อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่หลายคนรอคอยแห่งปี กับภาคต่อของจุดกำเนิดของพิภพวานร (‘Rise of the Planet of the Apes’) ที่ถูกเล่าขานกันไปในปี 2011 มาปีนี้ เราได้รู้จักเรื่องราวในช่วงเวลาถัดมาของพิภพวานร เปลี่ยนผู้กำกับใหม่เป็น Matt Reeves ซึ่งกลายมาเป็นผลดีเมื่อภาคนี้ “Dawn of the Planet of the Apes” ได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อโรคร้ายคร่าชีวิตมนุษย์ไปเป็นจำนวนมากจนเหลือมนุษย์ผู้มียีนที่ต่อต้านไวรัสนั้นได้เพียงหยิบมือ พวกเขารวมกลุ่มในเมืองใหญ่ซึ่งรกร้าง มีกองกำลังป้องกันตัวเองอยู่ แต่ก็กำลังประสบปัญหาใหญ่ เมื่อพลังงานที่สะสมเอาไว้กำลังจะหมดลง และทางเดียวที่เป็นทางรอดของพวกเขาก็คือการต้องออกจากบริเวณไปตามแนวป่าเพื่อซ่อมแซมเขื่อนที่เคยผลิตกระแสไฟฟ้ามาให้ได้ใช้กันอีกครั้ง
แต่ทว่า เส้นทางนั้นกลับอันตรายเมื่อมันอยู่ในบริเวณ “บ้าน” ของเหล่ามนุษย์วานร
--------------------------
หนังเฉลี่ยบทให้กับทั้งฝ่ายมนุษย์และวานรได้อย่างเท่าๆ กัน เพลงประกอบก็ทำหน้าที่ได้อย่างขันแข็ง สร้างเสริมอารมณ์จริงจังได้อย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ เราจะได้เห็นลิงสื่อสารกันเองได้ทั้งสองแบบ แต่โดยรวมถือว่าลิงพูดน้อยมาก
บทที่เขียนเอาไว้หนักแน่นและลุ่มลึก เมื่อฝ่ายมนุษย์ก็มีทั้งกลุ่มที่ไม่ต้องการสงคราม และต้องการเพียงเพื่อช่วยเหลือ “ครอบครัว” ด้วยการซ่อมแซมเขื่อนและเจรจาอย่างสันติกับฝูงลิง แต่ในฝ่ายวานรด้วยกันเอง ก็จะมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ส่วนหนึ่งไม่ต้องการก่อสงคราม แต่อีกกลุ่มก็เห็นหัวหน้าตนอ่อนแอเกินไปและต้องสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ของตัวเองไว้
ไม่น่าเชื่อ ที่ผมรู้สึกว่าโลกในหนัง ‘Dawn of the Planet of the Apes’ มันคือโลกจริงๆ
อ่านรีวิวของ Dawn of the Planet of the Apes |
http://bit.ly/U6BBd9
[SR] ## ความเห็นหลังชม -- Dawn of the Planet of the Apes -- หนักแน่น คมและลึก ##
เมื่อโรคร้ายคร่าชีวิตมนุษย์ไปเป็นจำนวนมากจนเหลือมนุษย์ผู้มียีนที่ต่อต้านไวรัสนั้นได้เพียงหยิบมือ พวกเขารวมกลุ่มในเมืองใหญ่ซึ่งรกร้าง มีกองกำลังป้องกันตัวเองอยู่ แต่ก็กำลังประสบปัญหาใหญ่ เมื่อพลังงานที่สะสมเอาไว้กำลังจะหมดลง และทางเดียวที่เป็นทางรอดของพวกเขาก็คือการต้องออกจากบริเวณไปตามแนวป่าเพื่อซ่อมแซมเขื่อนที่เคยผลิตกระแสไฟฟ้ามาให้ได้ใช้กันอีกครั้ง
แต่ทว่า เส้นทางนั้นกลับอันตรายเมื่อมันอยู่ในบริเวณ “บ้าน” ของเหล่ามนุษย์วานร
--------------------------
หนังเฉลี่ยบทให้กับทั้งฝ่ายมนุษย์และวานรได้อย่างเท่าๆ กัน เพลงประกอบก็ทำหน้าที่ได้อย่างขันแข็ง สร้างเสริมอารมณ์จริงจังได้อย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ เราจะได้เห็นลิงสื่อสารกันเองได้ทั้งสองแบบ แต่โดยรวมถือว่าลิงพูดน้อยมาก
บทที่เขียนเอาไว้หนักแน่นและลุ่มลึก เมื่อฝ่ายมนุษย์ก็มีทั้งกลุ่มที่ไม่ต้องการสงคราม และต้องการเพียงเพื่อช่วยเหลือ “ครอบครัว” ด้วยการซ่อมแซมเขื่อนและเจรจาอย่างสันติกับฝูงลิง แต่ในฝ่ายวานรด้วยกันเอง ก็จะมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ส่วนหนึ่งไม่ต้องการก่อสงคราม แต่อีกกลุ่มก็เห็นหัวหน้าตนอ่อนแอเกินไปและต้องสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ของตัวเองไว้
ไม่น่าเชื่อ ที่ผมรู้สึกว่าโลกในหนัง ‘Dawn of the Planet of the Apes’ มันคือโลกจริงๆ
อ่านรีวิวของ Dawn of the Planet of the Apes | http://bit.ly/U6BBd9