คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ตอบเท่าที่ผมรู้
๑.วัดสายไหม ลำลูกกา ปทุมธานี (ให้ถือศีลอุโบสถ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ +ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานแนวมหาสติปัฏฐาน๔ *แนว หนอๆๆ)
อ.อ๊อดท่านลงมาสอนเอง
๒.เครื่องใช้พื้นฐานทั่วไปเหมือนเราไปพักแรม ชุดขาว (ถ้าไม่มีก็มาดูที่วัด)
๓.เตรียมต้ว คือ ผู้ปฏิบัติ ต้องเป็นคน "กินง่าย อยู่ง่าย "
๔.พิธีบวช คือ การมาขอสมาทานศีล ที่วัด
๕.ปานะ (น้ำต่อลมหายใจ).......อันนี้ลอกมาจากเนชั่น
อุโบสถศีลประกอบด้วย ๘ องค์ หมายถึงศีล ๘ หรือศีลอุโบสถนั่นเอง ในศีลข้อที่ ๖ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
ตรัสอรรถาธิบาย อุโบสถศีลข้อที่ ๖ ว่า
" .......แม้นเราในวันนี้ก็บริโภคอาหารครั้งเดียว งดอาหารในราตรี เว้นจากการบริโภคผิดเวลาตลอดวันและคืนนี้
ด้วยองค์นี้ เราก็ได้ชื่อว่าปฏิบัติตามพระอรหันต์ทั้งหลายอย่างหนึ่ง และอุโบสถก็จักเป็นอันเรารักษาแล้ว "
(องฺ ติก. ข้อ ๕๑๐)
บทว่า วิกาลโภชนํ ได้แก่ การบริโภคอาหาร เมื่อล่วงเลยเวลาเที่ยงตรง, การบริโภคอาหารเมื่อล่วงเลยเวลาเที่ยง ก็คือ
การบริโภคอาหารเมื่อล่วงเลยกาลที่ทรงอนุญาตไว้ คือ เจตนางดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
บทว่า เอกภตฺติกา (บริโภคภัตครั้งเดียว) นั้น ท่านแบ่งการบริโภคอาหารเป็น 2 เวลา คือ เวลาเช้า กับเวลาเย็น อาหารที่
จะรับประทานในเวลาเช้า ท่านกำหนดตั้งแต่อรุณจนถึงเที่ยงวัน ส่วนอาหารเย็นกำหนดตั้งแต่เลยเที่ยงไปจนถึงเวลา
อรุณขึ้น เพราะฉะนั้น ในเวลาภายในเที่ยงวัน แม้นจะบริโภคอาหาร ๕ - ๑๐ ครั้ง ก็ชื่อว่ามีการรับประทานเพียง
ครั้งเดียว เวลาเดียว
วิกาลโภชน์มีองค์แห่งการเกิด ๔ ประการ (องค์ที่ทำให้เกิดองค์อุโบสถที่ ๖ ต้องแตกทำลาย)
๑. วิกาโล เป็นเวลาวิกาล คือตั้งแต่เที่ยงวันไปแล้ว
๒. ยาวกาลิกํ ของนั้นเป็นของเคี้ยวของฉันที่ทรงอนุญาตให้กินได้ก่อนเที่ยงวัน
๓. อชฺโฌหรณํ มีการกลืนล่วงลำคอคงไป
๔. อนุมฺมตฺตกตา ไม่ใช่คนบ้า
(ขุทฺทก.อ ๑/๓/๔๒, อง.อ. ๑/๓/๔๐๑)
หลังจากเที่ยงวันไปแล้ว นอกจากน้ำเปล่าบริสุทธิ์แล้ว ผู้รักษาอุโบสถสามารถกลืนน้ำปานะดับกระหายหรือ
บรรเทาความหิวได้ โดยไม่ทำให้องค์อุโบสถศีลข้อที่ ๖ แตกทำลาย
น้ำปานะ ได้แก่ เครื่องดื่ม หรือ น้ำสำหรับดื่มที่คั้นจากผลไม้ ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาติแก่พระภิกษุให้รับ
ประเคนแล้วสามารถเก็บไว้ฉันได้ตลอด ๑ วัน ๑ คืน เรียกว่า ยามกาลิก ทรงอนุญาติไว้ ๘ อย่าง
๑. อัมพะปานะ น้ำมะม่วง ๒. ชัมพุปานะ น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า ๓. โจจะปานะ น้ำกล้วยมีเมล็ด
๔. โมจะปานะ น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด ๕. มะธุกะปานะ น้ำมะทรางต้องเจือด้วยน้ำจึงควร
๖. มุททิกะปานะ น้ำลูกจันทน์หรือองุ่น 7. สาลุกะปานะ น้ำเหง้าบัว ๘. ผารุสะกะปานะ น้ำมะปรางหรือลิ้นจี่
นอกจากน้ำปานะ ๘ อย่างแล้ว ท่านยังอนุญาตน้ำที่จะอนุโลมตามน้ำปานะไว้อีก เรียกว่า กัปปิยปานะอนุโลม
คือน้ำปานะที่สมควร ซึ่งฉันได้โดยไม่เป็นอาบัติในเวลาวิกาล ได้แก่ น้ำปานะแห่งผลไม้เล็ก เช่น ลูกหวาย
มะขาม มะงั่ว มะขวิด สะคร้อ และเล็บเหยี่ยว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังอนุญาติให้ฉันน้ำปานะเหล่านั้นผสมกับน้ำตาล แล้วเคี่ยวไฟจนเข้มข้น (ยกเว้นที่ทำจากถั่วและนม)
สามารถฉันได้ จัดเป็น อัพโพหาริก เช่น น้ำอัดลมในสมัยนี้ แม้นน้ำผลไม้สำเร็จรูป เช่น น้ำองุ่นที่กรองเนื้อออกดีแล้ว
ก็ดื่มได้
น้ำที่ไม่ทรงอนุญาต ดื่มแล้วองค์อุโบสถต้องแตกทำลาย
อกัปปิยปานะอนุโลม หรือ เครื่องดื่มที่ไม่พึงดื่ม คือ น้ำปานะที่ไม่สมควร ภิกษุดื่มในเวลาวิกาลไม่ได้ ถ้าดื่ม
ต้องอาบัติปาจิตตย์ ได้แก่ น้ำแห่งธัญชาติ (ข้าว) ๗ ชนิด คือ ข้าวสาลี ข้าวเปลือก ข้าวเหนียว ข้าวละมาน ข้าวฟ่าง
ลูกเดือย และหญ้ากับแก้
น้ำแห่งมหาผล (ผลไม้ใหญ่ ) ๙ ชนิด คือ ผลตาล มะพร้าว ขนุน สาเก น้ำเต้า ฟักเขียว แตงไท แตงโม และ
ฟักทอง
น้ำแห่งอปรัณณชาติ ได้แก่ ถั่วชนิดต่าง ๆ มีถั่วเหลือ ถั่วเขียว ถั่วดำ และงา เป็นต้น แม้นจะต้มจะกรอง ทำเป็น
เครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ก็ย่อมเป็นอาบัติปาจิตตีย์
นม ท่านจัดเป็นอาหารอันประณีต ภิกษุสามเณรไม่พึงฉันยามวิกาล แม้นจะผสมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็ไม่ควร
หากฉัน ก็ย่อมต้องอาบัติปาจิตตีย์
ดังนั้น ผู้หวังความบริสุทธิ์ของอุโบสถมีองค์ ๘ พึงงดเว้นเครื่องดื่มที่ทรงห้ามแก่ภิกษุทั้งหลายในยามวิกาล
ประสบการณ์สมัยบวชเป็นพระสงฆ์ในสำนักวัดป่า มีข้อที่ต้องศึกษาและควรรู้มากมายเกี่ยวข้อวัตรข้อนี้จึงเป็น
แรงบันดาลที่จะเขียนเพื่อให้ความรู้เรื่องน้ำปานะ แก่อุบาสก อุบาสิกา เพื่อจะถือองค์อุโบสถศีลได้อย่างบริสุทธิ์
ตลอดจนจัดหาน้ำปานะถวายแด่พระสงฆ์สามเณรในกาลพรรษานี้ได้อย่าง ถูกต้องตามพุทธานุญาตทุกประการ
ข้อมูล : คัมภีร์อุโบสถศีล
เบอร์โทร-วัดสายไหม 02-5312135 ,081-1410794
๑.วัดสายไหม ลำลูกกา ปทุมธานี (ให้ถือศีลอุโบสถ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ +ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานแนวมหาสติปัฏฐาน๔ *แนว หนอๆๆ)
อ.อ๊อดท่านลงมาสอนเอง
๒.เครื่องใช้พื้นฐานทั่วไปเหมือนเราไปพักแรม ชุดขาว (ถ้าไม่มีก็มาดูที่วัด)
๓.เตรียมต้ว คือ ผู้ปฏิบัติ ต้องเป็นคน "กินง่าย อยู่ง่าย "
๔.พิธีบวช คือ การมาขอสมาทานศีล ที่วัด
๕.ปานะ (น้ำต่อลมหายใจ).......อันนี้ลอกมาจากเนชั่น
อุโบสถศีลประกอบด้วย ๘ องค์ หมายถึงศีล ๘ หรือศีลอุโบสถนั่นเอง ในศีลข้อที่ ๖ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
ตรัสอรรถาธิบาย อุโบสถศีลข้อที่ ๖ ว่า
" .......แม้นเราในวันนี้ก็บริโภคอาหารครั้งเดียว งดอาหารในราตรี เว้นจากการบริโภคผิดเวลาตลอดวันและคืนนี้
ด้วยองค์นี้ เราก็ได้ชื่อว่าปฏิบัติตามพระอรหันต์ทั้งหลายอย่างหนึ่ง และอุโบสถก็จักเป็นอันเรารักษาแล้ว "
(องฺ ติก. ข้อ ๕๑๐)
บทว่า วิกาลโภชนํ ได้แก่ การบริโภคอาหาร เมื่อล่วงเลยเวลาเที่ยงตรง, การบริโภคอาหารเมื่อล่วงเลยเวลาเที่ยง ก็คือ
การบริโภคอาหารเมื่อล่วงเลยกาลที่ทรงอนุญาตไว้ คือ เจตนางดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
บทว่า เอกภตฺติกา (บริโภคภัตครั้งเดียว) นั้น ท่านแบ่งการบริโภคอาหารเป็น 2 เวลา คือ เวลาเช้า กับเวลาเย็น อาหารที่
จะรับประทานในเวลาเช้า ท่านกำหนดตั้งแต่อรุณจนถึงเที่ยงวัน ส่วนอาหารเย็นกำหนดตั้งแต่เลยเที่ยงไปจนถึงเวลา
อรุณขึ้น เพราะฉะนั้น ในเวลาภายในเที่ยงวัน แม้นจะบริโภคอาหาร ๕ - ๑๐ ครั้ง ก็ชื่อว่ามีการรับประทานเพียง
ครั้งเดียว เวลาเดียว
วิกาลโภชน์มีองค์แห่งการเกิด ๔ ประการ (องค์ที่ทำให้เกิดองค์อุโบสถที่ ๖ ต้องแตกทำลาย)
๑. วิกาโล เป็นเวลาวิกาล คือตั้งแต่เที่ยงวันไปแล้ว
๒. ยาวกาลิกํ ของนั้นเป็นของเคี้ยวของฉันที่ทรงอนุญาตให้กินได้ก่อนเที่ยงวัน
๓. อชฺโฌหรณํ มีการกลืนล่วงลำคอคงไป
๔. อนุมฺมตฺตกตา ไม่ใช่คนบ้า
(ขุทฺทก.อ ๑/๓/๔๒, อง.อ. ๑/๓/๔๐๑)
หลังจากเที่ยงวันไปแล้ว นอกจากน้ำเปล่าบริสุทธิ์แล้ว ผู้รักษาอุโบสถสามารถกลืนน้ำปานะดับกระหายหรือ
บรรเทาความหิวได้ โดยไม่ทำให้องค์อุโบสถศีลข้อที่ ๖ แตกทำลาย
น้ำปานะ ได้แก่ เครื่องดื่ม หรือ น้ำสำหรับดื่มที่คั้นจากผลไม้ ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาติแก่พระภิกษุให้รับ
ประเคนแล้วสามารถเก็บไว้ฉันได้ตลอด ๑ วัน ๑ คืน เรียกว่า ยามกาลิก ทรงอนุญาติไว้ ๘ อย่าง
๑. อัมพะปานะ น้ำมะม่วง ๒. ชัมพุปานะ น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า ๓. โจจะปานะ น้ำกล้วยมีเมล็ด
๔. โมจะปานะ น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด ๕. มะธุกะปานะ น้ำมะทรางต้องเจือด้วยน้ำจึงควร
๖. มุททิกะปานะ น้ำลูกจันทน์หรือองุ่น 7. สาลุกะปานะ น้ำเหง้าบัว ๘. ผารุสะกะปานะ น้ำมะปรางหรือลิ้นจี่
นอกจากน้ำปานะ ๘ อย่างแล้ว ท่านยังอนุญาตน้ำที่จะอนุโลมตามน้ำปานะไว้อีก เรียกว่า กัปปิยปานะอนุโลม
คือน้ำปานะที่สมควร ซึ่งฉันได้โดยไม่เป็นอาบัติในเวลาวิกาล ได้แก่ น้ำปานะแห่งผลไม้เล็ก เช่น ลูกหวาย
มะขาม มะงั่ว มะขวิด สะคร้อ และเล็บเหยี่ยว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังอนุญาติให้ฉันน้ำปานะเหล่านั้นผสมกับน้ำตาล แล้วเคี่ยวไฟจนเข้มข้น (ยกเว้นที่ทำจากถั่วและนม)
สามารถฉันได้ จัดเป็น อัพโพหาริก เช่น น้ำอัดลมในสมัยนี้ แม้นน้ำผลไม้สำเร็จรูป เช่น น้ำองุ่นที่กรองเนื้อออกดีแล้ว
ก็ดื่มได้
น้ำที่ไม่ทรงอนุญาต ดื่มแล้วองค์อุโบสถต้องแตกทำลาย
อกัปปิยปานะอนุโลม หรือ เครื่องดื่มที่ไม่พึงดื่ม คือ น้ำปานะที่ไม่สมควร ภิกษุดื่มในเวลาวิกาลไม่ได้ ถ้าดื่ม
ต้องอาบัติปาจิตตย์ ได้แก่ น้ำแห่งธัญชาติ (ข้าว) ๗ ชนิด คือ ข้าวสาลี ข้าวเปลือก ข้าวเหนียว ข้าวละมาน ข้าวฟ่าง
ลูกเดือย และหญ้ากับแก้
น้ำแห่งมหาผล (ผลไม้ใหญ่ ) ๙ ชนิด คือ ผลตาล มะพร้าว ขนุน สาเก น้ำเต้า ฟักเขียว แตงไท แตงโม และ
ฟักทอง
น้ำแห่งอปรัณณชาติ ได้แก่ ถั่วชนิดต่าง ๆ มีถั่วเหลือ ถั่วเขียว ถั่วดำ และงา เป็นต้น แม้นจะต้มจะกรอง ทำเป็น
เครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ก็ย่อมเป็นอาบัติปาจิตตีย์
นม ท่านจัดเป็นอาหารอันประณีต ภิกษุสามเณรไม่พึงฉันยามวิกาล แม้นจะผสมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็ไม่ควร
หากฉัน ก็ย่อมต้องอาบัติปาจิตตีย์
ดังนั้น ผู้หวังความบริสุทธิ์ของอุโบสถมีองค์ ๘ พึงงดเว้นเครื่องดื่มที่ทรงห้ามแก่ภิกษุทั้งหลายในยามวิกาล
ประสบการณ์สมัยบวชเป็นพระสงฆ์ในสำนักวัดป่า มีข้อที่ต้องศึกษาและควรรู้มากมายเกี่ยวข้อวัตรข้อนี้จึงเป็น
แรงบันดาลที่จะเขียนเพื่อให้ความรู้เรื่องน้ำปานะ แก่อุบาสก อุบาสิกา เพื่อจะถือองค์อุโบสถศีลได้อย่างบริสุทธิ์
ตลอดจนจัดหาน้ำปานะถวายแด่พระสงฆ์สามเณรในกาลพรรษานี้ได้อย่าง ถูกต้องตามพุทธานุญาตทุกประการ
ข้อมูล : คัมภีร์อุโบสถศีล
เบอร์โทร-วัดสายไหม 02-5312135 ,081-1410794
แสดงความคิดเห็น
ต้องการจะบวชชีพราหมณ์ รบกวนสอบถามผู้รู้หน่อยนะคะ