ตอนนี้ก่อนเปิดอ่านคิดอยู่ว่าจะได้เห็นกานดา VS พัมพ์กิ้นแน่ๆ แต่ที่ไหนได้กลายเป็น..... เป็นใครตามดูเลย
ต่อจากตอนที่แล้ว เกียร์ติดต่อหาพวกกานดาเพื่ออยากจะซ้อมมือก่อนสู้แกรนด์แบทเบิลที่ต้องไปเจอพวกระดับท๊อปของเกม เกียร์เลยอยากจะซ้อมมือกับคนที่ไว้ใจได้ก่อน อย่างน้อยจะได้ไม่เกมโอเวอร์ สำหรับมัจฉาเองก็อยากให้กานดาลองสู้กับคนที่มีอาวุธ Event Horizon เหมือนกันเพราะประสบการณ์การต่อสู้ไม่ได้หามาได้ง่าย แต่ตอนนี้เรื่องการซ่อมจัสติสเรย์ก่อนแกรนด์แบทเบิลจะเริ่มสำคัญกว่า มัจฉาจึงปฎิเสธและขอโทษเกียร์ด้วย เกียร์เองก็เสียดายแต่ก็เข้าใจ และด้วยเรื่องซ่อมจัสติสเรย์นี่เอง เกียร์บอกมีไอเทมที่พวกกานดาต้องการใช้อยู่ชิ้นหนึ่งพอดี เพราะติดอยู่ขอบจักรวาลนานซึ่งเป็นที่ๆมีแร่แปลกๆเยอะก็เลยมีเก็บติดตัวไว้ กานดาเลยดีใจแทบน้ำตาไหลเลย
ระหว่างนั้นเอง ยานของพวกกานดาก็มาถึงที่หมายนั้นคือดาว Estillon โดยมีเป้าหมายคือมาหาร้านไอเทมลับที่อยู่ใต้ไซคลอปส์ฟอลที่ดาวนี้ หลังจากวนเวียนหาที่จอดอยู่นานก็หาที่จอดยานได้ที่หินผาสูงเหมือนเสาจุดเดียวในไซคลอปส์ฟอลนี้ แต่ที่จอดยานอยู่ไกลจากร้านอีกจึงจำเป็นต้องเดินกันต่อ และจากข้อมูลที่ได้มาก็รู้ว่ามอนสเตอร์ที่นี่แข็งแกร่งด้วยเลยให้ระวังกันด้วย ปัญหาอีกอย่างคือถึงจะรู้ตำแหน่งร้านคราวๆแต่ไม่รู้อยู่ตรงไหนอยู่ดี มัจฉาจึงบอกให้ทุกคนไปกันหมดเพื่อช่วยหาร้านดีกว่า ทุกคนจึงออกเดินทางลงจากเสาหินผากันทันที เว้นแต่หน้ากากไฟเยอร์ที่ไม่ไปด้วย พอกานดาถามเหตุผลหน้ากากไฟเยอร์บอกแค่ว่าขี้เกียจ กานดาเลยแซวว่าเพราะหน้ากากไฟเยอร์ไม่มีเงินสินะเลยจะแบ่งให้ครึ่งนึงคือ 200g หน้ากากไฟเยอร์เลยรำคาญไล่กานดาให้ไปๆสักที
จากนั้นพวกกานดาก็ลงมาในช่องเขาใต้เมฆ พื้นล่างนั้นเป็นพื้นที่ขรุขระจนไม่สามารถจอดยานได้ ขนาดเดินธรรมดาๆตัวกานดาบอกระวังสะดุดแต่กลับพลาดลืมมองที่หัวเลยเดินชนชโงกหินเข้าเต็มๆจนไวพจน์ยังบอกกานดาให้ระวังกบาลตัวเองก่อนดีกว่า ส่วนมอนสเตอร์เจ้าถิ่นที่นี่ก็ตามชื่อสถานที่คือ ไซคลอปส์ ที่ทั้งน่ากลัวและเก่งกาจ แต่เมือ่มีเจ้าเป็ดมาด้วยก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดด้วย...ความสามารถก๊อปปี้ร่างมอนสเตอร์ของเจ้าเป็ดเอง ทำให้เจ้าเป็ดสามารถเข้าไปถามที่อยู่ของร้านกับพวกไซคลอปส์เลยยังได้ แต่ไซคลอปส์เจ้าถิ่นเองกลับบอกที่นี่ไม่มีร้านอะไรเลยซะงั้น แต่ตามข้อมูลนั้นไม่ผิดไวพจน์จึงคิดว่าคงอยู่ในตำแหน่งที่ไซคลอปส์เองก็มองไม่เห็นก็ได้
แต่การจะหาร้านในสถานที่ที่ไม่ค่อยสว่างเพราะเมฆปกคลุมตลอดจนแสงส่องไม่ค่อยถึงจึงเป็นเรื่องยาก ในตอนนั้นเอง เจฟฟรี่ย์ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากกองยานที่ยังอยู่กับพวกกานดาก็เลยอาสาช่วยเองด้วยสกิลผู้ใช้หุ่นยนต์ขนาดเล็ก หุ่นที่เจฟฟรี่ย์มีก็มีอยู่หลายแบบตามคุณสมบัติการทำงาน และที่จะใช้คราวนี้นั้นก็คือหุ่นสำรวจเส้นทางตัวกลมมีขาคล้ายแมงมุม 4 ขา เจฟฟรี่ย์สั่งให้มันลุยหาทันที ซึ่งเจ้าตัวนี้ที่ปรับแต่งด้วยไอเทมดีๆมาแล้วระดับความสามารถก็น้องๆนักสำรวจเก่งๆเลย แต่ขอเสียคือ HP ที่น้อยขนาดโดนทุบทีเดียวก็พังแล้ว ยิ่งเจอกับดักหรือลาวาก็ไปต่อไม่ได้เหมือนกัน ส่วนข้อมูลการสำรวจก็จะถูกส่งกลับมาหาเจฟฟรี่ย์ในรุปแบบแผนที่บนหน้าจอ ระหว่างที่สำรวจก็เจอโน่นเจอนี่จนพวกกานดาอยากขอจุ่นหน่อย ทำเอาเจฟฟรี่ย์ขอร้องใครสักคนช่วยลากพวกกานดาออกไปที เสียสมาธิสุดๆ วิริยาเลยจัดให้
หลังจากสำรวจมา 15 นาที ในที่สุดก็เจอร้านซึ่งแอบซ่อนอยู่ใต้โพลงเล็กๆที่ต้องคลานเข้าไปเท่านั้น นี่เองที่เป็นเหตุผลที่พวกไซคลอปส์เองไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีร้านซ่อนอยู่ พอมาถึงโพรงแล้วก็คิดจะมุดคลานเข้าไปกันเลย แต่วิริยาเอะใจได้ก็เลยบอกให้พวกผู้ชายมุดเข้าไปก่อน ทึ่มๆอย่างกานดาเลยแปลกใจว่าทำไมแต่ไวพจน์รู้ในทันทีเลยบอกซะเสียงดังว่าวิริยากลัวหวอออกสินะ มัจฉาเลยโวยว่ารู้แล้วก็รีบๆมุดเข้าไปสักที
พอเข้ามาในร้านและดูไอเทมที่มีขาย ก็พบไอเทมที่ต้องการนั้นคือ Energy gem แต่ราคานั้นถึงขั้นอยากจะกรีดเพราะราคาสูงถึง 3 แสน แต่ไอเทมชิ้นนี้คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยซ่อมให้จัสติสเรย์เปร่งลำแสงออกมาได้ ปัญหาในตอนนี้จึงเป็นเรื่องเงินว่าจะหามายังไงดี กานดาเลยถามๆเจ้าของร้านดูแย๊บๆถึงแหวนเพิ่ม EXP ที่ใส่อยู่ตอนนี้ว่าจะให้ราคาเท่าไร ถึงเจ้าเป็ดบอกไม่จำเป็นต้องขายแหวนนั้นก็ได้ เจ้าของร้านที่เป็น NPC ก็รู้ว่าเป็นไอเทมล้ำค่าเลยจะให้ราคา 10 ล้านแบบเต็มที่ไปเลย แต่กานดาโวยทันทีเพราะนั้นคือราคาแค่ครึ่งเดียวจากที่ซื้อมาเท่านั้นเอง แต่ไวพจน์ไม่แปลกใจเพราะเป็นปกติของ NPC อยู่แล้ว จะขายสู้เอาไปขายเพลเยอร์ดีกว่า แต่คุยๆไปก็มีคนนึกขึ้นได้ว่ายังมีมีด 6 ดาวที่ได้มาจาก Executioner อยู่ พอเริ่มถามหาถึงคนที่เก็บมีดนี้ไว้ เจ้าเป็ดคิดว่าเป็นกานดาแต่ปรากฎว่าไม่ใช่ ทุกคนเลยสงสัยว่างั้นใครกันที่เก็บมีดไป แต่มัจฉาก็รู้ได้ทันทีว่าใครที่เก็บไปจากที่มีสาวม.ต้นหนึ่งนางกำลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ผิวปากไม่สนใจเรื่องนี้
อีกด้าน วิศนะที่ยังอยู่ที่จอดยาน หลังจากนั่งรออยู่สักพักก็เริ่มคิดว่าคงไปกันอีกนานก็เลยเริ่มคิดจะลงไปที่ด้านล่างแก้เบื่อ ถึงจะติดใจเรื่องยานที่จอดทิ้งไว้ประเจิดประเจ้อจนพูดเลยว่าเอาเก็บใส่ช่องไอเทมอย่างที่ Space ทำให้ไม่ได้เหรอไง แต่เดินลงมายังไม่ทันไรจู่ๆก็มีบางอย่างแวบมาที่ด้านหลังของวิศนะ พอวิศนะแค่เหล่ตาหลับไปดูก็พบลำแสงหลายแสงกำลังฟาดมาทางเขา วิศนะจึงรีบกระโดดหลบออกมาตั้งหลักอีกด้านทันที หลังจากที่หลบมาได้แล้วก็จำได้เลยถึงการโจมตีรูปแบบที่วิศนะบอกเลยว่าทุเรศๆนี่ก็เริ่มเดาได้แล้วว่าใครเป็นคนโจมตี แต่ขณะที่คิดอยู่นั้นอาวุธบินอีกอย่างก็พุ่งโจมตีวิศนะจากด้านบนจนเกือบโดนวิศนะไปฉิวเฉียด
วิศนะรีบมองหาตำแหน่งของอีกฝ่าย ในพริบตาก็พบตัวเห็นว่ายืนอยู่ริมผาอีกฝั่ง วิศนะจึงใช้ลูกไฟธรรมดาจู่โจมทันทีพร้อมกับถามอีกฝ่ายที่มั่นใจแล้วว่าเป็นใครเลยว่าตามมาถึงที่นี่ได้ยังไง ลูกไฟของวิศนะทำลายหน้าหาตำแหน่งที่อีกฝ่ายยืนอยู่จนอีกฝ่ายต้องโดดลงมาตั้งหลักใกล้ๆวิศนะ ซึ่งอีกฝ่ายก็คือ พัมพ์กิ้น ตามที่วิศนะเดาไม่มีผิด และพัมพ์กิ้นตอบคำถามของวิศนะแต่ไม่ขอบอกความสามารถในการตามรอย บอกแค่ว่าการตามหาพวกกานดาหากเทียบกับพวก Top 10 แล้วง่ายกว่าเยอะ เพราะพวกนั้นปกปิดร่องรอยอย่างระวังคนละระดับเลย และเหมือนเป็นโชคดีของพัมพ์กิ้นอย่างที่ตอนนี้วิศนะอยู่คนเดียว พัมพ์กิ้นเองบอกเลยว่าหากต้องสู้กับพวกกานดาร่วม 10 คนก็คงไม่ไหวเหมือนกัน แต่วิศนะคุยโวกว่าบอกให้ไปพา Ranking Killer มาทั้งกลุ่มเลยดีกว่า จะได้ฆ่าให้หมดทีเดียว พัมพ์กิ้นเลยบอกพามาเยอะแยะก็ก้างขวางคอ บอกเลยว่าคราวนี้ไม่มีการหนีถ่วงเวลาแบบในคลังแสงแล้ว วิศนะเองก็บอกเลยเหมือนกันว่าที่คลังแสงมันมีกฎยุ่งยากเลยไม่โดนเขาเชือดซะตั้งแต่ตอนนั้นไง ขณะที่พูดวิศนะก็ถอดหน้ากากออกเพื่อความสะดวกแล้ว
พอกำลังจะเริ่มจู่โจมกันอีกครั้ง พออาวุธ Event Horizon ของพัมพ์กิ้นเข้าโจมตี(แบบอัตโนมัติ)วิศนะอีกรอบ แต่วิศนะใช้แขนซ้ายปัดออกไปได้ แล้วตอนนั้นเองที่ประตูคลังแสงเปิดออก ผู้ที่โผล่มาคือมินท์ที่เจ้าตัวเองโผล่มาแล้วก็ตกใจกับเหตุการณ์ตอนนี้ รวมถึงวิศนะกับพัมพ์กิ้นเองก็แปลกใจกันเหมือนกัน
มินท์ที่เห็นแล้วว่าเหตุการณ์ไม่ปกติเลยดูรอบๆเพื่อทำความเข้าใจก่อนและพูดเลยว่าเปิดประตูมาทีไรเจอแต่เรื่องไม่ธรรมดาทุกที ทางพัมพ์กิ้นที่ไม่ได้คาดคิดเลยนิ่งไปครู่นึงก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งเครียดมาเป็นยิ้มระรื่นในพริบตาแล้วพูดว่า "อย่างกับงานเลี้ยงรุ่นที่มีอดีต GM สามคนในตอนนี้" ทางมินท์ถามวิศนะเพื่อความชัวร์เลยว่าสู้กันอยู่ใช่มั้ย และจากรูปการณ์มินท์ก็เดาได้เลยว่าพัมพ์กิ้นมาเพื่อล่าพวกกานดาแน่ๆ
เมื่อเข้าใจสถานการณ์แล้ว มินท์จึงกางหน้าต่างไอเทมรอบตัวทันทีซึ่งเป็นตามปกติในเวลาที่เธอคิดจะสู้ พัมพ์กิ้นเองที่รู้จักมินท์ดีตั้งแต่ตอนเป็น GM ด้วยกันจึงรู้ว่ามินท์คิดจะช่วยวิศนะสู้ พัมพ์กิ้นเลยแหย่ถามมินท์จะเลือกใครระหว่างวิศนะกับเขา เจอถามแบบนี้มินท์แปลกใจไปนิดหน่อยแต่ก็บอกยังไงเธอก็ต้องปกป้องเพื่อนอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ต้องสู้กับพัมพ์กิ้นนั้นแหละ พัมพ์กิ้นถึงกับตะโกนเลยว่า "ใจร้าย" ส่วนทางวิศนะก็แอบคิดว่าที่มินท์ยอมตายออกจาก GM ก็เพราะไม่อยากสู้กับพวกกานดาที่เป็นเพื่อนก็คิดเลยว่าบ้าพอๆกับกานดา
เมื่อมินท์คิดจะช่วย วิศนะเลยบอกมินท์ก่อนว่าพวกกานดาตอนนี้อยู่ไกลจากที่นี่มาก เพราะงั้นมินท์ไม่ต้องบอกเรื่องที่พัมพ์กิ้นมากับพวกกานดาเพราะเขาจะจัดการคนเดียว มินท์ก็ตกลงจะไม่บอกยกเว้นแต่วิศนะกำลังจะแพ้ เพราะถ้าบอกพวกกานดาไปตอนนี้ว่าให้รีบหนีพวกกานดาคงรีบกลับมาช่วยแน่ๆ พัมพ์กิ้นได้ยินแบบนี้ก็บอกมินท์เข้าข้างวิศนะแบบนี้ทำเอาอกหักเลย มินท์บอกให้เลิกล้อเล่นสักทีแต่พัมพ์กิ้นบอกเขาจริงจังนะ มินท์เลยตอบแบบยิ้มฝืดๆว่าเธอรับความรู้สึกนั้นไม่ได้หรอก ทำเอาพัมพ์กิ้นจ๋อยทรุดนั่งกอดเขาไปเลย
วินาทีนั้นเองที่อาวุธ Event Horizon ของพัมพ์กิ้นที่บินอยู่ก็พุ่งลงมาโจมตีมินท์จากด้านหลังอย่างจังแบบทีเผลอจนมินท์ตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว พัมพ์กิ้นบอกเลยว่าเผลอสิ วิศนะจึงรู้เลยว่าพัมพ์กิ้นแค่แกล้งจำจ๋อยไปงั้นแล้วโจมตีตามนิสัยเสียอย่างเคยทำเอาชวนหงุดหงิด แต่ในขณะที่ทั้งคู่ระวังอาวุธ Event Horizon อยู่นั้นเอง พัมพ์กิ้นก็ใช้แส่อาวุธดั้งเดิมเข้าโจมตีวิศนะจากด้านหลังอีกฝั่ง แถมยังโดนทั้งวิศนะและมินท์ไปพร้อมกันอีก ทำเอาวิศนะยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก
จบตอน
ตกลงท่านมิดจะให้พี่พริกคู่กับมินท์จริงๆสินะ เจอกันครั้งแรกก็สู้กัน มาตอนนี้มาช่วยกันสู้ซะแล้ว อิๆ คงต้องรอดูคู่นี้ต่อไปตอนหน้า
หน้าเดียวตอนนี้ เอาฉากพัมพ์กิ้นจ๋อยๆมาให้ดูกัน
[Spoil] EXEcutional - 237 # Above the sea of clouds
ต่อจากตอนที่แล้ว เกียร์ติดต่อหาพวกกานดาเพื่ออยากจะซ้อมมือก่อนสู้แกรนด์แบทเบิลที่ต้องไปเจอพวกระดับท๊อปของเกม เกียร์เลยอยากจะซ้อมมือกับคนที่ไว้ใจได้ก่อน อย่างน้อยจะได้ไม่เกมโอเวอร์ สำหรับมัจฉาเองก็อยากให้กานดาลองสู้กับคนที่มีอาวุธ Event Horizon เหมือนกันเพราะประสบการณ์การต่อสู้ไม่ได้หามาได้ง่าย แต่ตอนนี้เรื่องการซ่อมจัสติสเรย์ก่อนแกรนด์แบทเบิลจะเริ่มสำคัญกว่า มัจฉาจึงปฎิเสธและขอโทษเกียร์ด้วย เกียร์เองก็เสียดายแต่ก็เข้าใจ และด้วยเรื่องซ่อมจัสติสเรย์นี่เอง เกียร์บอกมีไอเทมที่พวกกานดาต้องการใช้อยู่ชิ้นหนึ่งพอดี เพราะติดอยู่ขอบจักรวาลนานซึ่งเป็นที่ๆมีแร่แปลกๆเยอะก็เลยมีเก็บติดตัวไว้ กานดาเลยดีใจแทบน้ำตาไหลเลย
ระหว่างนั้นเอง ยานของพวกกานดาก็มาถึงที่หมายนั้นคือดาว Estillon โดยมีเป้าหมายคือมาหาร้านไอเทมลับที่อยู่ใต้ไซคลอปส์ฟอลที่ดาวนี้ หลังจากวนเวียนหาที่จอดอยู่นานก็หาที่จอดยานได้ที่หินผาสูงเหมือนเสาจุดเดียวในไซคลอปส์ฟอลนี้ แต่ที่จอดยานอยู่ไกลจากร้านอีกจึงจำเป็นต้องเดินกันต่อ และจากข้อมูลที่ได้มาก็รู้ว่ามอนสเตอร์ที่นี่แข็งแกร่งด้วยเลยให้ระวังกันด้วย ปัญหาอีกอย่างคือถึงจะรู้ตำแหน่งร้านคราวๆแต่ไม่รู้อยู่ตรงไหนอยู่ดี มัจฉาจึงบอกให้ทุกคนไปกันหมดเพื่อช่วยหาร้านดีกว่า ทุกคนจึงออกเดินทางลงจากเสาหินผากันทันที เว้นแต่หน้ากากไฟเยอร์ที่ไม่ไปด้วย พอกานดาถามเหตุผลหน้ากากไฟเยอร์บอกแค่ว่าขี้เกียจ กานดาเลยแซวว่าเพราะหน้ากากไฟเยอร์ไม่มีเงินสินะเลยจะแบ่งให้ครึ่งนึงคือ 200g หน้ากากไฟเยอร์เลยรำคาญไล่กานดาให้ไปๆสักที
จากนั้นพวกกานดาก็ลงมาในช่องเขาใต้เมฆ พื้นล่างนั้นเป็นพื้นที่ขรุขระจนไม่สามารถจอดยานได้ ขนาดเดินธรรมดาๆตัวกานดาบอกระวังสะดุดแต่กลับพลาดลืมมองที่หัวเลยเดินชนชโงกหินเข้าเต็มๆจนไวพจน์ยังบอกกานดาให้ระวังกบาลตัวเองก่อนดีกว่า ส่วนมอนสเตอร์เจ้าถิ่นที่นี่ก็ตามชื่อสถานที่คือ ไซคลอปส์ ที่ทั้งน่ากลัวและเก่งกาจ แต่เมือ่มีเจ้าเป็ดมาด้วยก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดด้วย...ความสามารถก๊อปปี้ร่างมอนสเตอร์ของเจ้าเป็ดเอง ทำให้เจ้าเป็ดสามารถเข้าไปถามที่อยู่ของร้านกับพวกไซคลอปส์เลยยังได้ แต่ไซคลอปส์เจ้าถิ่นเองกลับบอกที่นี่ไม่มีร้านอะไรเลยซะงั้น แต่ตามข้อมูลนั้นไม่ผิดไวพจน์จึงคิดว่าคงอยู่ในตำแหน่งที่ไซคลอปส์เองก็มองไม่เห็นก็ได้
แต่การจะหาร้านในสถานที่ที่ไม่ค่อยสว่างเพราะเมฆปกคลุมตลอดจนแสงส่องไม่ค่อยถึงจึงเป็นเรื่องยาก ในตอนนั้นเอง เจฟฟรี่ย์ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากกองยานที่ยังอยู่กับพวกกานดาก็เลยอาสาช่วยเองด้วยสกิลผู้ใช้หุ่นยนต์ขนาดเล็ก หุ่นที่เจฟฟรี่ย์มีก็มีอยู่หลายแบบตามคุณสมบัติการทำงาน และที่จะใช้คราวนี้นั้นก็คือหุ่นสำรวจเส้นทางตัวกลมมีขาคล้ายแมงมุม 4 ขา เจฟฟรี่ย์สั่งให้มันลุยหาทันที ซึ่งเจ้าตัวนี้ที่ปรับแต่งด้วยไอเทมดีๆมาแล้วระดับความสามารถก็น้องๆนักสำรวจเก่งๆเลย แต่ขอเสียคือ HP ที่น้อยขนาดโดนทุบทีเดียวก็พังแล้ว ยิ่งเจอกับดักหรือลาวาก็ไปต่อไม่ได้เหมือนกัน ส่วนข้อมูลการสำรวจก็จะถูกส่งกลับมาหาเจฟฟรี่ย์ในรุปแบบแผนที่บนหน้าจอ ระหว่างที่สำรวจก็เจอโน่นเจอนี่จนพวกกานดาอยากขอจุ่นหน่อย ทำเอาเจฟฟรี่ย์ขอร้องใครสักคนช่วยลากพวกกานดาออกไปที เสียสมาธิสุดๆ วิริยาเลยจัดให้
หลังจากสำรวจมา 15 นาที ในที่สุดก็เจอร้านซึ่งแอบซ่อนอยู่ใต้โพลงเล็กๆที่ต้องคลานเข้าไปเท่านั้น นี่เองที่เป็นเหตุผลที่พวกไซคลอปส์เองไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีร้านซ่อนอยู่ พอมาถึงโพรงแล้วก็คิดจะมุดคลานเข้าไปกันเลย แต่วิริยาเอะใจได้ก็เลยบอกให้พวกผู้ชายมุดเข้าไปก่อน ทึ่มๆอย่างกานดาเลยแปลกใจว่าทำไมแต่ไวพจน์รู้ในทันทีเลยบอกซะเสียงดังว่าวิริยากลัวหวอออกสินะ มัจฉาเลยโวยว่ารู้แล้วก็รีบๆมุดเข้าไปสักที
พอเข้ามาในร้านและดูไอเทมที่มีขาย ก็พบไอเทมที่ต้องการนั้นคือ Energy gem แต่ราคานั้นถึงขั้นอยากจะกรีดเพราะราคาสูงถึง 3 แสน แต่ไอเทมชิ้นนี้คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยซ่อมให้จัสติสเรย์เปร่งลำแสงออกมาได้ ปัญหาในตอนนี้จึงเป็นเรื่องเงินว่าจะหามายังไงดี กานดาเลยถามๆเจ้าของร้านดูแย๊บๆถึงแหวนเพิ่ม EXP ที่ใส่อยู่ตอนนี้ว่าจะให้ราคาเท่าไร ถึงเจ้าเป็ดบอกไม่จำเป็นต้องขายแหวนนั้นก็ได้ เจ้าของร้านที่เป็น NPC ก็รู้ว่าเป็นไอเทมล้ำค่าเลยจะให้ราคา 10 ล้านแบบเต็มที่ไปเลย แต่กานดาโวยทันทีเพราะนั้นคือราคาแค่ครึ่งเดียวจากที่ซื้อมาเท่านั้นเอง แต่ไวพจน์ไม่แปลกใจเพราะเป็นปกติของ NPC อยู่แล้ว จะขายสู้เอาไปขายเพลเยอร์ดีกว่า แต่คุยๆไปก็มีคนนึกขึ้นได้ว่ายังมีมีด 6 ดาวที่ได้มาจาก Executioner อยู่ พอเริ่มถามหาถึงคนที่เก็บมีดนี้ไว้ เจ้าเป็ดคิดว่าเป็นกานดาแต่ปรากฎว่าไม่ใช่ ทุกคนเลยสงสัยว่างั้นใครกันที่เก็บมีดไป แต่มัจฉาก็รู้ได้ทันทีว่าใครที่เก็บไปจากที่มีสาวม.ต้นหนึ่งนางกำลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ผิวปากไม่สนใจเรื่องนี้
อีกด้าน วิศนะที่ยังอยู่ที่จอดยาน หลังจากนั่งรออยู่สักพักก็เริ่มคิดว่าคงไปกันอีกนานก็เลยเริ่มคิดจะลงไปที่ด้านล่างแก้เบื่อ ถึงจะติดใจเรื่องยานที่จอดทิ้งไว้ประเจิดประเจ้อจนพูดเลยว่าเอาเก็บใส่ช่องไอเทมอย่างที่ Space ทำให้ไม่ได้เหรอไง แต่เดินลงมายังไม่ทันไรจู่ๆก็มีบางอย่างแวบมาที่ด้านหลังของวิศนะ พอวิศนะแค่เหล่ตาหลับไปดูก็พบลำแสงหลายแสงกำลังฟาดมาทางเขา วิศนะจึงรีบกระโดดหลบออกมาตั้งหลักอีกด้านทันที หลังจากที่หลบมาได้แล้วก็จำได้เลยถึงการโจมตีรูปแบบที่วิศนะบอกเลยว่าทุเรศๆนี่ก็เริ่มเดาได้แล้วว่าใครเป็นคนโจมตี แต่ขณะที่คิดอยู่นั้นอาวุธบินอีกอย่างก็พุ่งโจมตีวิศนะจากด้านบนจนเกือบโดนวิศนะไปฉิวเฉียด
วิศนะรีบมองหาตำแหน่งของอีกฝ่าย ในพริบตาก็พบตัวเห็นว่ายืนอยู่ริมผาอีกฝั่ง วิศนะจึงใช้ลูกไฟธรรมดาจู่โจมทันทีพร้อมกับถามอีกฝ่ายที่มั่นใจแล้วว่าเป็นใครเลยว่าตามมาถึงที่นี่ได้ยังไง ลูกไฟของวิศนะทำลายหน้าหาตำแหน่งที่อีกฝ่ายยืนอยู่จนอีกฝ่ายต้องโดดลงมาตั้งหลักใกล้ๆวิศนะ ซึ่งอีกฝ่ายก็คือ พัมพ์กิ้น ตามที่วิศนะเดาไม่มีผิด และพัมพ์กิ้นตอบคำถามของวิศนะแต่ไม่ขอบอกความสามารถในการตามรอย บอกแค่ว่าการตามหาพวกกานดาหากเทียบกับพวก Top 10 แล้วง่ายกว่าเยอะ เพราะพวกนั้นปกปิดร่องรอยอย่างระวังคนละระดับเลย และเหมือนเป็นโชคดีของพัมพ์กิ้นอย่างที่ตอนนี้วิศนะอยู่คนเดียว พัมพ์กิ้นเองบอกเลยว่าหากต้องสู้กับพวกกานดาร่วม 10 คนก็คงไม่ไหวเหมือนกัน แต่วิศนะคุยโวกว่าบอกให้ไปพา Ranking Killer มาทั้งกลุ่มเลยดีกว่า จะได้ฆ่าให้หมดทีเดียว พัมพ์กิ้นเลยบอกพามาเยอะแยะก็ก้างขวางคอ บอกเลยว่าคราวนี้ไม่มีการหนีถ่วงเวลาแบบในคลังแสงแล้ว วิศนะเองก็บอกเลยเหมือนกันว่าที่คลังแสงมันมีกฎยุ่งยากเลยไม่โดนเขาเชือดซะตั้งแต่ตอนนั้นไง ขณะที่พูดวิศนะก็ถอดหน้ากากออกเพื่อความสะดวกแล้ว
พอกำลังจะเริ่มจู่โจมกันอีกครั้ง พออาวุธ Event Horizon ของพัมพ์กิ้นเข้าโจมตี(แบบอัตโนมัติ)วิศนะอีกรอบ แต่วิศนะใช้แขนซ้ายปัดออกไปได้ แล้วตอนนั้นเองที่ประตูคลังแสงเปิดออก ผู้ที่โผล่มาคือมินท์ที่เจ้าตัวเองโผล่มาแล้วก็ตกใจกับเหตุการณ์ตอนนี้ รวมถึงวิศนะกับพัมพ์กิ้นเองก็แปลกใจกันเหมือนกัน
มินท์ที่เห็นแล้วว่าเหตุการณ์ไม่ปกติเลยดูรอบๆเพื่อทำความเข้าใจก่อนและพูดเลยว่าเปิดประตูมาทีไรเจอแต่เรื่องไม่ธรรมดาทุกที ทางพัมพ์กิ้นที่ไม่ได้คาดคิดเลยนิ่งไปครู่นึงก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งเครียดมาเป็นยิ้มระรื่นในพริบตาแล้วพูดว่า "อย่างกับงานเลี้ยงรุ่นที่มีอดีต GM สามคนในตอนนี้" ทางมินท์ถามวิศนะเพื่อความชัวร์เลยว่าสู้กันอยู่ใช่มั้ย และจากรูปการณ์มินท์ก็เดาได้เลยว่าพัมพ์กิ้นมาเพื่อล่าพวกกานดาแน่ๆ
เมื่อเข้าใจสถานการณ์แล้ว มินท์จึงกางหน้าต่างไอเทมรอบตัวทันทีซึ่งเป็นตามปกติในเวลาที่เธอคิดจะสู้ พัมพ์กิ้นเองที่รู้จักมินท์ดีตั้งแต่ตอนเป็น GM ด้วยกันจึงรู้ว่ามินท์คิดจะช่วยวิศนะสู้ พัมพ์กิ้นเลยแหย่ถามมินท์จะเลือกใครระหว่างวิศนะกับเขา เจอถามแบบนี้มินท์แปลกใจไปนิดหน่อยแต่ก็บอกยังไงเธอก็ต้องปกป้องเพื่อนอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ต้องสู้กับพัมพ์กิ้นนั้นแหละ พัมพ์กิ้นถึงกับตะโกนเลยว่า "ใจร้าย" ส่วนทางวิศนะก็แอบคิดว่าที่มินท์ยอมตายออกจาก GM ก็เพราะไม่อยากสู้กับพวกกานดาที่เป็นเพื่อนก็คิดเลยว่าบ้าพอๆกับกานดา
เมื่อมินท์คิดจะช่วย วิศนะเลยบอกมินท์ก่อนว่าพวกกานดาตอนนี้อยู่ไกลจากที่นี่มาก เพราะงั้นมินท์ไม่ต้องบอกเรื่องที่พัมพ์กิ้นมากับพวกกานดาเพราะเขาจะจัดการคนเดียว มินท์ก็ตกลงจะไม่บอกยกเว้นแต่วิศนะกำลังจะแพ้ เพราะถ้าบอกพวกกานดาไปตอนนี้ว่าให้รีบหนีพวกกานดาคงรีบกลับมาช่วยแน่ๆ พัมพ์กิ้นได้ยินแบบนี้ก็บอกมินท์เข้าข้างวิศนะแบบนี้ทำเอาอกหักเลย มินท์บอกให้เลิกล้อเล่นสักทีแต่พัมพ์กิ้นบอกเขาจริงจังนะ มินท์เลยตอบแบบยิ้มฝืดๆว่าเธอรับความรู้สึกนั้นไม่ได้หรอก ทำเอาพัมพ์กิ้นจ๋อยทรุดนั่งกอดเขาไปเลย
วินาทีนั้นเองที่อาวุธ Event Horizon ของพัมพ์กิ้นที่บินอยู่ก็พุ่งลงมาโจมตีมินท์จากด้านหลังอย่างจังแบบทีเผลอจนมินท์ตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว พัมพ์กิ้นบอกเลยว่าเผลอสิ วิศนะจึงรู้เลยว่าพัมพ์กิ้นแค่แกล้งจำจ๋อยไปงั้นแล้วโจมตีตามนิสัยเสียอย่างเคยทำเอาชวนหงุดหงิด แต่ในขณะที่ทั้งคู่ระวังอาวุธ Event Horizon อยู่นั้นเอง พัมพ์กิ้นก็ใช้แส่อาวุธดั้งเดิมเข้าโจมตีวิศนะจากด้านหลังอีกฝั่ง แถมยังโดนทั้งวิศนะและมินท์ไปพร้อมกันอีก ทำเอาวิศนะยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก
จบตอน
ตกลงท่านมิดจะให้พี่พริกคู่กับมินท์จริงๆสินะ เจอกันครั้งแรกก็สู้กัน มาตอนนี้มาช่วยกันสู้ซะแล้ว อิๆ คงต้องรอดูคู่นี้ต่อไปตอนหน้า
หน้าเดียวตอนนี้ เอาฉากพัมพ์กิ้นจ๋อยๆมาให้ดูกัน