"ลิโอเนล เมสซี่" อีกกี่ก้าวก็ไม่เท่า"มาราโดน่า"!?

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติ อาร์เจนตินา เป็นบุคคลที่ถูกจับตามองที่สุดมากคนหนึ่งในฟุตบอลโลก 2014 ยิ่งการนำไปเปรียบเทียบกับยอดนักเตะรุ่นลุงอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า กองหน้าที่เคยพาทีมฟ้า-ขาวคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 1986 ซึ่งครั้งนั้นมาราโดน่าสร้างความมหัศจรรย์และเป็นการเล่น "วัน แมน โชว์" ที่ทำให้คู่แข่งและคนดูตื่นตะลึง จนก้าวไปหยิบแชมป์มาได้

ก่อนหน้าฟุตบอลโลกจะเริ่ม เมสซี่ถูกนำไปวัดกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติ โปรตุเกส ที่ถูกยกให้เป็นคู่แข่งแย่งตำแหน่งนักเตะเบอร์หนึ่งของโลกของยุคนี้ แต่โรนัลโด้โบกมือลาศึกเวิลด์คัพไปตั้งแต่รอบแรก ทำให้เมสซี่ชนะในสงครามนี้ไปแบบขาดลอย

แต่ในโจทย์ที่ว่า เมสซี่จะขยับขึ้นเทียบชั้นตำนานอย่างมาราโดน่าได้หรือไม่ ยังคงเป็นคำถามที่รอการพิสูจน์

อาร์เจนตินาทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี จะเจอกัน เยอรมนี ในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ถ้าพวกเขาคว้าแชมป์ได้ เมสซี่จะขยับขึ้นไปเทียบชั้นมาราโดน่าด้วยการเป็นแชมป์โลก 1 สมัยเท่ากัน ตอนนี้แข้งรุ่นหลานซัดประตูในทีมชาติไปแล้ว 42 เม็ด ขณะที่นักเตะรุ่นลุงทำได้เพียง 34 ตุง ทำให้หลายคนเชื่อว่าถ้าทีมฟ้า-ขาวเป็นแชมป์สมัยที่ 4 เมสซี่จะก้าวข้ามร่มเงาของมาราโดน่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ถ้ามองในแง่ของความสำเร็จอาจจะใช่ แต่ในแง่ของความมหัศจรรย์ เมสซี่ยังตามอยู่หลายขุม เมื่อเทียบกับมาราโดน่าในฟุตบอลโลก 1986 นักเตะหมายเลข 10 ในยุค 80 นำทีมยิงรวม 15 ประตู ยิงเอง 5 ประตู แอสซิสต์ 5 ลูก สร้างโอกาสในการทำประตู 27 ครั้ง เลี้ยงบอลได้มากกว่านักเตะคนอื่นๆ ถึง 3 เท่า หรือ 90 ครั้ง โดนทำฟาวล์มากกว่านักเตะทั่วไป 2 เท่า ชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2 ขณะที่นักเตะหมายเลข 10 ในยุคปัจจุบัน เป็นกัปตันของทีมที่ยิงรวม 8 ประตู จนถึงรอบรองชนะเลิศ ทำสกอร์ของตัวเอง 4 ประตู 1 แอสซิสต์ สร้างโอกาสในการลุ้นประตู 19 ครั้ง เลี้ยงบอล 50 ครั้ง น้อยกว่า

มาราโดน่าในทุกกระบวนท่า อาจจะมีเพียงจำนวนการลงเล่นทีมชาติที่เมสซี่ชนะไปด้วยสกอร์ 92-91 นัด และจะถ่างออกไปเรื่อยๆ เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น 4 ปีต่อมา หรือปี 1990 มาราโดนาพาทีมกลับเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง แต่โดนทัพอินทรีเหล็กถอนแค้นกระชากแชมป์โลกไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมสซี่อาจจะได้รับการขนานนามว่า "ผู้วิเศษ" แต่มาราโดน่าถูกยกให้เป็น "เทพเจ้า" ของชาวอาร์เจนไตน์ไปแล้ว

ความกดดันทุกอย่างตกอยู่ที่เมสซี่ ไม่ต่างกับ เนย์มาร์ ที่แบกความหวังของชาวบราซิลทั้งประเทศ ถึงขั้นว่ามาราโดน่าต้องรีบออกปากเตือนว่า ถ้าอาร์เจนตินาไม่ได้แชมป์ ไม่ใช่เมสซี่ที่จะถูกด่า แต่เป็นนักเตะทั้งทีม ที่ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวเกินไป และฝากความหวังที่กัปตันฟ้า-ขาวมากเกินเหตุ

เมสซี่บอกว่า สำหรับนักฟุตบอลคนหนึ่งการคว้าแชมป์เป็นสิ่งที่ทุกคนฝันว่าจะทำให้ได้ ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ฝันนี้ก็ไม่เคยเลือนหายไป

"ผมเคยถามชาบี้, ปิเก้และอิเนียสต้าเพื่อนร่วมทีมบาร์ซ่าว่าตอนกำลังชูถ้วยแชมป์โลกพวกเขารู้สึกยังไง และได้คำตอบว่า ยากจะอธิบาย"

ความต่างอีกอย่างของกัปตันทีมสองยุค คือการโดนสื่อวิจารณ์ว่า เมสซี่เป็นชาวกาตาลันมากกว่าอาร์เจนไตน์ด้วยซ้ำ เพราะเขาออกจากบ้านเกิดไปเล่นให้ บาร์เซโลน่า ตั้งแต่อายุ 13 ปี และอาจจะไม่อินกับความเป็นอาร์เจนไตน์เท่าคนอื่นๆ ซึ่งน่าจะเป็นแรงผลักดันที่ดีให้เขาสร้างความยิ่งใหญ่ของตัวเองในทีมชาติเพื่อให้สมดุลกับความสำเร็จที่ทำได้กับบาร์ซ่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฮีโร่ในยุค 80 และยุคปัจจุบันเผชิญหน้าเหมือนกัน คือ การต้องเอาชนะเยอรมนีให้ได้ในรอบชิงชนะเลิศ ถ้าย้อนกลับไปในฟุตบอลโลก 2 ครั้งหลังสุด อาร์เจนตินาตกรอบเพราะน้ำมือของนักเตะอินทรีเหล็กทั้งสิ้น

มาราโดน่าเคยสร้างรอยแค้นและโดนล้างแค้นไปได้เรียบร้อยแล้ว เมสซี่เป็นผู้ถูกกระทำมาทั้งสองครั้ง และครั้งนี้ถ้าเป็นการแก้แค้น ก็คงไม่ใช่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เพื่อลบความเจ็บปวดของมาราโดน่าในนัดชิงปี 1990

และเพื่อพาตัวเองขึ้นไปเป็นตำนานมีชีวิตเพิ่มอีกคนหนึ่งนั่นเอง

ที่มา หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  นักกีฬา ฟุตบอลโลก 2014 ประเทศอาร์เจนตินา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่