ปฏิจจสมุปบาท ไม่ได้เกิดจากรังไข่........ตองเก้า

ผ่านตามาหลายกระทู้แล้ว   เห็นเถียงกันพร่ำแต่ว่า   เราเกิดตรงส่วนไหนของปฏิจจฯ
บ้างก็ว่านามรูป   บ้างก็ว่าชาตะ ......ไอ้ที่หนักไปกว่านั้น   ขนาดเอาเรื่องมดลูกรังไข่มาเถียงกัน
ยกมามาหมดไม่ว่าจะสเปอร์  ตัวอ่อน  ทารก   ฟังแล้วพูดได้คำเดียวว่า....บัดสีบัดเถลิง
พวกนี้อ่านเจออะไรไม่ได้จะต้องปรุงแต่งไปสารพัดสารเพ........เสื่อมครับพี่น้องครับ

ปฏิจจสมุบาทไม่ใช่รังไข่ ไม่ใช่มดลูก  ไม่ใช่ตัวตนบุคคล หรืออะไรอีกหลายอย่างที่สารพัดจะปรุงแต่งกันมา
ปฏิจจสมุปบาทเป็น   ความรู้ที่เกิดจากปัญญา

ปฏิจจฯโดยความเป็นวิชชาแล้ว   ไม่ใช่การเวียนว่ายตายเกิดที่หมายถึงตัวตนของบุคคล
ถ้าเปรียบการเกิด แก่ เจ็บ ตาย.....   เป็นทุกข์    ปฏิจจสมุปบาทก็.....เป็นเหตุแห่งทุกข์

ปฏิจจสมุปบาท  เป็นวิชชา  ที่เป็นส่วนหนึ่งในวิชชาสาม....มันเป็นความรู้ของบุคคล
มันไม่ได้หมายถึงตัวบุคคล   หรือจะกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ     บุคคลไม่ได้อยู่ในปฏิจจฯ
แต่ปฏิจจอยู่ในตัวของบุคคล   ความหมายของบุคคลก็คือกายใจนั้นเอง

ดังนั้นอย่ามาเถียงกันด้วยการเอาอวิชชาความไม่รู้มาฟาดฟันกัน   เพราะปฏิจจฯเป็นวิชชาไม่ใช่อวิชชา
เราไม่ได้เกิดตรงส่วนไหนของปฏิจจฯ   แต่ปฏิจจจะเกิดได้แต่ที่กายใจเรา  
และปฏิจจฯอันเกิดที่กายใจย่อมไม่มีอดีตหรืออนาคต(คร่อม๓ชาติ)  เพราะปฏิจจมันพึ่งเกิดขึ้นในกายใจของบุคคลนั้นๆ
บุคคลในอดีตชาติไม่มีปฏิจจฯเพราะมองไม่เห็นไม่มีปัญญารู้   มันจึงไม่มีปฏิจจฯในอดีต
เช่นเดียวกัน  ปฏิจจฯอนาคตย่อมไม่มีเพราะการรู้ปฏิจจฯเป็นการรู้เพื่อละ  

การรู้ปฏิจจฯย่อมส่งผลให้เกิดการละปฏิจจฯนั้น   เพื่อความรู้ในอาสวักขยญาณ(ละกิเลสทั้งปวง)
เหตุนี้จึงกล่าวว่า   ไม่มีปฏิจจฯที่เป็นอนาคต   ปฏิจจสมุปบาทมีเพียงปัจจุบัน......
ปฏิจจฯคร่อม๓ชาติเป็นอวิชชาเป็นความไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาท
หัวเราะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่