เรื่องแรก
ตอนสมัยเด็ก ๆ อายุประมาณ 7 - 8ขวบได้ แม่ได้ย้ายบ้านไปเช่าตึกแถวในซอยท่าพระ ตอนนั้นไม่มี เดอะมอลล์ท่าพระ และ ยังไม่ไดัตัดถนนหน้ามอลล์ท่าพระเลย จำได้ว่า แม่เราเค้าเอากุมารจากคนทรงเจ้าเข้ามาด้วย
คืนแรกที่นอนก็ไม่มีอะไรมาก แต่คืนต่อ ๆ มานี่สิ เหมือนเวลานอน (ซึ่งเราจะนอนนอกห้องแม่ บ้านเป็นบ้านสองชั้น 1 ห้องนอน) เรานอนชั้นสองแต่นอกห้องแม่
เวลานอนก็รู้สึกมีใครมาผลักตัวให้กลิ้งออกจากที่นอน ตอนแรกก็คิดว่าละเมอ อืมกลิ้งกลับไปนอนที่เดิมใหม่ จะเป็นอย่างนี้ทุกคืน และ ก็เกือบตลอดคืน จนไม่สนใจ ด้วยความเป็นเด็กอะ กลิ้งไปกรูก็นอนต่อได้
แต่อันที่เอาจับไข้จนเข้า รพ. เลย ก็มีคืนหนึ่งนอนอยู่ แบบว่าเราเป็นคนบ้าจี้ ปรากฏว่ามีมือมาจี้เอวตลอด พร้อมกับจับเรากลิ้งไปกลิ้งมา ตื่นขึ้นมองก็ไม่เห็นใคร ตะโกนเรียกแม่ก็ไม่มีเสียง โอ๊ย ทั้งดิ้นพล่าด ๆๆๆๆ เพราะบ้าจี้ หัวเราะเหมือนคนบ้า แถมตัวกลิ้งไปกลิ้งมาตลอด ไอ้น้องที่นอนข้าง ๆ ก็ไม่ตื่นสักที
จนรุ่งเช้าจับไข้ไปนอน รพ. เลย เรื่องนี้ถามแม่ แม่ก็บอกว่าพี่เค้ามาเล่นด้วย เฮ้อ เอากรูเกือบ ซี้ม่องเท่ง
เรื่องที่สอง
พอแม่เห็นว่าพี่กุมารซนมาก ก็เอาไปคืน พร้อมกับย้ายบ้านใหม่ ก็เป็นบ้านตึกแถว ที่มี สามชั้นแต่ชั้นสองเป็นพี้นไม้ เวลาเดินก็จะได้ยินคนเดินอยู่ด้านบน
ที่บ้านหลังนี้พวกเราเวลานั่งดูทีวีอยู่ชั้นหนึ่งเวลากลางคืน ก็จะได้ยินเสียงคนวิ่ง ตึง ๆ ๆ บนชั้นสอง พ่อแม่ลูก มองหน้ากัน เอะ สมาชิกที่นั่งครบหน้าทีวีนี่หว่า
เราใครเดินอยู่ข้างขน คราวนี้แม่เดินไปดูแล้ว ก็ลงมาบอกว่าไม่มีอะไร
พวกเราก็ไม่สนใจ ด้วยว่าเป็นเด็ก พออยู่ได้สักพักก็จะรู้สึกว่าทำไมมันมีเสียงวิ่ง ตึง ๆ ทุกวัน หรือ คนข้างบ้านเน้อ เป็นอย่างนี้ตลอดเลยเวลาเดิมทุกวัน
ในละแวกซอยบ้านหลังใหม่นี้ พวกแม่บ้านมักจะมาขอยืมเครื่องครัว น้ำตาล ไข่ น้ำมัน พืช น้ำปลา ตามปกติ มีอยู่วันไม่ใครอยู่บ้านเพื่อนบ้านที่สนิท ๆ กันเขามีกุญแจบ้านเราอยู่เพราะ แม่เราฝากเค้าไว้ เค้าก็กะว่าจะมาเอาไข่ในตู้เย็นบ้านเราสักหน่อย (อันนี้แกมาเล่าให้พวกเราฟังทีหลังเกิดเหตุการณ์นะ)
แกก็ เปิดประตูบ้านเข้ามา บ้านมันก็มืด ๆ หน่อย เพราะไม่ได้เปิดไฟ แกเดินมาถึงตู้เย็น แกมองไปตรงห้องครัวบ้านเราเพราะรู้สึกว่า มีคนกำลังมองแกอยู่
แกมองสบตากลับไปคิดว่าเป็น คนงานบ้านเรา แต่เปล่ากลับเป็นเงาดำ ๆ ของผู้หญิงยืนอยู่ แกก็เพ่งใหญ่ ใครหว่ายืนมองกรุเนี่ย ยิ่งมองยิ่งใช่
ไม่ใช่คนที่แกเคยเห็นแน่ ๆ และ ภาพมันจาง ๆ เหมือนภาพซ้อน แกวิ่งเลย
หลังจากเหตุการณ์นี้ ไม่มีใครมาเปิดบ้านเราซี้ซั้วเลย
ส่วนพวกเราเหรอ แม่กะพ่อไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังนะ เรากะน้องสาวตอนนั้นอายุประมาณ 10 -12 ขวบ เวลานอนบนห้องชั้นสามก็จะมองไปที่ประตู
ห้อง ที่ประตูห้องก็จะมีเงาผู้หญิงผมยาว ๆ เงา ดำ ๆ ที่ประตูทุกคืน จนเราสองคนจะชี้บอกกันว่า เห็นไหม เราก็ตอบว่าเห็น หรือไม่น้องก็จะรีบคลุมโปง
จะเป็นอย่างนี้ตลอด เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ว่า ว่าไร้สาระ ผีมีที่ไหน จนมีอยู่วันเราไม่ไหวแล้วก็เลยเข้าห้องพระไปไหว้ขอพระว่า หนูไม่ไหวแล้ว อย่าให้ผีมาหลอกทุกคืนได้ไหม พวกหนูกลัว หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้เห็น เท่าไหร่จนไม่เห็นเลย ก็หลายวันอยู่หลังจากที่ไปไหว้พระในห้องพระ
เรื่องที่สาม
เรื่องเกิดตอนเราเรียนมหาวิทยาลัยแล้วแต่ยังอยู่บ้านหลังที่สองนี้
ไอ้เสียงวิ่งตึง ๆ ก็ยังดังทุกวันจนเราโตเนี่ยหล่ะ เพราะไม่รู้จะทำไง และอีกอย่างเค้าไม่ได้ทำความเดือนร้อนให้พวกเรา แต่ดีอย่างบ้านเราไม่ใครกล้าซี้ซั้วเข้ามาเลย พวกเพื่อนบ้านที่ชอบเข้ามาหยิบโน่นหยิบนี่ก็ไม่มีใครกล้า ต่างบอกว่าบ้านเราเจ้าที่แรงมาก
ย้อนกลับมาเรื่องเสียงวิ่งตึง ๆ วันนั้นเราทะเลาะกะแฟนเรากำลังโมโห หลังจากที่เค้ากลับบ้านไป ไอ้เสียงตึง ๆ ก็ดังขึ้นอีก เราประมาณ แมร่งอะไรวะ ดังจนกรูเป็นสาว ผีที่ไหน ไม่มีหรอกจะขึ้นไปพิสูจน์ พอดังปั๊บ เราวิ่งขึ้นไปดูเลยอย่างเร็วเลย เปิดประตูที่ปิดระหว่างชั้นตรงบันไดปุ๊บ เข่าอ่อนเลย นั่งอยู่ตัวใส ๆ ผู้หญิงผมสั้น หันมายิ้มหวาน ใส่เสื้อเชิ้ตสีสว่าง ๆ กางเกง ตัวเค้าโปร่งแสง เรานิ่งอึ้งปิดประตูปัง ตะโกน "ผีหลอก" แม่กะพ่อวิ่งมา บอกไหน ๆ เปิดไป ไม่มีอะไรแล้ว จากเหตุการณ์วันนั้น ทุกคนในบ้านรู้ดีเลยว่าถ้ามีเสียงเดิน วิ่ง บนบ้านชั้นสองอย่างผลีผลามไปดู
เรื่องที่สี่
เรื่องนี้ก็เกิดที่บ้านนี้แหละ ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย กลับมาถึงบ้านประมาณ 5 -6 โมงเย็น เหนื่อยมากก็นอน
สักพักรู้สึกมีลมพัดมาที่ตัววูบหนึ่งก่อนที่นะลืมตามองว่าอะไรก็ได้ยินเสียงผู้หญิงมากระซิบที่หูว่า "หิวข้าว" และก็มีลมพัดอีกวูบ ไม่ใช่พัดลมแน่ เพราะกลับมายังไม่ได้เปิดพัดลม เนื่องจากว่าตอนนั้นอากาศเย็นสบายดีอยู่ พอได้ยินก็เด้งเลยดิ เด้งวิ่งลงมา แม่ ลุง ที่นั่งอยู่ชั้นล่างตกใจว่าเกิดอะไรอีกเนี่ยลูกกรู
"แม่ ๆ ได้ยินคนบอกหิวข้าวอะ" จบปุ๊บ ร้องไห้เลย กลัวอะ เสียงมันเย็น ๆ ยะเยือก ๆ
เรื่องที่ห้า
เรื่องนี้เกิดตอนเราแต่งงานแล้วย้ายเข้าบ้านใหม่ได้สักพัก ตอนนั้นอยู่บ้านคนเดียว แฟนไปต่างจังหวัด ตอนนั้นเวลาประมาณสองทุ่มกว่า กำลังจะเดินไปปิดบ้าน
เปิดประตูออกไปปุ๊บ เจอผู้ชายตัวใส ๆ เขียว ๆ ไม่ใส่เสื้อ ผมสั้น ๆ ตัวผอม ๆ ใส่กางเกงขาสั้น ๆ ไม่ชัดเจน ยืนพิงกำแพงบ้านด้านนอกอยู่เรา นึกว่าขโมยก็ดึงประตูปิดทันที ในใจคิด ใครอะ ขโมยแน่ ๆ แต่ขโมยทำไมมายืนเฉย ๆ แล้วภาพคนทำไมไม่ชัด ทำตัวเขียว ๆ ใส ๆ โปร่ง ๆ อะ เปิดออกไปดูใหม่ไม่อยู่แล้ว คราวนี้วิ่งขึ้นบ้านไปเลย
แหะ ๆ ปัจจุบันนี้ไม่ได้เจอเค้าแล้วอะ
อยากเล่าเรื่องผีบ้าง
ตอนสมัยเด็ก ๆ อายุประมาณ 7 - 8ขวบได้ แม่ได้ย้ายบ้านไปเช่าตึกแถวในซอยท่าพระ ตอนนั้นไม่มี เดอะมอลล์ท่าพระ และ ยังไม่ไดัตัดถนนหน้ามอลล์ท่าพระเลย จำได้ว่า แม่เราเค้าเอากุมารจากคนทรงเจ้าเข้ามาด้วย
คืนแรกที่นอนก็ไม่มีอะไรมาก แต่คืนต่อ ๆ มานี่สิ เหมือนเวลานอน (ซึ่งเราจะนอนนอกห้องแม่ บ้านเป็นบ้านสองชั้น 1 ห้องนอน) เรานอนชั้นสองแต่นอกห้องแม่
เวลานอนก็รู้สึกมีใครมาผลักตัวให้กลิ้งออกจากที่นอน ตอนแรกก็คิดว่าละเมอ อืมกลิ้งกลับไปนอนที่เดิมใหม่ จะเป็นอย่างนี้ทุกคืน และ ก็เกือบตลอดคืน จนไม่สนใจ ด้วยความเป็นเด็กอะ กลิ้งไปกรูก็นอนต่อได้
แต่อันที่เอาจับไข้จนเข้า รพ. เลย ก็มีคืนหนึ่งนอนอยู่ แบบว่าเราเป็นคนบ้าจี้ ปรากฏว่ามีมือมาจี้เอวตลอด พร้อมกับจับเรากลิ้งไปกลิ้งมา ตื่นขึ้นมองก็ไม่เห็นใคร ตะโกนเรียกแม่ก็ไม่มีเสียง โอ๊ย ทั้งดิ้นพล่าด ๆๆๆๆ เพราะบ้าจี้ หัวเราะเหมือนคนบ้า แถมตัวกลิ้งไปกลิ้งมาตลอด ไอ้น้องที่นอนข้าง ๆ ก็ไม่ตื่นสักที
จนรุ่งเช้าจับไข้ไปนอน รพ. เลย เรื่องนี้ถามแม่ แม่ก็บอกว่าพี่เค้ามาเล่นด้วย เฮ้อ เอากรูเกือบ ซี้ม่องเท่ง
เรื่องที่สอง
พอแม่เห็นว่าพี่กุมารซนมาก ก็เอาไปคืน พร้อมกับย้ายบ้านใหม่ ก็เป็นบ้านตึกแถว ที่มี สามชั้นแต่ชั้นสองเป็นพี้นไม้ เวลาเดินก็จะได้ยินคนเดินอยู่ด้านบน
ที่บ้านหลังนี้พวกเราเวลานั่งดูทีวีอยู่ชั้นหนึ่งเวลากลางคืน ก็จะได้ยินเสียงคนวิ่ง ตึง ๆ ๆ บนชั้นสอง พ่อแม่ลูก มองหน้ากัน เอะ สมาชิกที่นั่งครบหน้าทีวีนี่หว่า
เราใครเดินอยู่ข้างขน คราวนี้แม่เดินไปดูแล้ว ก็ลงมาบอกว่าไม่มีอะไร
พวกเราก็ไม่สนใจ ด้วยว่าเป็นเด็ก พออยู่ได้สักพักก็จะรู้สึกว่าทำไมมันมีเสียงวิ่ง ตึง ๆ ทุกวัน หรือ คนข้างบ้านเน้อ เป็นอย่างนี้ตลอดเลยเวลาเดิมทุกวัน
ในละแวกซอยบ้านหลังใหม่นี้ พวกแม่บ้านมักจะมาขอยืมเครื่องครัว น้ำตาล ไข่ น้ำมัน พืช น้ำปลา ตามปกติ มีอยู่วันไม่ใครอยู่บ้านเพื่อนบ้านที่สนิท ๆ กันเขามีกุญแจบ้านเราอยู่เพราะ แม่เราฝากเค้าไว้ เค้าก็กะว่าจะมาเอาไข่ในตู้เย็นบ้านเราสักหน่อย (อันนี้แกมาเล่าให้พวกเราฟังทีหลังเกิดเหตุการณ์นะ)
แกก็ เปิดประตูบ้านเข้ามา บ้านมันก็มืด ๆ หน่อย เพราะไม่ได้เปิดไฟ แกเดินมาถึงตู้เย็น แกมองไปตรงห้องครัวบ้านเราเพราะรู้สึกว่า มีคนกำลังมองแกอยู่
แกมองสบตากลับไปคิดว่าเป็น คนงานบ้านเรา แต่เปล่ากลับเป็นเงาดำ ๆ ของผู้หญิงยืนอยู่ แกก็เพ่งใหญ่ ใครหว่ายืนมองกรุเนี่ย ยิ่งมองยิ่งใช่
ไม่ใช่คนที่แกเคยเห็นแน่ ๆ และ ภาพมันจาง ๆ เหมือนภาพซ้อน แกวิ่งเลย
หลังจากเหตุการณ์นี้ ไม่มีใครมาเปิดบ้านเราซี้ซั้วเลย
ส่วนพวกเราเหรอ แม่กะพ่อไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังนะ เรากะน้องสาวตอนนั้นอายุประมาณ 10 -12 ขวบ เวลานอนบนห้องชั้นสามก็จะมองไปที่ประตู
ห้อง ที่ประตูห้องก็จะมีเงาผู้หญิงผมยาว ๆ เงา ดำ ๆ ที่ประตูทุกคืน จนเราสองคนจะชี้บอกกันว่า เห็นไหม เราก็ตอบว่าเห็น หรือไม่น้องก็จะรีบคลุมโปง
จะเป็นอย่างนี้ตลอด เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ว่า ว่าไร้สาระ ผีมีที่ไหน จนมีอยู่วันเราไม่ไหวแล้วก็เลยเข้าห้องพระไปไหว้ขอพระว่า หนูไม่ไหวแล้ว อย่าให้ผีมาหลอกทุกคืนได้ไหม พวกหนูกลัว หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้เห็น เท่าไหร่จนไม่เห็นเลย ก็หลายวันอยู่หลังจากที่ไปไหว้พระในห้องพระ
เรื่องที่สาม
เรื่องเกิดตอนเราเรียนมหาวิทยาลัยแล้วแต่ยังอยู่บ้านหลังที่สองนี้
ไอ้เสียงวิ่งตึง ๆ ก็ยังดังทุกวันจนเราโตเนี่ยหล่ะ เพราะไม่รู้จะทำไง และอีกอย่างเค้าไม่ได้ทำความเดือนร้อนให้พวกเรา แต่ดีอย่างบ้านเราไม่ใครกล้าซี้ซั้วเข้ามาเลย พวกเพื่อนบ้านที่ชอบเข้ามาหยิบโน่นหยิบนี่ก็ไม่มีใครกล้า ต่างบอกว่าบ้านเราเจ้าที่แรงมาก
ย้อนกลับมาเรื่องเสียงวิ่งตึง ๆ วันนั้นเราทะเลาะกะแฟนเรากำลังโมโห หลังจากที่เค้ากลับบ้านไป ไอ้เสียงตึง ๆ ก็ดังขึ้นอีก เราประมาณ แมร่งอะไรวะ ดังจนกรูเป็นสาว ผีที่ไหน ไม่มีหรอกจะขึ้นไปพิสูจน์ พอดังปั๊บ เราวิ่งขึ้นไปดูเลยอย่างเร็วเลย เปิดประตูที่ปิดระหว่างชั้นตรงบันไดปุ๊บ เข่าอ่อนเลย นั่งอยู่ตัวใส ๆ ผู้หญิงผมสั้น หันมายิ้มหวาน ใส่เสื้อเชิ้ตสีสว่าง ๆ กางเกง ตัวเค้าโปร่งแสง เรานิ่งอึ้งปิดประตูปัง ตะโกน "ผีหลอก" แม่กะพ่อวิ่งมา บอกไหน ๆ เปิดไป ไม่มีอะไรแล้ว จากเหตุการณ์วันนั้น ทุกคนในบ้านรู้ดีเลยว่าถ้ามีเสียงเดิน วิ่ง บนบ้านชั้นสองอย่างผลีผลามไปดู
เรื่องที่สี่
เรื่องนี้ก็เกิดที่บ้านนี้แหละ ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย กลับมาถึงบ้านประมาณ 5 -6 โมงเย็น เหนื่อยมากก็นอน
สักพักรู้สึกมีลมพัดมาที่ตัววูบหนึ่งก่อนที่นะลืมตามองว่าอะไรก็ได้ยินเสียงผู้หญิงมากระซิบที่หูว่า "หิวข้าว" และก็มีลมพัดอีกวูบ ไม่ใช่พัดลมแน่ เพราะกลับมายังไม่ได้เปิดพัดลม เนื่องจากว่าตอนนั้นอากาศเย็นสบายดีอยู่ พอได้ยินก็เด้งเลยดิ เด้งวิ่งลงมา แม่ ลุง ที่นั่งอยู่ชั้นล่างตกใจว่าเกิดอะไรอีกเนี่ยลูกกรู
"แม่ ๆ ได้ยินคนบอกหิวข้าวอะ" จบปุ๊บ ร้องไห้เลย กลัวอะ เสียงมันเย็น ๆ ยะเยือก ๆ
เรื่องที่ห้า
เรื่องนี้เกิดตอนเราแต่งงานแล้วย้ายเข้าบ้านใหม่ได้สักพัก ตอนนั้นอยู่บ้านคนเดียว แฟนไปต่างจังหวัด ตอนนั้นเวลาประมาณสองทุ่มกว่า กำลังจะเดินไปปิดบ้าน
เปิดประตูออกไปปุ๊บ เจอผู้ชายตัวใส ๆ เขียว ๆ ไม่ใส่เสื้อ ผมสั้น ๆ ตัวผอม ๆ ใส่กางเกงขาสั้น ๆ ไม่ชัดเจน ยืนพิงกำแพงบ้านด้านนอกอยู่เรา นึกว่าขโมยก็ดึงประตูปิดทันที ในใจคิด ใครอะ ขโมยแน่ ๆ แต่ขโมยทำไมมายืนเฉย ๆ แล้วภาพคนทำไมไม่ชัด ทำตัวเขียว ๆ ใส ๆ โปร่ง ๆ อะ เปิดออกไปดูใหม่ไม่อยู่แล้ว คราวนี้วิ่งขึ้นบ้านไปเลย
แหะ ๆ ปัจจุบันนี้ไม่ได้เจอเค้าแล้วอะ