สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน
คือปัญหาของเราที่จะปรึกษาเพื่อนๆในวันนี้ เป็นเรื่องเรื้อรังมาสักระยะใหญ่แล้ว ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี รบกวนเพื่อนๆช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ
ครอบครัวเราตอนนี้มี 4 คน คือ เรา แม่ ยาย และน้องสาว
พ่อกับแม่เราแยกทางกันตั้งแต่เราอยู่ ป.6 ตอนนี้เราเรียนจบแล้วทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในกทม. ส่วนน้องกำลังเรียนอยู่ ปวช.ปี2 ค่ะ แต่ปัญหาที่หนักใจมันอยู่ที่แม่ และยายของเราค่ะ คือแม่เราอายุประมาณ 39 ปี แม่เป็นคนเฟรนลี่อัธยาศัยดี มักจะมีผู้ชายเข้ามาขายขนมจีบ และอยากเข้ามาผัวพันด้วยเสมอ ซึ่งทุกครั้งที่มีคนเข้ามาข้องเกี่ยวกับแม่เรา ก็มักจะเป็นคนที่มีพันธะ(คนที่มีครอบครัวแล้ว โดยที่ฝ่ายทางแม่เรารับรู้แต่อีกฝ่ายก็คงไม่รู้) หรือเป็นคนที่แม่ต้องคอยเกื้อหนุนตอนเวลา ซึ่งยายเราค่อนข้างเครียด กังวล และมักมีปากเสียงกันเป็นประจำ
คนล่าสุดที่เข้ามาเขาเป็นอดีตนายตำรวจคนหนึ่งเกษียรอายุราชการแล้ว(อายุไล่เลี่ยกับยายเราเสียด้วยซ้ำ) คนนี้จะแตกต่างกับคนอื่นๆที่เข้ามาคือเขาเหมือนอยากจะเข้ามาช่วยรับผิดชอบซื้อข้าวซื้อของในบ้านให้ แรกๆยายเราก็ไม่ปลื้มเอาอย่างมาก เพราะเขามีครอบครัวแล้วยายไม่อยากให้แม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ก็นะไม่รู้จะพูดยังไงแกก็เครียดและเก็บไปคิดมากเสมอ แต่ชีวิตแม่เราไม่ได้มีแค่นี้หน่ะสิ ยังมีผู้ชายอีกคนที่ข้องเกี่ยวด้วย(คนนี้ขอใช้นามว่านาย ก. และกันนะ)
นาย ก. คุยกับแม่มาก่อนนายตำรวจคนนี้ประมาณ 3 ปี แต่ด้วยพันธะที่นาย ก. ต้องรับผิดชอบ คือ มีพ่อที่ป่วยซึ่งต้องส่งเงินให้ทางญาติเลี้ยงดูพ่อประมาณเดือนละ5000 บาท แม่ก็ยังติดต่อกับนาย ก. อยู่ เพราะเขาให้เหตุผลกะเราว่ามันไม่ได้เสียหายอะไร นั่นก็ยิ่งเพิ่มความเครียดให้ยายเราเข้าไปอีก เท่าที่เราได้คุยกะยายคือท่านไม่อยากให้แม่เป็นแบบนี้คือจะคบกับใครก็คบให้เป็นคนๆ และคบกับคนที่เราไม่ต้องไปหมดกับเขา(หมายถึง ต้องสนับสนุนไปสิ้นเปลืองกับเขาทุกเรื่อง) แต่ทุกครั้งที่ยายพูดก็ทะเลาะกับแม่ทุกครั้ง จนปัจจุบันพูดจากันไม่ได้สักคำ เหมือนขวางหูขวางตากันไปหมด โดยแม่มักจะโวยวายใส่ยายเสมอ ว่าจะอะไรกันนักหนา แล้วจากนั้นก็แหกปากโวยวายกันลั่นบ้าน บ้านเราปัจจุบันนี้จากบ้านที่อบอุ่นดูเหมือนไม่ได้เป็นบ้านเสียด้วยซ้ำ
ล่าสุดเหตุการณ์ก็หนักเข้าไปอีก คือ ยายทราบว่าแม่แอบจ้างคนรู้จักคนนึงเลี้ยงดูพ่อของนาย ก. เดือนละ3000 บาท ยังไม่รวมค่าอื่นๆ ซึ่งยายรู้มาจากคนรู้จักคนนั้นมาบอกด้วยตัวเองหลังจาก นาย ก. และแม่ ส่งพ่อของนายก. กลับบ้าน (ยายบอกเราว่าจ้างเลี้ยงดูประมาณ 3 เดือน) เรารู้เรายังโกรธมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะได้แต่รับฟังปัญหาที่ยายระบายเท่านั้น เรื่องนี้ยายก็ไม่กล้าพูดหรือโวยวายกับแม่เพราะกลัวบ้านแตก
คือ ยิ่งนับวันปัญหาที่เข้ามาก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่แม่เคยมีเคยสนใจครอบครัวก็ลดลงไปด้วย เช่น เคยกินข้าวพร้อมกัน ก็รีบกินหรือบางครั้งกินไม่ถึง 2 คำ โทรศัพท์ก็โทรเข้ามาแกก็เดินไปคุยนอกบ้าน หลายๆอย่างเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่ระยะห่างของคนในครอบครัวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เราก็ทำงานอยู่กทม. ไม่ได้อยู่บ้านก็ได้แต่เครียดและเป็นห่วง ก็ได้แต่หวังว่าครอบครัวเล็กๆจะกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม หลายครั้งที่เราบอกให้ยายปล่อยวางไม่ต้องคิด ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเอาเรื่องแม่มาใส่ใจ แต่ยายก็ทำไม่ได้พูดได้แค่ก็กูห่วงเขา เฮ่อ!!!
ส่วนทางแม่เองเราก็เคยคุยเรื่องคนที่เข้ามานะ แต่แม่ก็บอกว่าจะอะไรมากมาย ชีวิตของเขาไม่ต้องมาใส่ใจ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายคิดโน้นคิดนี่ เดี๋ยวเรื่องนี้จบ เรื่องนั้นต่อ เขาเข้ามาก็ไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อน!!!
ต่างคนก็ต่างมุมมอง เรายิ่งคิดก็ยิ่งท้อ ไม่รู้จะทำยังไงให้บ้านเรากลับมาเหมือนเดิม หันหน้ามาคุยกันเหมือนบ้านอื่นๆ ตอนนี้ก็สงสารน้องที่ต้องทนฟังสงครามประสาทระหว่างแม่และยาย เพื่อนๆช่วยเราที ถ้าเพื่อนๆเจอปัญหาแบบนี้ จะทำยังไง????
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ สำหรับทุกความคิดเห็น
สงครามประสาทระหว่างแม่และยาย
คือปัญหาของเราที่จะปรึกษาเพื่อนๆในวันนี้ เป็นเรื่องเรื้อรังมาสักระยะใหญ่แล้ว ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี รบกวนเพื่อนๆช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ
ครอบครัวเราตอนนี้มี 4 คน คือ เรา แม่ ยาย และน้องสาว
พ่อกับแม่เราแยกทางกันตั้งแต่เราอยู่ ป.6 ตอนนี้เราเรียนจบแล้วทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในกทม. ส่วนน้องกำลังเรียนอยู่ ปวช.ปี2 ค่ะ แต่ปัญหาที่หนักใจมันอยู่ที่แม่ และยายของเราค่ะ คือแม่เราอายุประมาณ 39 ปี แม่เป็นคนเฟรนลี่อัธยาศัยดี มักจะมีผู้ชายเข้ามาขายขนมจีบ และอยากเข้ามาผัวพันด้วยเสมอ ซึ่งทุกครั้งที่มีคนเข้ามาข้องเกี่ยวกับแม่เรา ก็มักจะเป็นคนที่มีพันธะ(คนที่มีครอบครัวแล้ว โดยที่ฝ่ายทางแม่เรารับรู้แต่อีกฝ่ายก็คงไม่รู้) หรือเป็นคนที่แม่ต้องคอยเกื้อหนุนตอนเวลา ซึ่งยายเราค่อนข้างเครียด กังวล และมักมีปากเสียงกันเป็นประจำ
คนล่าสุดที่เข้ามาเขาเป็นอดีตนายตำรวจคนหนึ่งเกษียรอายุราชการแล้ว(อายุไล่เลี่ยกับยายเราเสียด้วยซ้ำ) คนนี้จะแตกต่างกับคนอื่นๆที่เข้ามาคือเขาเหมือนอยากจะเข้ามาช่วยรับผิดชอบซื้อข้าวซื้อของในบ้านให้ แรกๆยายเราก็ไม่ปลื้มเอาอย่างมาก เพราะเขามีครอบครัวแล้วยายไม่อยากให้แม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ก็นะไม่รู้จะพูดยังไงแกก็เครียดและเก็บไปคิดมากเสมอ แต่ชีวิตแม่เราไม่ได้มีแค่นี้หน่ะสิ ยังมีผู้ชายอีกคนที่ข้องเกี่ยวด้วย(คนนี้ขอใช้นามว่านาย ก. และกันนะ)
นาย ก. คุยกับแม่มาก่อนนายตำรวจคนนี้ประมาณ 3 ปี แต่ด้วยพันธะที่นาย ก. ต้องรับผิดชอบ คือ มีพ่อที่ป่วยซึ่งต้องส่งเงินให้ทางญาติเลี้ยงดูพ่อประมาณเดือนละ5000 บาท แม่ก็ยังติดต่อกับนาย ก. อยู่ เพราะเขาให้เหตุผลกะเราว่ามันไม่ได้เสียหายอะไร นั่นก็ยิ่งเพิ่มความเครียดให้ยายเราเข้าไปอีก เท่าที่เราได้คุยกะยายคือท่านไม่อยากให้แม่เป็นแบบนี้คือจะคบกับใครก็คบให้เป็นคนๆ และคบกับคนที่เราไม่ต้องไปหมดกับเขา(หมายถึง ต้องสนับสนุนไปสิ้นเปลืองกับเขาทุกเรื่อง) แต่ทุกครั้งที่ยายพูดก็ทะเลาะกับแม่ทุกครั้ง จนปัจจุบันพูดจากันไม่ได้สักคำ เหมือนขวางหูขวางตากันไปหมด โดยแม่มักจะโวยวายใส่ยายเสมอ ว่าจะอะไรกันนักหนา แล้วจากนั้นก็แหกปากโวยวายกันลั่นบ้าน บ้านเราปัจจุบันนี้จากบ้านที่อบอุ่นดูเหมือนไม่ได้เป็นบ้านเสียด้วยซ้ำ
ล่าสุดเหตุการณ์ก็หนักเข้าไปอีก คือ ยายทราบว่าแม่แอบจ้างคนรู้จักคนนึงเลี้ยงดูพ่อของนาย ก. เดือนละ3000 บาท ยังไม่รวมค่าอื่นๆ ซึ่งยายรู้มาจากคนรู้จักคนนั้นมาบอกด้วยตัวเองหลังจาก นาย ก. และแม่ ส่งพ่อของนายก. กลับบ้าน (ยายบอกเราว่าจ้างเลี้ยงดูประมาณ 3 เดือน) เรารู้เรายังโกรธมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะได้แต่รับฟังปัญหาที่ยายระบายเท่านั้น เรื่องนี้ยายก็ไม่กล้าพูดหรือโวยวายกับแม่เพราะกลัวบ้านแตก
คือ ยิ่งนับวันปัญหาที่เข้ามาก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่แม่เคยมีเคยสนใจครอบครัวก็ลดลงไปด้วย เช่น เคยกินข้าวพร้อมกัน ก็รีบกินหรือบางครั้งกินไม่ถึง 2 คำ โทรศัพท์ก็โทรเข้ามาแกก็เดินไปคุยนอกบ้าน หลายๆอย่างเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่ระยะห่างของคนในครอบครัวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เราก็ทำงานอยู่กทม. ไม่ได้อยู่บ้านก็ได้แต่เครียดและเป็นห่วง ก็ได้แต่หวังว่าครอบครัวเล็กๆจะกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม หลายครั้งที่เราบอกให้ยายปล่อยวางไม่ต้องคิด ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเอาเรื่องแม่มาใส่ใจ แต่ยายก็ทำไม่ได้พูดได้แค่ก็กูห่วงเขา เฮ่อ!!!
ส่วนทางแม่เองเราก็เคยคุยเรื่องคนที่เข้ามานะ แต่แม่ก็บอกว่าจะอะไรมากมาย ชีวิตของเขาไม่ต้องมาใส่ใจ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายคิดโน้นคิดนี่ เดี๋ยวเรื่องนี้จบ เรื่องนั้นต่อ เขาเข้ามาก็ไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อน!!!
ต่างคนก็ต่างมุมมอง เรายิ่งคิดก็ยิ่งท้อ ไม่รู้จะทำยังไงให้บ้านเรากลับมาเหมือนเดิม หันหน้ามาคุยกันเหมือนบ้านอื่นๆ ตอนนี้ก็สงสารน้องที่ต้องทนฟังสงครามประสาทระหว่างแม่และยาย เพื่อนๆช่วยเราที ถ้าเพื่อนๆเจอปัญหาแบบนี้ จะทำยังไง????
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ สำหรับทุกความคิดเห็น