให้เธอพยายามดิ้นรนช่วยตัวเองทุกอย่างจนมีพฤติกรรมก้าวร้าวและกลายเป็นฆาตกรไปในที่สุด
ข้อมูลที่หลุดออกจากปากของสส.หนุ่มทำให้เขาต้องวิเคราะห์เรื่องราวใหม่ทั้งหมด
“กรุณาอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ด้วยครับ” เขาขอร้องอย่างสุภาพ เพราะกลัวแมทธิวจะเปลี่ยนใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปลงตกและคิดได้ เพราะเขาถอนใจยาวก่อนพูด
“เบลทรูทคงจะบอกพวกคุณว่า เธอเป็นลูกลับๆของพ่อกับโสเภณี” สส.หนุ่มชะงักเมื่อเห็นสายตาฉงนจากหัวหน้าทีมเอฟบีไอ “ผมรู้จักเบลทรูท เพราะแอนนี่เคยพาเขามาที่บ้านครั้งหนึ่ง เธอบอกกับผมว่าเคยอยู่บ้านอุปถัมภ์เดียวกันและนับถือกันเหมือนพี่น้อง”
“แล้วโทมัสล่ะ”
“ใครหรือครับ” สส.ฟูลไชน์ถามด้วยสีหน้างงงัน เอลวินจึงส่ายหน้าช้าๆ
“ช่างเถอะครับ เล่าเรื่องของแอนนี่ต่อดีกว่า”
สส.หนุ่มพยักหน้าและสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเหมือนตัดสินใจเล่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก่อนจะพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เบลทรูทเข้าใจผิด เพราะแท้จริงแล้วแอนนี่เป็นสายเลือดของฟูลไชน์ ส่วนลูกของโสเภณีที่เขาพูดถึง คือตัวผมเอง”
เขามองเอลวินกับรีไวเหมือนคาดหวังว่าจะได้เห็นสีหน้าพิศวง ตระหนก แปลกใจหรืออะไรทำนองนั้น แต่สส.หนุ่มคิดผิด เพราะเอฟบีไอทั้งสองยังคงรักษาอาการสงบนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา
“ดูจากแฟ้มประวัติ แอนนี่แก่กว่าคุณสามปี แสดงว่าเธอเคยอยู่ในบ้านสส.โจนาธานมาก่อน แต่ทำไมไม่ปรากฏชื่อของเธอในทะเบียนบ้าน”
แมทธิว ฟูลไชน์นิ่งเงียบไม่ตอบ รีไวจึงเป็นคนพูดแทน
“มันถูกลบโดยฝีมือคนใน” พูดพลางมองหน้าคนเจ็บที่นั่งหน้าซีดบนเตียง “ถ้าคิดไม่ผิดคงเป็นอดีตนายอำเภอที่โดนเป่าสมองในบ้านของคุณ”
“ใช่”
“ทำให้คนที่อยู่ด้วยกันมาถึงสามปีหายไปจากชีวิต” เอลวินเปรยและหยุดไว้แค่นั้นพร้อมกับกลืนประโยค ‘เป็นคนที่ใจร้ายมาก’ กลับลงไปในคอ จากนั้นก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนวกกลับมาถามอีกครั้ง “ในเมื่อกำจัดแอนนี่ไปแล้ว เธอหวนกลับมาได้ยังไง”
“เป็นคำขอร้องของคุณแม่ ช่วงนั้นท่านป่วยกระเสาะกระแสะ พ่อเลยยอมตามใจ แต่ก็ไม่บ่อยนัก” สส.ฟูลไชน์ตอบและยิ้มอย่างเจ็บปวด “อย่าเข้าใจผิด มันไม่ใช่เพราะความใจดีหรอก ตอนนั้นมีเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพวกคอรัปชั่น หมอเบอร์นาร์ดเลยแนะให้ท่านสร้างภาพด้วยการบริจาคเงินให้บ้านอุปถัมภ์และยอมให้เด็กกำพร้าเข้าไปเที่ยวเล่นในบ้านได้”
“หมอเบอร์นาร์ดที่พูดถึงคือผอ.โรงพยาบาลที่หายตัวไปหรือเปล่า”
“ใช่”
“งั้นเขาก็น่าจะเป็นผู้มีพระคุณที่ทำให้แอนนี่กลับเข้าบ้านได้อีกครั้ง” เอลวินพูด แมทธิวส่ายหน้า
“ตรงกันข้าม เขานี่แหละที่เป็นคนบอกให้พ่อเปลี่ยนตัวผมกับแอนนี่ จากนั้นก็ปลอมแปลงใบเกิด สร้างหลักฐานปลอมทุกอย่าง ตอนแรกเขาเสนอให้เอาแอนนี่ไปทิ้งที่อื่นด้วยซ้ำ แต่โสเภณีคนนั้นขอรับเลี้ยงไว้เองโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องสร้างบ้านอุปถัมภ์และห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธออย่างเด็ดขาด รวมทั้งห้ามแตะต้องแอนนี่ด้วย”
“คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” เอลวินถาม แมทธิวเม้มปากน้อยๆก่อนตอบ
“ผมเจอสัญญาของเธอในลิ้นชักเก็บเอกสารสำคัญ และเคยได้ยินหมอเบอร์นาร์ดเอาเรื่องนี้มาขู่พ่อหลายครั้ง จนกระทั่งเขาได้เป็นผอ.โรงพยาบาล”
“แอนนี่จึงจับตัวเขาไป ส่วนนายอำเภอมีความผิดน้อยกว่าเลยโดนตัดสินแค่ยิงทิ้ง” เอลวินพูด “แสดงว่าเหยื่อทุกคนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด เลยถูกทรมานเพื่อระบายความแค้นและให้สาสมกับความผิด”
“ฉันว่าที่นายอำเภอโดนยิงเพราะเรารู้เรื่องของเธอแล้วมากกว่า” รีไวพูด “ส่วนหมอเบอร์นาร์ด..” เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นและนิ่งคิดก่อนจะเบิกตากว้างเหมือนนึกขึ้นได้ “งั้นก็หมายความว่า”
เขาหันไปทางเอลวิน “ตำรวจยังเฝ้าบ้านอุปถัมภ์นั่นอยู่หรือเปล่า”
อีกฝ่ายรีบโทร.ไปสอบถามทันที สีหน้าที่เคร่งขรึมฉายแววตระหนกจางๆเมื่อได้ยินคำตอบ รีไวจึงถามอย่างร้อนใจ
“ว่าไง”
“พวกเขาได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังจากที่เกิดเหตุ...” เขาชะงักคำพูดค้างและเบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายผลุนผลันออกจากห้อง “นายจะไปไหน รีไว!”
“บ้านอุปถัมภ์ เอเลนอยู่ที่นั่น”
ชายหนุ่มตะโกนตอบก่อนจะผลุบหายเข้าไปในลิฟต์ เอลวินสบถออกมาเบาๆว่า “บ้าจริง!” ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง แต่แมทธิวชิงพูดขึ้นก่อน
“คุณต้องการหมายจับ” เขาเอื้อมไปหยิบสมาร์ตโฟนของตัวเองบนโต๊ะ “ผมจะติดต่อท่านผู้พิพากษาให้เอง”
*/*/*/*/*/*
รถของรีไวปราดเข้าไปจอดไม่ห่างบ้านอุปถัมภ์เท่าใดนัก พอดับเครื่องยนต์เขาก็ดึงปืนทั้งสองกระบอกขึ้นมาตรวจ ระหว่างนั้นตาก็มองไปรอบๆเพื่อดูว่ามีใครซ่อนตัวอยู่บ้างหรือเปล่า พอเห็นว่าปลอดภัยเขาก็ปลดล็อคประตูเตรียมลงจากรถ แต่สังหรณ์บางอย่างทำให้หยุดชะงักและเลื่อนมือไปเปิดลิ้นชักหน้า หยิบปืนพกขนาดเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้นยัดไว้ที่ขอบด้านหลังของกางเกง
เตรียมตัวเสร็จเขาก็ดึงปืนพกประจำตัวออกมาและเดินตรงไปที่ประตูทางเข้า จากนั้นจึงใช้มือผลักเบาๆและขมวดคิ้วเมื่อพบว่ามันเปิดออกอย่างง่ายดาย แสดงว่ามีใครบางคนเข้ามาในนี้ ชายหนุ่มคิดพลางมองฝ่าความมืดเข้าไปในตัวบ้าน พอเห็นว่าไม่มีใครเขาจึงเดินเข้าไปด้านในช้าๆ ทีละก้าวอย่างระมัดระวัง
เสียงแกรกเบาๆดังแทรกความเงียบขึ้นมา รีไวหยุดและเล็งปืนไปยังที่มาของเสียงทันที พอเห็นว่าไม่มีอะไรเขาจึงเดินต่อโดยมุ่งไปยังห้องใต้ดิน เพราะแน่ใจว่าที่แอนนี่มาที่นี่ ก็เพื่อจัดการกับเหยื่อคนสุดท้ายในห้องเชือดของเธอ
ยิ่งเข้าใกล้ห้องนั้นมากเท่าไหร่ จิตใจที่สงบนิ่งก็เริ่มหวั่นไหว สาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะความมืดอันน่าหวาดระแวง หรือความเงียบที่น่าพรั่นพรึง หากเป็นกลิ่นคาวที่ลอยมาตามลม แม้จะบางเบาแต่เจ้าหน้าที่ซึ่งคลุกคลีกับคดีฆาตกรรมมานานอย่างเขารู้ดีว่า มันเป็นกลิ่นเลือด!
ใจของรีไวเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก อาจจะดูเป็นการเห็นแก่ตัวแต่เขาเฝ้าภาวนาขอให้กลิ่นเลือดนั่น มาจากร่างของหมอเบอร์นาร์ด
แต่ถ้ามันเป็นเลือดของเอเลนล่ะ ?
คิดพลางกระชับปืนในมือแน่น หากเป็นเช่นนั้น เขาคงยิงแอนนี่โดยไม่ลังเล
เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดดังแว่วมาเป็นระยะทำให้รีไวหยุดความคิดว้าวุ่นทั้งหมดและเงี่ยหูฟัง ซึ่งก็พบว่ามันมาจากห้องใต้ดินนั่นเอง แต่มันอยู่ลึกลงไปถึงสองชั้น แล้วเสียงนั่นลอดออกมาได้ยังไง จะว่าแอนนี่เปลี่ยนสถานที่เชือดก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับคนที่มีจิตใจอาฆาตและหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นมักจะลงมือกับเหยื่อในอาณาเขตที่คุ้นเคยมากกว่า นอกเสียจากเธอเปิดประตูค้างไว้ เพื่อต้อนรับการมาของเขา
รีไวค่อยๆก้าวลงไปตามบันไดอย่างระมัดระวังจนกระทั่งถึงห้องใต้ดิน พอเห็นช่องทางเข้าเปิดอ้า เขาจึงรู้ว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองถูกต้อง แอนนี่กำลังรอการมาของเขาจริงๆ ปัญหาก็คือเธอจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร สารภาพความผิดที่ทำมาทั้งหมด หรือแก้แค้นที่เขามาขวางทาง
ถ้าเป็นข้อแรก คงหมดห่วงเรื่องเอเลน แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง....
รีไวสะบัดหน้าตัวเองแรงๆก่อนหยุดยืนเหนือทางเข้า หลังจากมองปราดไปคร่าวๆจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีกับดักหรือใครบางคนยืนถือปืนรออยู่ ชายหนุ่มจึงเดินลงบันไดไปทีละขั้น พอลงไปถึงชั้นล่างเขาก็ต้องผงะเพราะกลิ่นเลือดกับสารเคมีที่อัดแน่นอยู่ในอากาศ เมื่อมองไปที่เตียงชันสูตร รีไวถึงกับยืนตัวแข็งเมื่อเห็นใครบางคนถูกชำแหละเหมือนหมูบนเขียง นอนเบิกตาค้างหายใจรวยริน
ไม่สิ ไม่ใช่เปิดตาค้าง แต่มันเบิกกว้างเพราะเปลือกตาถูกกรีดออกไปแล้วต่างหาก
ชายหนุ่มรีบกวาดตามองไปรอบห้องเพื่อค้นหาคนทำ แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา เขาจึงขยับเข้าไปใกล้เตียงอีกนิดด้วยความคิดว่าอาจจะพอช่วยเหลือเหยื่อเคราะห์ร้ายคนนี้ได้ เพราะถ้ารอด ผู้ชายคนนี้ก็จะเป็นพยานสำคัญ พอเห็นสภาพแล้ว เขาต้องเปลี่ยนใจ
ตลอดทั่วร่างถูกเชือด ชำแหละจนเป็นริ้ว หน้าท้องถูกเปิดออกเผยให้เห็นอวัยวะภายใน ที่น่าแปลกก็คือ ทั้งมือและเท้าของชายคนนี้เป็นอิสระ ไม่มีร่องรอยของการถูกมัด ถ้าอย่างนั้นระหว่างที่โดนเชือด ทำไมเขาถึงไม่ดิ้นทุรนทุรายหรือส่งเสียงกรีดร้องออกมา คิดพลางมองของเหลวสีแดงข้นที่กำลังไหลรินออกจากร่าง ผิวที่เริ่มเผือดลงทุกขณะทำให้รู้ว่าชายคนนี้คงมีชีวิตได้อีกไม่นาน
ระหว่างที่กำลังยืนคิด ดวงตาของเหยื่อก็กลิ้งมาทางรีไว ปากที่ปิดสนิทเผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนต้องการจะเปล่งคำพูดแต่ไม่มีเสียงอะไรหลุดจากปาก เมื่อไม่อาจกล่าวอะไรได้ ดวงตาสยองคู่นั้นจึงกลอกไปทางตู้ไม้ขนาดใหญ่ตรงมุมห้อง เหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง รีไวจึงเล็งปืนไปที่นั่นและเดินอย่างช้าๆตรงไปที่ตู้ มืออีกข้างแตะบานประตูอย่างระมัดระวัง พอได้จังหวะเขาก็กระชากให้เปิดออกพร้อมกับถอยหลัง และขู่ด้วยเสียงที่น่ากลัว
“อย่าขยับ...!” คำพูดชะงักค้างไว้แค่นั้นเมื่อเห็นคนที่อยู่ภายใน “เอเลน !”
เด็กหนุ่มที่ถูกมัดมือ เท้าและมีผ้าผูกปากเอาไว้มองรีไวด้วยดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ชายหนุ่มจึงเก็บปืนกลับลงซองก่อนจะย่อตัวลงนั่งเพื่อคลายพันธนาการให้
“เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” มือคลายปมออกพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง พอผ้าหลุดจากปาก เด็กหนุ่มก็ร้องไห้โฮ
“คุณรีไว”
เรียกได้แค่นั้นก็เอนหน้าลงไปซุกกับอก รีไวจึงกอดเขาไว้พร้อมกับปลอบเบาๆ มือก็แกะเชือกไปพร้อมกัน
“ไม่ต้องกลัวนะ” พูดพลางจูบผมสีน้ำตาลอย่างนุ่มนวล พอคลายปมเชือกสำเร็จ เขาก็ดันตัวเอเลนออกและไล่สายตาไปทั่วตัวเพื่อดูว่าเขาโดนทำร้ายตรงไหนบ้างหรือเปล่า
“ผมไม่เป็นอะไรครับ” เด็กหนุ่มซึ่งดูเหมือนจะสงบสติลงได้รีบบอก รีไวถอนใจออกมาเบาๆพลางนึกขอบคุณอยู่ในใจก่อนเอ่ยปากถาม
“นายมาอยู่นี่ได้ยังไง”
เอเลนเตรียมจะตอบแต่ดวงตากลับมองข้ามไหล่ของอีกฝ่ายไปทางด้านหลัง กิริยาของเด็กหนุ่มทำให้รีไวรู้ทันทีว่าใครบางคนกำลังย่องเข้ามา แต่พอขยับ หัวของเขาก็เกิดอาการเจ็บแปลบเหมือนโดนอะไรฟาด จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลง