.....กลายเป็นประเด็นกลับมาอีกครั้งกับโครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค โครงการนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เเละเป็นเเม่เเบบให้กับประเทศต่างๆ นำเอาไปปรับใช้ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่โครงการนี้อาจจะต้องมีอันเป็นไป หรือเปลี่ยนรูปเเบบ เเก้ใข เปลี่ยนเเปลง นโยบายนี้เชื่อว่าหากมีใครไม่ว่า ปลัดกระทรวง หรือหมอคนใด พยายามล้มมันลงไป เชื่อว่ากระเเสไม่เห็นด้วยจะบานปลาย จนเป็นกระเเสต่อต้าน
หากมองย้อนหลังไปเคยเขียนเอาไว้ การรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลของรัฐ เป็นที่วิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางเเม้จะไม่เป็นข่าว เเต่ก็มีการเล่าขานกันไว้อย่างมากมาย ถึงพฤติกรรม หมอ พยาบาล บุคคลากรทางการเเพทย์ มีการตั้งฉายา โรงพยาบาลต่างๆนาน ถึงขั้นว่าเป็นโรงฆ่าสัตว์ หากได้มีโอกาสถามผู้หลักผู้ใหญ่ในสมัยก่อนๆที่มีอายุ40ปีขึ้นไป คงได้ฟังเรื่องราว ต่างๆ
พยาบาลหน้างอ บอกบุญไม่รับ การตะคอกคนป่วยรวมไปถึงญาติพี่น้อง ตาสีตาสายายมียายมา ด้อยการศึกษา ก้มหน้ารับคำบริภาษอย่างยอมรับชะตากรรม ในนามคนใข้...อนาถา ขอเล่าระบอบอนาถา อย่างคนที่พบเจอมา กับสองหูสองตา ครั้งหนึ่งลูกจ้างในทีทำงาน ประสบอุบัติเหตุเเขนหัก ต้องเข้ารับการรักษาจาก โรงพยาบาลรัฐเเห่งหนึ่ง(ขอไม่เอ่ยนาม)
คนบาดเจ็บเเขนหักต้องนั่งรอด้วยความเจ็บปวด กับระบบการให้บริการ ร้องโอดโอย เราไปด้วยเมียคนเจ็บต้องไปเข้าคิวรอทำบัตร เอกสารไม่ครบต้องวิ่งไปกลับจัดการมาให้ครบ รอคิวเข้ารับการรักษา บอกได้ว่านานมาก ต่อท้ายด้วยเข้าคิวเป็นคนใข้อนาถา หน้าห้องเข้าไปให้นั่งซักถามด้วยสีหน้าเมินเฉย คำพูดไร้ความรู้สึก สายตาที่มองอย่างเย็นชา คนไปขอรับอนุเคราะห์ ไร้ปากเสียงได้เเต่ก้มหน้ายอมรับทุกอย่าง ที่เค้าจะหยิบยื่นให้
ไม่ได้บอกว่าบุคกรทางการเเพทย์ไม่ดี เเต่มีบางส่วนที่ประพฤติไม่ดี มีอยู่จริง มันจึงเป็นความรู้สึกที่ประชาชน รับรู้รู้สึก อึดอัด เก็บกด ก้มหน้ายอมรับมันมายาวนาน นานพอที่จะฝังลึกลงไปในจิตใจ จนมีคนมาเปิดประตูนี้ออก ทำลายกำเเพง เปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงการรักษา ที่เหมาะสม คนไทยเสียภาษี เเม้ไม่ได้เสียโดยตรงหลายคนก็เสียผ่าน ภาษีมูลค่าเพิ่มเเละภาษีอื่นๆที่ซ้ำซ้อนอยู่ในระบบต่างๆมากมาย ควรจะได้รับประโยชน์ เเละประโยชน์ที่เหมาะสมที่สุดคือ การได้เข้าถึงการรักษา เมื่อเจ็บป่วย อย่างน้อยก็ในความเป็นมนุษย์
หากว่ากันตรงๆในอีกมุมหนึ่ง ระบบ30บามรักษาทุกโรค ได้ทำลายเส้นทางทำมาหากิน ของคนในวิชาชีพหมอ ที่ทำมาหากินกับการเปิดคลีนิค ที่เคยเฟื่องฟูในยุคสมัยหนึ่ง หลายคนหาลูกค้าด้วยการกระซิบว่าตนเองมีคลีนิคอยู่ที่ไหน เพื่อดึงลูกค้าไป ด้วยเนื่องจากการรอคอยในการรอรับบริการที่ยาวนาน เเละความเเออัดของการรอ
จึงไม่เเปลกใจหลายปีที่ผ่านมาตั้งเเต่เริ่มมี 30บาทรักษาทุกโรค มีความพยายามที่จะล้มหายไป ตั้งเเต่เริ่มมีนโยบานนี้ปรากฎก็มีเสียงปรามาสมากมายว่าจะไม่สามารถทำได้ ไม่มีเงิน งบไม่พอ รวมไปถึงอาจมีสถานพยาบาลไม่เข้าร่วม เนื่องจากไม่คุ้มค่าที่ลงทุน เเต่หลายปีที่ผ่านมามันได้พิสูจน์ไปเเล้วว้า สามารถทำได้ เเละมีบุคลากรทางการเเพทย์ มากมายที่ยินดีที่จะเสียสละเพื่อยกระดับการรักษา ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษา
ก็จะเหลือเพียงเเต่พวกที่พยายามหาประโยชน์จากวิชาชีพบางกลุ่มบางคนเท่านั้น ที่พยายามจะยื้อยุดฉุดโครงการให้ล้มลงไป เพื่อให้ประโยชน์ไหลกลับมาสู่ตนพวกตน สังคมคงจะจดจำชื่อพวกท่านไว้ ในใจลึกๆยังคงเชื่อว่าผู้มีอำนาจในช่วงนี้คงไม่เห็นดีเห็นงามกับความพยายามนี้ ขอส่งบทความนี้เพื่อร้องขอให้การรักษา ดูเเล คนยากคนจน รายได้น้อยได้มีโอกาสรักษา อย่างที่ควร มันจะเป็นบุญกุศลที่จะส่งต่อให้คนที่มีจิตใจดีงาม ได้รับ...ขอโปรดพิจารณา...
---------------------------30บาท---------------------------(บทความ)
หากมองย้อนหลังไปเคยเขียนเอาไว้ การรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลของรัฐ เป็นที่วิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางเเม้จะไม่เป็นข่าว เเต่ก็มีการเล่าขานกันไว้อย่างมากมาย ถึงพฤติกรรม หมอ พยาบาล บุคคลากรทางการเเพทย์ มีการตั้งฉายา โรงพยาบาลต่างๆนาน ถึงขั้นว่าเป็นโรงฆ่าสัตว์ หากได้มีโอกาสถามผู้หลักผู้ใหญ่ในสมัยก่อนๆที่มีอายุ40ปีขึ้นไป คงได้ฟังเรื่องราว ต่างๆ
พยาบาลหน้างอ บอกบุญไม่รับ การตะคอกคนป่วยรวมไปถึงญาติพี่น้อง ตาสีตาสายายมียายมา ด้อยการศึกษา ก้มหน้ารับคำบริภาษอย่างยอมรับชะตากรรม ในนามคนใข้...อนาถา ขอเล่าระบอบอนาถา อย่างคนที่พบเจอมา กับสองหูสองตา ครั้งหนึ่งลูกจ้างในทีทำงาน ประสบอุบัติเหตุเเขนหัก ต้องเข้ารับการรักษาจาก โรงพยาบาลรัฐเเห่งหนึ่ง(ขอไม่เอ่ยนาม)
คนบาดเจ็บเเขนหักต้องนั่งรอด้วยความเจ็บปวด กับระบบการให้บริการ ร้องโอดโอย เราไปด้วยเมียคนเจ็บต้องไปเข้าคิวรอทำบัตร เอกสารไม่ครบต้องวิ่งไปกลับจัดการมาให้ครบ รอคิวเข้ารับการรักษา บอกได้ว่านานมาก ต่อท้ายด้วยเข้าคิวเป็นคนใข้อนาถา หน้าห้องเข้าไปให้นั่งซักถามด้วยสีหน้าเมินเฉย คำพูดไร้ความรู้สึก สายตาที่มองอย่างเย็นชา คนไปขอรับอนุเคราะห์ ไร้ปากเสียงได้เเต่ก้มหน้ายอมรับทุกอย่าง ที่เค้าจะหยิบยื่นให้
ไม่ได้บอกว่าบุคกรทางการเเพทย์ไม่ดี เเต่มีบางส่วนที่ประพฤติไม่ดี มีอยู่จริง มันจึงเป็นความรู้สึกที่ประชาชน รับรู้รู้สึก อึดอัด เก็บกด ก้มหน้ายอมรับมันมายาวนาน นานพอที่จะฝังลึกลงไปในจิตใจ จนมีคนมาเปิดประตูนี้ออก ทำลายกำเเพง เปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงการรักษา ที่เหมาะสม คนไทยเสียภาษี เเม้ไม่ได้เสียโดยตรงหลายคนก็เสียผ่าน ภาษีมูลค่าเพิ่มเเละภาษีอื่นๆที่ซ้ำซ้อนอยู่ในระบบต่างๆมากมาย ควรจะได้รับประโยชน์ เเละประโยชน์ที่เหมาะสมที่สุดคือ การได้เข้าถึงการรักษา เมื่อเจ็บป่วย อย่างน้อยก็ในความเป็นมนุษย์
หากว่ากันตรงๆในอีกมุมหนึ่ง ระบบ30บามรักษาทุกโรค ได้ทำลายเส้นทางทำมาหากิน ของคนในวิชาชีพหมอ ที่ทำมาหากินกับการเปิดคลีนิค ที่เคยเฟื่องฟูในยุคสมัยหนึ่ง หลายคนหาลูกค้าด้วยการกระซิบว่าตนเองมีคลีนิคอยู่ที่ไหน เพื่อดึงลูกค้าไป ด้วยเนื่องจากการรอคอยในการรอรับบริการที่ยาวนาน เเละความเเออัดของการรอ
จึงไม่เเปลกใจหลายปีที่ผ่านมาตั้งเเต่เริ่มมี 30บาทรักษาทุกโรค มีความพยายามที่จะล้มหายไป ตั้งเเต่เริ่มมีนโยบานนี้ปรากฎก็มีเสียงปรามาสมากมายว่าจะไม่สามารถทำได้ ไม่มีเงิน งบไม่พอ รวมไปถึงอาจมีสถานพยาบาลไม่เข้าร่วม เนื่องจากไม่คุ้มค่าที่ลงทุน เเต่หลายปีที่ผ่านมามันได้พิสูจน์ไปเเล้วว้า สามารถทำได้ เเละมีบุคลากรทางการเเพทย์ มากมายที่ยินดีที่จะเสียสละเพื่อยกระดับการรักษา ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษา
ก็จะเหลือเพียงเเต่พวกที่พยายามหาประโยชน์จากวิชาชีพบางกลุ่มบางคนเท่านั้น ที่พยายามจะยื้อยุดฉุดโครงการให้ล้มลงไป เพื่อให้ประโยชน์ไหลกลับมาสู่ตนพวกตน สังคมคงจะจดจำชื่อพวกท่านไว้ ในใจลึกๆยังคงเชื่อว่าผู้มีอำนาจในช่วงนี้คงไม่เห็นดีเห็นงามกับความพยายามนี้ ขอส่งบทความนี้เพื่อร้องขอให้การรักษา ดูเเล คนยากคนจน รายได้น้อยได้มีโอกาสรักษา อย่างที่ควร มันจะเป็นบุญกุศลที่จะส่งต่อให้คนที่มีจิตใจดีงาม ได้รับ...ขอโปรดพิจารณา...