ผมอยากจะเล่าและแชร์ประสบการณ์ครั้งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม
ผ่านเรื่องราวที่ผมกลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสือ
ผมอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านดู
สำหรับเหตุการณ์และประสบการณ์ในครั้งนั้น ก็ผ่านมาได้หลายปีแล้ว
ในวันนั้น เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ผมอยู่ในระหว่างการเตรียมตัวการสอบเข้า เพื่อเรียนต่อปริญญาโทในญี่ปุ่น
ระหว่างที่กำลังเดินซื้อของอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต มีสายเข้าโทรศัพท์มือถือ เป็นเบอร์ที่โทรมาจากไทย
ซึ่งเป็นแม่ผมของโทรมานั่นเอง
ในตอนนั้น ผมแอบเอ๊ะใจเล็กน้อยว่า ทำไมแม่ผมถึงโทรมาหาผมเวลานี้ ปกติจะโทรมาตอนหัวค่ำหรือดึกกว่านี้
ผมจึงรีบรับสาย เพราะคิดว่าต้องมีเรื่องเร่งด่วนอะไรอย่างแน่นอน
แม่ : ตอนนี้หนูอยู่ไหน คุยได้หรือเปล่า (ปกติแม่ผมจะเรียกผมว่าหนู หรือเรียกชื่อเล่น)
ผม : คุยได้ตอนนี้ ซื้อของอยู่น่ะ มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าแม่
แม่ : คือแม่มีเรื่องจะบอกหนูนะ มันเป็นเรื่องที่หนูต้องรู้ ...
ผม : อ่า... (ในใจของผมตอนนั้น รู้สึกหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้ว่าเรื่องที่แม่ผมกำลังจะบอก ต้องเป็นเดียวกันกับที่ผมกำลังคิดแน่ๆ)
แม่ : ป๊าเค้าไปดีแล้วนะลูก ป๊าเค้าไม่อยู่กับเราแล้ว (ป๊า คือพ่อของผมนะครับ ที่บ้านเค้าจะเรียกกันแบบนี้)
ผม : แม่พูดจริงๆ หรอ
ในความรู้สึกตอนนั้น ภาพทุกอย่างที่เคยมีกับพ่อของผม ก็พรั่งพรูเข้ามาอยู่ในสายตาและความนึกคิดของผมในขณะนั้น
มันเป็นภาพทุกภาพที่เราเคยอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่เด็กจนโต
แล้วหลังจากนั้น น้ำตาก็ค่อยๆเอ่อและไหลออกมา อาบแก้มอย่างช้าๆ
มันเป็นความรู้สึกเสียใจที่ผมเตรียมใจมานาน
พ่อผมเค้ามีโรคประจำตัวและเป็นอัมพฤกษ์ สุขภาพไม่ดีมานานหลายปี
ผมรู้ว่า ยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง...
ผม : ป๊าเค้าเสียเมื่อไหร่ อ่ะแม่
แม่ : ป๊าเค้าเสียได้ 2-3 วันแล้ว แต่แม่ไม่กล้าบอกหนู เพราะกลัวว่าหนูจะไม่มีสมาธิในการสอบ
แต่พอแม่ได้คุยกับญาติๆด้วยกัน เค้าบอกว่าให้แม่บอกหนูดีกว่า
เดี๋ยวหนูมารู้ทีหลัง หลังจากที่ป๊าเค้าเผาไปเรียบร้อยแล้วหนูจะเสียใจไปมากกว่านี้
ผม : อืม ดีแล้วล่ะที่แม่มาบอก จะรีบกลับไปงานศพของป๊านะ ...
แม่ : ถ้าหนูติดธุระจริงๆ หนูไม่ต้องกลับมาก็ได้ แม่เป็นห่วงว่าหนูจะไม่ไหว แถมเพิ่งไปอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ 2-3 เดือนเอง..
ผม : ไม่เป็นไรแม่ สอบเสร็จแล้วหนูจะรีบกลับไปงานศพของป๊า พรุ่งนี้จะรีบไปจองตั๋วให้ทันแล้วกัน แล้วเดี๋ยวหนูจะรีบบอกแม่อีกที ..
คุยกันได้สักพัก ผมก็วางสายจากแม่
หลังจากที่วางโทรศัพท์จากแม่ไป
ความรู้สึกในตอนนั้น ผมรู้สึกว่า ผมสิ้นหวังและเสียใจมาก ผมไม่มีโอกาสที่จะได้คุยกับพ่อของตัวเอง ก่อนที่จะเสียเค้าไป
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนยังมีโอกาสได้คุยกันทางโทรศัพท์อยู่เลย
ผมร้องไห้...และเดินออกมา รอขึ้นรถประจำทางเพื่อเดินทางกลับหอ
เมื่อมาถึงห้อง ผมเข้าไปอาบน้ำเพื่อพยายามล้างความรู้สึกเสียใจ แต่ก็ยังคงอาบน้ำทั้งน้ำตา
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พยายามจะเข้านอน แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับ
ผมคิดว่า ผมน่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
ผมจึงลุกขึ้นมาสวดมนต์ให้กับพ่อของผม
ปกติแล้ว ผมเป็นคนค่อนข้างขี้กลัวเรื่องผี แต่ในวันนั้น ผมอยากให้พ่อผมมาเข้าฝันหรือมาเจอผม
ผมบอกกับตัวเองว่าผมคงจะไม่กลัว ถ้าเป็นเค้ามาจริงๆ
ตั้งใจและเตรียมตัวไว้แล้ว
คืนนั้นกว่าผมจะนอนหลับได้ ก็เกือบตีสาม...
ปาฏิหาริย์และความทรงจำที่มิอาจลืมเลือน จากประสบการณ์จริงในตอนตกเครื่องบินที่ญี่ปุ่น
ผ่านเรื่องราวที่ผมกลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสือ
ผมอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านดู
สำหรับเหตุการณ์และประสบการณ์ในครั้งนั้น ก็ผ่านมาได้หลายปีแล้ว
ในวันนั้น เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ผมอยู่ในระหว่างการเตรียมตัวการสอบเข้า เพื่อเรียนต่อปริญญาโทในญี่ปุ่น
ระหว่างที่กำลังเดินซื้อของอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต มีสายเข้าโทรศัพท์มือถือ เป็นเบอร์ที่โทรมาจากไทย
ซึ่งเป็นแม่ผมของโทรมานั่นเอง
ในตอนนั้น ผมแอบเอ๊ะใจเล็กน้อยว่า ทำไมแม่ผมถึงโทรมาหาผมเวลานี้ ปกติจะโทรมาตอนหัวค่ำหรือดึกกว่านี้
ผมจึงรีบรับสาย เพราะคิดว่าต้องมีเรื่องเร่งด่วนอะไรอย่างแน่นอน
แม่ : ตอนนี้หนูอยู่ไหน คุยได้หรือเปล่า (ปกติแม่ผมจะเรียกผมว่าหนู หรือเรียกชื่อเล่น)
ผม : คุยได้ตอนนี้ ซื้อของอยู่น่ะ มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าแม่
แม่ : คือแม่มีเรื่องจะบอกหนูนะ มันเป็นเรื่องที่หนูต้องรู้ ...
ผม : อ่า... (ในใจของผมตอนนั้น รู้สึกหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้ว่าเรื่องที่แม่ผมกำลังจะบอก ต้องเป็นเดียวกันกับที่ผมกำลังคิดแน่ๆ)
แม่ : ป๊าเค้าไปดีแล้วนะลูก ป๊าเค้าไม่อยู่กับเราแล้ว (ป๊า คือพ่อของผมนะครับ ที่บ้านเค้าจะเรียกกันแบบนี้)
ผม : แม่พูดจริงๆ หรอ
ในความรู้สึกตอนนั้น ภาพทุกอย่างที่เคยมีกับพ่อของผม ก็พรั่งพรูเข้ามาอยู่ในสายตาและความนึกคิดของผมในขณะนั้น
มันเป็นภาพทุกภาพที่เราเคยอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่เด็กจนโต
แล้วหลังจากนั้น น้ำตาก็ค่อยๆเอ่อและไหลออกมา อาบแก้มอย่างช้าๆ
มันเป็นความรู้สึกเสียใจที่ผมเตรียมใจมานาน
พ่อผมเค้ามีโรคประจำตัวและเป็นอัมพฤกษ์ สุขภาพไม่ดีมานานหลายปี
ผมรู้ว่า ยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง...
ผม : ป๊าเค้าเสียเมื่อไหร่ อ่ะแม่
แม่ : ป๊าเค้าเสียได้ 2-3 วันแล้ว แต่แม่ไม่กล้าบอกหนู เพราะกลัวว่าหนูจะไม่มีสมาธิในการสอบ
แต่พอแม่ได้คุยกับญาติๆด้วยกัน เค้าบอกว่าให้แม่บอกหนูดีกว่า
เดี๋ยวหนูมารู้ทีหลัง หลังจากที่ป๊าเค้าเผาไปเรียบร้อยแล้วหนูจะเสียใจไปมากกว่านี้
ผม : อืม ดีแล้วล่ะที่แม่มาบอก จะรีบกลับไปงานศพของป๊านะ ...
แม่ : ถ้าหนูติดธุระจริงๆ หนูไม่ต้องกลับมาก็ได้ แม่เป็นห่วงว่าหนูจะไม่ไหว แถมเพิ่งไปอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ 2-3 เดือนเอง..
ผม : ไม่เป็นไรแม่ สอบเสร็จแล้วหนูจะรีบกลับไปงานศพของป๊า พรุ่งนี้จะรีบไปจองตั๋วให้ทันแล้วกัน แล้วเดี๋ยวหนูจะรีบบอกแม่อีกที ..
คุยกันได้สักพัก ผมก็วางสายจากแม่
หลังจากที่วางโทรศัพท์จากแม่ไป
ความรู้สึกในตอนนั้น ผมรู้สึกว่า ผมสิ้นหวังและเสียใจมาก ผมไม่มีโอกาสที่จะได้คุยกับพ่อของตัวเอง ก่อนที่จะเสียเค้าไป
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนยังมีโอกาสได้คุยกันทางโทรศัพท์อยู่เลย
ผมร้องไห้...และเดินออกมา รอขึ้นรถประจำทางเพื่อเดินทางกลับหอ
เมื่อมาถึงห้อง ผมเข้าไปอาบน้ำเพื่อพยายามล้างความรู้สึกเสียใจ แต่ก็ยังคงอาบน้ำทั้งน้ำตา
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พยายามจะเข้านอน แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับ
ผมคิดว่า ผมน่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
ผมจึงลุกขึ้นมาสวดมนต์ให้กับพ่อของผม
ปกติแล้ว ผมเป็นคนค่อนข้างขี้กลัวเรื่องผี แต่ในวันนั้น ผมอยากให้พ่อผมมาเข้าฝันหรือมาเจอผม
ผมบอกกับตัวเองว่าผมคงจะไม่กลัว ถ้าเป็นเค้ามาจริงๆ
ตั้งใจและเตรียมตัวไว้แล้ว
คืนนั้นกว่าผมจะนอนหลับได้ ก็เกือบตีสาม...