หมอดูขอเล่า : คำสอนเรื่องเงิน จากสุดยอดคน 7 คน

ผมทำงานเป็น Creative Design และทำอาชีพเสริมคือ Tarot Reader หรือหมอดูนั่นเเหละครับ ตลอดเวลา 8 ปีที่เป็นหมอดู ได้ดูดวงให้คนเยอะมากๆ ผมไม่เคยเชื่อเรื่องชะตากรรม ดังนั้นในการดูไพ่ ผมจึงใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้จากลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย (นี่หลักฐาน http://www.facebook.com/vittarot)

โลกของเราในยุคนี้หมุนเข้าสู่โลกทุนนิยมเต็มรูปแบบ ทุกอย่างในชีวิตคือรายจ่าย เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเงินไม่สำคัญต่อการใช้ชีวิตอีกแล้ว โดยเฉพาะเวลาที่ชีวิตของคุณพบเจอประตูบานใหญ่ที่ต้องใช้กุญแจที่ชื่อว่าเงินมาไข เงินจะกลายเป็นเครื่องตัดสินชีวิตทันที

แต่ข่าวดีก็คือในยุคนี้การหาเงินไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เรามีกูรูตามอินเตอร์เน็ต มีครูสอนบน Youtube มีหนังสือที่เล่าเรื่องราวของคนที่สร้างเนื้อสร้างตัวแบบ Step by Step อยู่มากมายทั้งไทยและต่างประเทศ เรียกได้ว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ครูกับโอกาส

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ตกงานกระทันหัน แล้วการตกงานก็ทำให้ผมเรียนรู้ว่าบนโลกนี้มีวิธีหาเงินหลายร้อยหลายพันวิธี บวกกับอาชีพของผมที่ทำให้ผมมีโอกาสพบเจอคนต่างฐานะ ต่างทักษะ ต่างรายได้มากมาย มันทำให้ผมรู้ว่าความรวยเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน แต่ต้องอาศัยความใจถึง ใจกล้า หูตาไว และเด็ดขาดในการตะครุบโอกาสด้วย

ดังนั้นในวันนี้ผมจึงขอเอาสุดยอดคำสอนเกี่ยวกับการหาเงิน 7 คน ที่ผมประทับใจ และยึดมั่นมาเป็นคำสอนของผมเสมอมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้รับรู้ และให้ทุกๆคนได้ร่วมเปลี่ยนทัศนคติทางการเงินเพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมครับ

ปล ถึงแม้ผมจะจดจำคำพูดได้ไม่เป๊ะ แต่สิ่งที่ได้รับฟังก็ประมาณที่เขียนเลยครับ

ปล ที่สอง ขออภัยที่ไม่ได้ขออนุญาตเอามาลง ขอสงวนชื่อไว้เเทนนะครับ

1. จากนักธุรกิจหญิงจับฉ่าย (คือทำทุกอย่าง) ที่มี Passive Income และ Active Income ต่อเดือนแบบสุขสบายได้ทั้งชาติ

“ตอนที่พี่ขายของตลาดนัดครั้งแรก พี่ขับรถข้ามจังหวัดไปขายเลยนะ ไปด้วยตัวคนเดียวนี่เเหละ วันแรกที่พี่ขาย พี่ได้เงินกลับมา 70,000 บาท นั่นเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดก้อนแรกที่หาได้ในชีวิต พี่ขับรถร้องไห้กลับบ้านมาเลย มันสนุกมากๆ จากนั้นพี่ก็ทำอีกหลายอย่าง ประสบความสำเร็จบ้าง เจ๊งบ้าง พอมีเงินพี่ก็ปลูกหอพัก เช่าพื้นที่ในห้าง (หรือตลาดไม่แน่ใจ ผมจำไม่ได้) แล้วก็มาซอบแบ่งให้คนอื่นเช่าอีกที ก็มีเงินได้สบายๆโดยไม่ต้องทำอะไร วิชญ์ยังหนุ่มยังแน่น ทำเลย ไม่ว่ายังไงมันก็คุ้ม”

>>> ทำเลย ไม่ว่ายังไงก็คุ้ม…!!!

2. จากเซลล์ระดับร้อยล้านที่ตัดสินใจทิ้งงานเงินเดือนแพงมาทำตามความฝันของตัวเอง

“พี่ไปเจรจากับนักธุรกิจหลายท่านมา นักธุรกิจที่รวยมากๆท่านหนึ่งสอนกับพี่ว่าคนเราต้องมีรายได้อย่างต่ำ 2 ทาง ทางหนึ่งทำเพื่อให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายทุกอย่างในชีวิต นอกนั้นรายได้ทางอื่นๆที่เกินกว่าค่าใช้จ่ายคือกำไรทั้งหมด ถ้าวิชญ์เองอยากจะรวย ก็ต้องมีรายได้ก้อนแรกที่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายทุกอย่างในชีวิต แล้วก็สร้างก้อนอื่นๆเพื่อให้ตัวเองมีกำไร”

>>> จงหารายได้ขั้นต่ำ 2 ทาง

3. จาก CEO สุดแกร่งที่มีลูกน้องเกือบ 80 ชีวิต

“ช่วงปีแรกที่พี่เริ่มธุรกิจ มีแต่คนพูดจาตัดทอนกำลังใจพี่ทุกวัน เงินสดของพี่ร่อยหรอในขณะที่ระยะเวลาที่ลงทุนลงแรงไปยังไม่เห็นผล แต่เพราะพี่มั่นใจว่าสิ่งที่พี่ทำมันจะต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ พี่จึงกัดฟันทำในสิ่งที่พี่เชื่อ ถึงแม้ตอนนั้นยังไม่เห็นอนาคต แต่พี่ก็ทุ่มเท ฟันฝ่าคำดูถูกดูแคลนทุกคำที่พี่เจอมา กว่าจะลืมตาอ้าปากได้ก็เสียเวลาไปหลายปี ทั้งนี้เพราะพี่เชื่อและตั้งใจศึกษาตลาดจริงๆจังๆ ถ้าวิชญ์อยากจะลองทำธุรกิจอะไรก็ตาม หาตลาดและหาลูกค้าให้เจอก่อนเพื่อทดสอบว่าผลิตภัณฑ์ของเราลูกค้าจะสนใจไหม การถามเป็นการลงทุนที่น้อยที่สุด แต่ได้ผลตอบแทนดีที่สุด”

>>> เชื่อมั่นในความเชื่อตัวเอง และตั้งคำถามให้เป็น

4. จากผู้ชายวัย 30 ต้นๆ ที่มีบริษัทเป็นของตัวเองหลายบริษัท และได้รับการยอมรับในวงการธุรกิจ

“การทำงานกับการทำเงินไม่ใช่เรื่องเดียวกัน การเป็นลูกจ้างพี่ว่ามันได้ประโยชน์ตรงที่เขาจ้างเราไปเรียนรู้ธุรกิจของเขาโดยที่เราไม่ต้องเสียอะไรเลย แต่โอกาสรวยต่ำติดดิน เพราะลูกจ้างทำงานยังไงก็ไม่รวย ต่อมาพี่ตัดสินใจลองทำธุรกิจครั้งแรก เพราะพี่มีเป้าหมายเลยว่ากูจะรวย การสร้างธุรกิจนั้นความเสี่ยงก็มี แต่พี่มีความอยากเสี่ยงมากกว่า คนเราถ้าจะทำอะไรอย่าคิดเล็ก คิดให้ใหญ่ไปเลย ทุกๆการตัดสินใจไม่ว่ามันจะส่งผลดีหรือส่งผลร้าย มันจะนำพาเราไปสู่ชีวิตที่ดีเสมอ อยากรวยไม่ผิดนะ แต่ถ้าอยากรวยแล้วไม่ยอมทำอะไรเลย อันนี้ผิดเต็มๆ”

>>> อยากรวยแล้วไม่ยอมทำอะไรเลย อันนี้ผิดเต็มๆ

5. จากมนุษย์เงินเดือนตัวเล็กๆ เงินเดือนน้อยๆ แต่รายได้จากอาชีพเสริมจัดอยู่ในระดับ สุโค่ย…!!!

“พี่วิชญ์เชื่อไหม ก่อนที่หนูจะตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตัวเอง อยากจะรวยและอยากจะประสบความสำเร็จ หนูมัวแต่กังวลว่าเราไม่มีทางทำได้หรอก ถ้าล้มเหลวหละจะเป็นยังไง เดี๋ยวถูกล้อ เดี๋ยวถูกแซว เดี๋ยวกลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจกว่าเดิมจะเป็นยังไง แต่พอหนูได้ลงมือทำเท่านั้นเเหละ ถึงได้รู้ว่าความกลัวมันไม่ได้ทำให้ชีวิตหนูดีขึ้นเลย หนูไม่เคยคิดว่าคนอย่างหนูจะสามารถทำเงินได้เยอะและเร็วขนาดนี้ ถ้ารู้อย่างนี้นะ ทำตั้งนานแล้ว ไม่เสียเวลามานั่งกลัวหรอก”

>>> ความกลัวไม่ได้ทำให้ชีวิตใครดีขึ้น

6. จากเพื่อนเก่าของผม ที่ตัดสินใจเดือนบนเส้นทางธุรกิจ 100%

“กูทำธุรกิจเจ๊งไป 4 อย่างแล้วนะ แต่ก็สะสมประสบการ์ณมาเรื่อยๆ จากลงทุนหลักพัน หลักหมื่น ตอนนี้ ลงหลักแสนแล้ว ทำรองเท้าหนังผู้หญิง สู้ๆวะ พอประสบการ์ณเยอะพอ เราก็สำเร็จเอง เรียนรู้จากความผิดพลาด เคยฟังเรื่อง บับเบิ่ล บี ปะ นักวิทยาศาสตร์ คิดว่ามันไม่ควรจะบินได้ เพราะส่วนลำตัว ส่วนหาง ส่วยปีก ไม่สมดุลกัน ทดลองยังไง ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า มันไม่ควรบินได้ สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์สรุปว่าที่มันบินได้ เพราะมันอยากจะบิน”

>>> บินได้ ถ้าอยากบิน…!!!

7. จากเจ้าของธุรกิจที่อายุเท่ากับผม แต่ความคิดนี่มันระดับสุดยอดไปแล้ว

“ผมเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรเร็ว อยากรู้อยากลองอะไรก็จะทำทันที บางครั้งผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมทำมันจะส่งผลยังไง แต่ถ้าผมจะทำ ยังไงผมก็ต้องทำ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เราตัดสินใจไปมันจะนำเราไปสู่จุดไหนของชีวิต แต่ถ้าเราไม่กระโดดข้ามความอยากรู้ไปสู่สิ่งที่เราอยากเห็น แล้วเราจะได้เห็นมันได้ยังไง สำหรับคนอื่นเป็นยังไงผมไม่รู้นะ แต่สำหรับผม ถ้าผมตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่ๆ”

>>> ผมจะทำ

เป็นอย่างไรบ้างครับ ความคิดเรื่องเงิน จากคน 7 คนที่ผมได้รับความรู้จากเขามา ทั้งหมดที่เขียนขึ้นมาอาจจะจำวิธีการพูดไม่ได้ครบ 100% แต่เนื้อหาที่เขียนนั้นเป็นของจริงแท้แน่นอน ผมอยากให้คุณลองถามใจตัวเองว่าคุณสามารถนำคำพูดของคนใดคนหนึ่งหรือทุกคนไปใช้กับชีวิตของคุณได้หรือเปล่า ถ้าคุณทำได้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับชีวิตคุณ และถ้าคุณลงแรงที่จะทำ ชีวิตคุณจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายขนาดไหน…!!!

สู้ๆ

วิชญ์
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่