คสช.จ่อรื้อรางรถไฟจากขนาด 1 เมตรเปลี่ยนเป็นสแตนดาร์ดเกจ 1.435 เมตร นำร่องรถไฟทางคู่เส้นเชียงของถึงแหลมฉบัง เปิดเส้นทางโลจิสติกส์รองรับการขนส่งสินค้าจากจีนก่อนขยายสู่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านโดยให้สามารถใช้งานได้ทั้งรถไฟและรถไฟฟ้า สั่งสนข.เร่งศึกษาข้อดี-ข้อเสียภายใน 3 เดือน คาดมูลค่าก่อสร้างเพิ่มไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท
แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในการประชุมร่วมของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)โดยพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)รองหัวหน้าคสช. ฝ่ายเศรษฐกิจได้สั่งให้ปรับขนาดรางของโครงการรถไฟทางคู่จากขนาด 1 เมตร เป็น 1.435 เมตร โดยนำร่องในเส้นทางหลักจากเชียงของ-เด่นชัย-นครสวรรค์-ลพบุรี-แหลมฉบัง โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ดำเนินการศึกษาข้อดี-ข้อเสียและงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนี้ นอกจากนั้นยังสนใจที่จะดำเนินการในเส้นทางหนองคาย-ขอนแก่น-นครราชสีมา-แก่งคอย-แหลมฉบังที่สามารถเชื่อมโยงกับจีนผ่านทางสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ได้ด้วยเช่นกัน
alt "คสช.เล็งเห็นว่าจะสามารถเชื่อมโยงกับประเทศจีนในการอำนวยความสะดวกด้านการค้าขายขนส่งสินค้าและการเดินทางเพื่อให้สามารถยกระดับด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของไทยในอนาคตอันใกล้นี้ได้อย่างดี โดยอาจจะต้องทยอยเปลี่ยนขนาดรางรถไฟที่เชื่อมโยงภูมิภาคนี้ให้เป็น 1.435 เมตรด้วยกันทั้งหมด เป็นการก่อสร้างเส้นทางใหม่คู่ขนานเส้นทางเดิมที่เป็นขนาด 1 เมตร ซึ่งจะสามารถใช้ได้ทั้งรถไฟและรถไฟฟ้า คาดว่างบประมาณจะเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน"
ด้านนายชูศักดิ์ เกวี กรรมการ(บอร์ด)การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)กล่าวว่าการประชุมบอร์ดร.ฟ.ท.เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ได้แจ้งให้ทราบว่าหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. พล.อ.อ.ประจินมีนโยบายให้ศึกษากรณีเปลี่ยนขนาดรางเป็นสแตนดาร์ดเกจ(1.435 เมตร)ของโครงการรถไฟทางคู่จากปัจจุบันที่เป็นรางขนาด 1 เมตร ซึ่งตามที่ร.ฟ.ท.จะก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางนั้น โดย 2 เส้นทางคือ ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร จะประมูลได้เร็วก่อน ปัจจุบันเส้นทางรถไฟจะเป็นทางเดี่ยว จึงจะเปลี่ยนเป็นทางคู่ขนาดราง 1.435 เมตรคู่ขนานกับทางเดี่ยวที่มีขนาดราง 1 เมตรเชื่อมโยงในประเทศและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของไทยในปัจจุบัน
"คสช.มีนโยบายจัดทำเป็นขนาดราง 1.435 เมตร โดยเส้นทางนำร่องถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ของประเทศไทยให้สามารถเชื่อมโยงกับจีนให้ได้ แม้ว่าขนาดราง 1 เมตรจะเชื่อมโยงกับหลายประเทศในกลุ่มภูมิภาครอบๆประเทศไทยก็ตาม แต่เนื่องจากจีนสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ได้มากกว่า อีกทั้งไทยจะได้ผลประโยชน์จากจีนมากกว่าที่จะได้จากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังเป็นห่วงว่าจะไปกระทบกับการจัดซื้อหัวรถจักรและขบวนรถใหม่ 115 คันของร.ฟ.ท.ที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการในขณะนี้"
ขณะที่นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่าคสช.เห็นว่าเมื่อไม่มีไฮสปีดเทรนแล้วก็จะทำเป็นรางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตรมาเชื่อมโยงกันกับสปป.ลาวก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอารถไฟรูปแบบไหนไปให้บริการ ซึ่งแล้วแต่ว่าจะพิจารณาความเร็วเท่าไหร่ 160-250-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขบวนรถดีเซลรางที่มีให้บริการอยู่ในปัจจุบันขยายไปใช้กับขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรไม่ได้จึงต้องจัดหาซื้อขบวนรถใหม่ทั้งหมด ส่วนจะใช้ระบบดีเซลหรือรถไฟฟ้าก็ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่จะอนุมัติให้สามารถจัดซื้อในระบบใด ซึ่งสนข.อยู่ระหว่างเร่งสรุปผลการศึกษาก่อนเสนอคสช.ต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ได้แก่ เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการประมูล วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท เส้นทางนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท และเส้นทางบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม วงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท
http://goo.gl/r6SuoX
สั่งปรับรางรับรถไฟจีน คสช.สั่งรื้อ 1 เมตรเป็น 1.435 เมตร
แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในการประชุมร่วมของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)โดยพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)รองหัวหน้าคสช. ฝ่ายเศรษฐกิจได้สั่งให้ปรับขนาดรางของโครงการรถไฟทางคู่จากขนาด 1 เมตร เป็น 1.435 เมตร โดยนำร่องในเส้นทางหลักจากเชียงของ-เด่นชัย-นครสวรรค์-ลพบุรี-แหลมฉบัง โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ดำเนินการศึกษาข้อดี-ข้อเสียและงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนี้ นอกจากนั้นยังสนใจที่จะดำเนินการในเส้นทางหนองคาย-ขอนแก่น-นครราชสีมา-แก่งคอย-แหลมฉบังที่สามารถเชื่อมโยงกับจีนผ่านทางสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ได้ด้วยเช่นกัน
alt "คสช.เล็งเห็นว่าจะสามารถเชื่อมโยงกับประเทศจีนในการอำนวยความสะดวกด้านการค้าขายขนส่งสินค้าและการเดินทางเพื่อให้สามารถยกระดับด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของไทยในอนาคตอันใกล้นี้ได้อย่างดี โดยอาจจะต้องทยอยเปลี่ยนขนาดรางรถไฟที่เชื่อมโยงภูมิภาคนี้ให้เป็น 1.435 เมตรด้วยกันทั้งหมด เป็นการก่อสร้างเส้นทางใหม่คู่ขนานเส้นทางเดิมที่เป็นขนาด 1 เมตร ซึ่งจะสามารถใช้ได้ทั้งรถไฟและรถไฟฟ้า คาดว่างบประมาณจะเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน"
ด้านนายชูศักดิ์ เกวี กรรมการ(บอร์ด)การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)กล่าวว่าการประชุมบอร์ดร.ฟ.ท.เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ได้แจ้งให้ทราบว่าหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. พล.อ.อ.ประจินมีนโยบายให้ศึกษากรณีเปลี่ยนขนาดรางเป็นสแตนดาร์ดเกจ(1.435 เมตร)ของโครงการรถไฟทางคู่จากปัจจุบันที่เป็นรางขนาด 1 เมตร ซึ่งตามที่ร.ฟ.ท.จะก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางนั้น โดย 2 เส้นทางคือ ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร จะประมูลได้เร็วก่อน ปัจจุบันเส้นทางรถไฟจะเป็นทางเดี่ยว จึงจะเปลี่ยนเป็นทางคู่ขนาดราง 1.435 เมตรคู่ขนานกับทางเดี่ยวที่มีขนาดราง 1 เมตรเชื่อมโยงในประเทศและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของไทยในปัจจุบัน
"คสช.มีนโยบายจัดทำเป็นขนาดราง 1.435 เมตร โดยเส้นทางนำร่องถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ของประเทศไทยให้สามารถเชื่อมโยงกับจีนให้ได้ แม้ว่าขนาดราง 1 เมตรจะเชื่อมโยงกับหลายประเทศในกลุ่มภูมิภาครอบๆประเทศไทยก็ตาม แต่เนื่องจากจีนสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ได้มากกว่า อีกทั้งไทยจะได้ผลประโยชน์จากจีนมากกว่าที่จะได้จากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังเป็นห่วงว่าจะไปกระทบกับการจัดซื้อหัวรถจักรและขบวนรถใหม่ 115 คันของร.ฟ.ท.ที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการในขณะนี้"
ขณะที่นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่าคสช.เห็นว่าเมื่อไม่มีไฮสปีดเทรนแล้วก็จะทำเป็นรางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตรมาเชื่อมโยงกันกับสปป.ลาวก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอารถไฟรูปแบบไหนไปให้บริการ ซึ่งแล้วแต่ว่าจะพิจารณาความเร็วเท่าไหร่ 160-250-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขบวนรถดีเซลรางที่มีให้บริการอยู่ในปัจจุบันขยายไปใช้กับขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรไม่ได้จึงต้องจัดหาซื้อขบวนรถใหม่ทั้งหมด ส่วนจะใช้ระบบดีเซลหรือรถไฟฟ้าก็ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่จะอนุมัติให้สามารถจัดซื้อในระบบใด ซึ่งสนข.อยู่ระหว่างเร่งสรุปผลการศึกษาก่อนเสนอคสช.ต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ได้แก่ เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการประมูล วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท เส้นทางนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท และเส้นทางบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม วงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท
http://goo.gl/r6SuoX