ผมอายุ18ปีได้ไม่นานนี้ วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังรอรถไฟที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะขึ้นรถไฟไปยังต่างจังหวัด ผมเจอผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง(อายุ37 ปีจากการสอบถาม) เป็นเถ้าแก่ขายของชำอยู่ที่นั่น ครั้งแรกที่ผมมองเขาผมเห็นเขาไม่ถนัดนักเลยลองเข้าไปไกล้ๆไม่รู้เพราะอะไรนะครับ ผมเลยถือโอกาสไปซื้อของจากเขา ครั้งแรกที่ผมมองตาเขาผมรู้สึกเหมือนกับเขาดึงดูดผมมากครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาได้มองผมบ้างหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขามากนัก ผมเลยได้แต่ยืนเลิ่กลั่กอยู่แถวนั้นรอรถไฟมาครับ ขณะที่ยืนอยู่ถึงผมจะตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ(เอ๊ะยังไง) หันไปมองเขาหลายครั้งบ้างก็ตั้งใจบ้างบ้างก็รู้สึกว่าเขากำลังมองผมครับ หลายครั้งที่ผมหันไปหาเขาและเห็นเขามองผมอยู่เหมือนกัน ทำเอาผมหลบสายตาแทบไม่ทัน พอรถไฟมาด้วยความบังเอิญนะครับผมต้องเดินหาที่นั่งและที่นั่งของผมอยู่ตรงที่เขานั่งพอดี แน่นอนครับผมมองเขาบ้างและบางทีถ้าผมไม่คิดไปเองเขาก็มองผมเช่นกัน ผมสงสัยมากว่าเขาอาจจะเป็นเกย์หรือเปล่า (เพราะจากประสบการณ์ของผม ผมมักถูกจ้องมองโดยเกย์ คือแอบมองผมเป็นระยะๆแต่สัญชาติญานบอกผมว่าคนนี้ต้องใช่เกย์แน่ๆ และผมก็ไม่รู้ว่าได้สัญชาติญานนี้มายังไงนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมหรือเปล่านะครับ เพราะก่อนหน้าที่พวกเขาจะมองผมพวกเขามักจะเห็นผมมองเขาก่อน *คือผมเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ชอบมองความเปลี่ยนแปลงรอบข้างอยู่เงียบๆเสมอครับ เช่นเวลามีคนขึ้นรถที่ผมโดยสารมาไหม่ หรือใครเข้ามาทางปรธตูนั้น อะไรประมาณนี้ครับ ถ้าเป็นรถโดยสาร บางทีคนที่ผมคิดว่าเป้นเกย์ที่ผมมองก็ถึงกับเดินมานั่งข้างผมเลยครับ ทั้งๆที่มีที่ว่างตั้งเยอะ* เป็นประจำ)
พอเรามองกันสักพักไกล้เวลารถออกผมเห็นเขามองผมและมองทางคนให้สัญญานออกรถสลับกัน พร้อมกับพยักหน้าให้ผมหลายครั้งมากครับ จนรถไฟเคลื่อนตัวออก ผมก็มองเขาเขาก็มองตามผมจนเราคลาดสายตากันไปในที่สุด ตลอดการเดินทางของผมผมคิดถึงแต่เขาตลอดครับ แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือผมกลับรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศทุกครั้งที่ผมนึกถึงเขาและกลิ่นอายของเขา ทำให้ผมต้องเข้าห้องน้ำไป4444บ่อยมากบนรถเที่ยวนั้นครับ หลังจากเสร็จภารกิจที่ต่างจังหวัด (ผมนั่งรถไฟกว่า10ชม.เพื่อไปเหยียบที่นั่นเพียง1.5ชม.) ผมก็กลับครับด้วยรถไฟ ขบวน 8.45 น. และไปถึงสถานีนั้นเวลาเดียวกับที่ขึ้นรถไฟไปเมื่อวาน (ประมาณ2-3ทุ่ม) แน่นอนครับทั้งตอนอยู่ที่ต่างจังหวัด และบนรถเที่ยวกลับผมก็ไม่สามารถหยุดคิดถึงเขาได้เลยแม้แต่น้อย พอผมลงรถที่สถานีเดิม รู้ตัวอีกทีขาของผมก็พาผมไปที่ร้านนั้นอีกครั้งและเจอเขาอีกครั้งครับ คืนนั้นผมได้คุยกับเขาพอสมควร(คำว่าพอสมควรของผมคือไม่มากนะครับถ้าทำเป็น conversation แบบวิชาภาษาอังกฤษ ก็ประมาณเกือบสองหน้าได้) โดยเขาเริ่มบทสนทนาก่อนครับ เขาถามผมว่า "ไปลงไหนมา" ทั้งที่เขาถามมาแค่นั้นผมกลับเลิ่กๆลั่กๆตอบไปว่า "ไปที่นู้นแปปเดียวแล้วก็กลับมาครับ" ผมหล่ะตลกตัวเองเป็นบ้าที่ตอบไปอย่างนั้น (ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดครับ แต่ถ้าคนสนิทนี่ถ้าจำเป้นต้องพูดยาวผมก็พูดได้ยาวมากๆครับ เช่น บ่นเพื่อน หรือเตือนเพื่อนเรื่องนั้นเรื่องนี้ คุยเรื่องการ์ตูนที่ชอบ เป็นต้น) ผมเลยนั่งๆยืนๆอยู่แถวนั้น(ที่ต้องนั่งก็เพราะถ้ายืนแล้วไม่เอากระเป๋าปิดเป้าไว้ อาจจะเป็นที่สังเกตุเห็นได้ ยำ้นะครับว่าอาจจะเพราะผมคิดว่าของผมก็คงไม่ได้อลังการขนาดเป็นที่สังเกตุเห็น และจะยืนเมื่อมันสงบลงครับ ผมต้องนั่งสลับยืนอยู่หลายครั้งมาก ที่ไม่นั่งยาวเลยเพราะมันจะขวางทางคนเดินไปมาครับ) อยู่แถวนั้นนานสองนาน จนเขาบอกให้ผมนั่งเก้าอี้ข้างๆร้านครับ(ทีนี้ก็สบายผมหน่อยเอากระเป๋ามาวางที่ตักก็คงไม่มีใครสังเกตุเห็น) แน่นอนว่าตลอดเวลาที่ผมอยู่ตรงนั้นผมก็มองเขาอยู่ครับ(รวมทั้งตอนนั่งยืนด้วย) โดยเฉพาะเวลาที่มีลูกค้าผมกลับจ้องเขาทุกโมเม้นเลยครับ(เพราะคิดว่าเขาไม่มีทางมองมาทางผมแน่) แต่พอไม่มีลูกค้าเวลาผมมองเขาก้จะเห้นเขามองมาทางผมอยู่บ้างครับ บางครั้งผมก็มองหน้าเขาต่อ บางครั้งผมก็หลบหน้าเขาบ้าง(เพราะมันจะมีแรงกระตุ้นมากขึ้นถ้าผมมองนานกว่านี้) จนผมตัดสินใจพูดบทสนทนาต่อครับ
คืนนั้นเป็นคืนที่ผมพูดกับคนแปลกหน้าเยอะมากครับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บทสนทนาจะเป็นแบบ คุยสักพัก เว้นช่วงยาวๆ(เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็คนมันไม่ค่อยได้คุยกับมนุษย์เยอะนักหน่ะครับ) ในขณะที่ผมเว้นช่วงยาวๆบางทีผมก็เห็นเขามองผมอยู่ตลอดครับ(หางตาเห็นนะ) แล้วผมเองก็หันไปมองเขาบ้างเป็นพักๆ คืนนั้นผมได้ข้อมูลมามากมาย(มั้งนะ แค่รู้ว่าร้านนี้เปิดกี่โมงบ้าง เปิดร้านมานานเท่าไหร่ อายุเขาเท่าไหร่ ถามเรื่องเบ็ดเตล็ดบ้าง แค่นั้น) จนถึงเวลาสี่ทุ่มเวลาปิดร้านครับ อ้อใช่ลืมบอกไป เขาอยู่กับแม่ที่ร้านนั้นครับ(เหมือนจะช่วยแม่ขายของหรืออะไรสักอย่างนี้แหละ) แม่เขาก็อยู่ด้วยทั้งในคืนแรก และคืนที่สองครับ จนเมื่อเขาจะกลับเขาชวนผมไปทานข้าวและติดรถไปกับครอบครัวเขา เพราะไปทางเดียวกัน (เพราะอะไรสักอย่างนี้หล่ะครับในบทสนทนาที่ ทำให้ผมบอกที่อยู่ชั่วคราวเขาไปและเหตุผลที่ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนั้น อ้อใช่ ผมบอกเขาไปเรื่องที่ผมชอบอยู่ในที่ สาธารณะ เช่นวัด สถานีรถ สะพานลอย ฯลฯ เพื่อคิดอะไรคนเดียว ผมเองก็ไม่รู้ทำไมนะครับแต่ผมชอบทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ หลังเลิกเรียน*สมัยเรียนอยู่มัธยมนะครับ*บางทีผมก็ชอบไปนั่งเล่นอยู่ริมน้ำที่วัด ก่อนจะปั่นจักรยานกลับบ้านครับ รู้สึกว่ามันสบายใจดีมองผู้คน หรือน้ำ หรืออะไรสักอย่างหลั่งใหลผ่านเราไปพร้อมๆกับความคิดต่างๆนานาที่ไหลมาและไหลไปในหัวผม) เขาชวนผมถึงสองครั้งแต่ผมก็เลิ่กลั่กปฎิเสธไป ซึ่งจริงๆแล้วผมก็แอบย่องตามเขาไปครับ เขาเดินไปทานก๋วยเตี๋ยว หรืออะไรสักอย่างที่ร้านริมทางไม่ไกลจากสถานีมากนักซึ่งมีผม(ที่แกล้งหลอกตัวเองว่ามาเดินหาเซเว่นแถวนั้นเหมือนกัน)ตามหลังมาเงียบๆ แต่ผมก็ผงะเหมือนกันนะครับอุตส่าห์แอบตามตั้งนานแต่เขามาเห็นเพราะเวลาเขาเลือกนั่งที่โต๊กที่ร้านก็หันมาเห็นผมจนได้ หรือผมเข้าไกล้ไปมากไม่รู้ ผมก็เลยเปลี่ยนทิศทางเดินความเร็วสูงหลบสายตาเขาไปยังที่สูง(บนสะพานลอยไกล้ๆตรงนั้น)เพื่อหวังว่าจะได้(แอบ)มอง เขาอีก แต่ก็ไม่สำเร็จครับ(ต้นไม้บังจนมองไม่เห็นเลย) ผมเลยตัดสินใจแกล้งๆเดินหลบมุมรถที่จอดอยู่ริมถนนตรงนั้น หลบที่ริมมืดๆเพื่อมองเขาครับ แต่รู้สึกจะเด่นไปหน่อยเขาเลยเห็นผมพอดีในขณะที่ผมมองเขาอยู่ในระยะ 8เมตร(บางทีอาจแอบมองไกล้ไป) ผมก็เลยหันหลังหนีโบกรถแท็กซี่กลับที่พักไปเลย คืนนั้นผมเกือบนอนไม่หลับเพราะคิดถึงแต่เรื่องของเขาและนึกตลกตัวเอง และก็เกือบนอนไม่ตื่นเพราะฝันถึงเขาครับ(ส่วนฝันว่าอะไรนี่ขอเก็บเป็นความลับนะครับ)
จากนั้นวันรุ่งขึ้นผมตัดสินใจหาเรื่องไปที่สถานีนั้นอีกครั้งครับ ผมไปถึงประมาณเที่ยงแต่ไม่เจอเขา(เจอแต่แม่เขาที่ร้าน) เลยคาดหวังว่าเขาน่าจะมีงานอื่นทำในตอนกลางวัน และมาช่วยแม่หลังเลิกงาน ก็เลยได้แต่ผิดหวังและกลับบ้านจริงๆของผมครับ(เพราะไม่รู้จะหาเรื่องหรือเหตุผลอะไรมาอ้างเพื่อไปที่นั่นได้อีกแล้ว) อ้อใช่ลืมบอกครับผมมาที่กรุงเทพมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งครับเพราะว่าตอนนั้นอยู่ในช่วงไปรับเอกสารมอบตัวเป็นนิสิต+จองหอที่มหาวิทยาลัย ตอนนี้ผมกลับมาที่บ้านที่ต่างจังหวัดอีกครั้งครับ(ไม่ขอบอกว่าจังหวัดอะไร) และแน่นอนว่าผมยังคิดถึงเขาอยู่ครับ ตอนนี้ผมได้แต่รอวันที่จะย้ายไปที่หอและเปิดเทอม พร้อมกับยังมีความรู้สึกเหล่านี้คาใจอยู่ครับ
.
.
ผมอยากพบเขาอีกครั้งอยากรู้จักอยากคุยด้วยอีก
อยากถามเรื่องความเป็นอยู่ และถามเรื่องชีวิตในวัยหนุ่มของเขาครับ
ผมอยากรู้เรื่องราวความรักของเขา(เพราะจากการคาดการณ์ + ความหวังของผมคิดว่าเขายังไม่มีแฟนครับ)
ผมอยากรู้ว่าทำไมกลิ่นอายของเขาถึงมีผลต่ออารมณ์ของผมมากขนาดนี้
ผมอยากรู้ว่าเขามีเวลาให้กับตัวเองบ้างหรือเปล่า(นอกจาก ช่วยแม่ ทำงาน หาเงิน)
ผมอยากรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับผม
ถ้าเป็นไปได้หากผมเรียนจบมีงานทำมีรายได้เป็นของตัวเองผมอยากทำอย่างไรก็ได้ให้ผมกับเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน (เช่นชวนไปเที่ยวผ่อนคลาย หรืออะไรสักอย่าง)
ผมอยากให้เขาเป็นที่ปรึกษาที่ระบายในขณะที่ผมเรียนอยู่ครับ
ผมรู้สึกว่าเขาดูเซ็กซี่มาก ผมชอบมองทุกส่วนของเขา แต่สำหรับ ขา แผ่นหลัง และแขนของเขากลับรู้สึกว่าพิเศษมากๆ รวมทั้งเวลาทำงาน เวลาคุยกับลูกค้า(จะมีลูกค้า หรือมีผู้คนมาคุยปรึกษาปัญหาชีวิตกับเขาครับ(จากการแอบฟังและการสังเกตุทั้งสองคืน) และดูดีมากในแสงสลัวของค่ำคืนครับ
ผมชอบกลิ่นอายของเขา และชอบที่เขามาช่วยแม่
ในอนาคตผมอยากดูแลเขาครับ อยากให้ความสุขกับเขา ถึงแม้ผมจะรู้ว่าอายุของเราห่างกันมากแค่ไหนก็ตาม ถึงแม้ผมจะกลัวว่าเขาอาจมองผมเป็นแค่เด็กก็ตาม
ผมอยากรู้ชื่อของเขา(เขียนมาซะเยอะ คุยมาซะเยอะแต่ผมกลับยังไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขาครับ)
.
.
เขาเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไรหรอครับ?
.
.
ปล.ผมคิดว่าผมเป็นเสือไบนะครับเพราะผมเคยรู้สึกคล้ายๆกันกับผู้หญิงคนหนึ่งมาก่อน ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนไป และผมรู้สึกว่าการที่เราสนใจใครสักคนมันไม่ควรมีเส้นขั้นหรือขอบเขตอะไรครับ
ปล2.(-.- วงเล็บเยอะไปปะครับ แถมเรื่องในวงเล็บนี้ก็ยาวอีก) <-- นี่ก็วงเล็บอีก ขออภัยครับ
ใช่รักความหรือเปล่า? ผมรู้สึกสนใจกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาก ผมรู้สึกอะไรบางอย่างกับเขาแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร (อาจเกย์หน่อยๆ)
พอเรามองกันสักพักไกล้เวลารถออกผมเห็นเขามองผมและมองทางคนให้สัญญานออกรถสลับกัน พร้อมกับพยักหน้าให้ผมหลายครั้งมากครับ จนรถไฟเคลื่อนตัวออก ผมก็มองเขาเขาก็มองตามผมจนเราคลาดสายตากันไปในที่สุด ตลอดการเดินทางของผมผมคิดถึงแต่เขาตลอดครับ แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือผมกลับรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศทุกครั้งที่ผมนึกถึงเขาและกลิ่นอายของเขา ทำให้ผมต้องเข้าห้องน้ำไป4444บ่อยมากบนรถเที่ยวนั้นครับ หลังจากเสร็จภารกิจที่ต่างจังหวัด (ผมนั่งรถไฟกว่า10ชม.เพื่อไปเหยียบที่นั่นเพียง1.5ชม.) ผมก็กลับครับด้วยรถไฟ ขบวน 8.45 น. และไปถึงสถานีนั้นเวลาเดียวกับที่ขึ้นรถไฟไปเมื่อวาน (ประมาณ2-3ทุ่ม) แน่นอนครับทั้งตอนอยู่ที่ต่างจังหวัด และบนรถเที่ยวกลับผมก็ไม่สามารถหยุดคิดถึงเขาได้เลยแม้แต่น้อย พอผมลงรถที่สถานีเดิม รู้ตัวอีกทีขาของผมก็พาผมไปที่ร้านนั้นอีกครั้งและเจอเขาอีกครั้งครับ คืนนั้นผมได้คุยกับเขาพอสมควร(คำว่าพอสมควรของผมคือไม่มากนะครับถ้าทำเป็น conversation แบบวิชาภาษาอังกฤษ ก็ประมาณเกือบสองหน้าได้) โดยเขาเริ่มบทสนทนาก่อนครับ เขาถามผมว่า "ไปลงไหนมา" ทั้งที่เขาถามมาแค่นั้นผมกลับเลิ่กๆลั่กๆตอบไปว่า "ไปที่นู้นแปปเดียวแล้วก็กลับมาครับ" ผมหล่ะตลกตัวเองเป็นบ้าที่ตอบไปอย่างนั้น (ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดครับ แต่ถ้าคนสนิทนี่ถ้าจำเป้นต้องพูดยาวผมก็พูดได้ยาวมากๆครับ เช่น บ่นเพื่อน หรือเตือนเพื่อนเรื่องนั้นเรื่องนี้ คุยเรื่องการ์ตูนที่ชอบ เป็นต้น) ผมเลยนั่งๆยืนๆอยู่แถวนั้น(ที่ต้องนั่งก็เพราะถ้ายืนแล้วไม่เอากระเป๋าปิดเป้าไว้ อาจจะเป็นที่สังเกตุเห็นได้ ยำ้นะครับว่าอาจจะเพราะผมคิดว่าของผมก็คงไม่ได้อลังการขนาดเป็นที่สังเกตุเห็น และจะยืนเมื่อมันสงบลงครับ ผมต้องนั่งสลับยืนอยู่หลายครั้งมาก ที่ไม่นั่งยาวเลยเพราะมันจะขวางทางคนเดินไปมาครับ) อยู่แถวนั้นนานสองนาน จนเขาบอกให้ผมนั่งเก้าอี้ข้างๆร้านครับ(ทีนี้ก็สบายผมหน่อยเอากระเป๋ามาวางที่ตักก็คงไม่มีใครสังเกตุเห็น) แน่นอนว่าตลอดเวลาที่ผมอยู่ตรงนั้นผมก็มองเขาอยู่ครับ(รวมทั้งตอนนั่งยืนด้วย) โดยเฉพาะเวลาที่มีลูกค้าผมกลับจ้องเขาทุกโมเม้นเลยครับ(เพราะคิดว่าเขาไม่มีทางมองมาทางผมแน่) แต่พอไม่มีลูกค้าเวลาผมมองเขาก้จะเห้นเขามองมาทางผมอยู่บ้างครับ บางครั้งผมก็มองหน้าเขาต่อ บางครั้งผมก็หลบหน้าเขาบ้าง(เพราะมันจะมีแรงกระตุ้นมากขึ้นถ้าผมมองนานกว่านี้) จนผมตัดสินใจพูดบทสนทนาต่อครับ
คืนนั้นเป็นคืนที่ผมพูดกับคนแปลกหน้าเยอะมากครับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บทสนทนาจะเป็นแบบ คุยสักพัก เว้นช่วงยาวๆ(เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็คนมันไม่ค่อยได้คุยกับมนุษย์เยอะนักหน่ะครับ) ในขณะที่ผมเว้นช่วงยาวๆบางทีผมก็เห็นเขามองผมอยู่ตลอดครับ(หางตาเห็นนะ) แล้วผมเองก็หันไปมองเขาบ้างเป็นพักๆ คืนนั้นผมได้ข้อมูลมามากมาย(มั้งนะ แค่รู้ว่าร้านนี้เปิดกี่โมงบ้าง เปิดร้านมานานเท่าไหร่ อายุเขาเท่าไหร่ ถามเรื่องเบ็ดเตล็ดบ้าง แค่นั้น) จนถึงเวลาสี่ทุ่มเวลาปิดร้านครับ อ้อใช่ลืมบอกไป เขาอยู่กับแม่ที่ร้านนั้นครับ(เหมือนจะช่วยแม่ขายของหรืออะไรสักอย่างนี้แหละ) แม่เขาก็อยู่ด้วยทั้งในคืนแรก และคืนที่สองครับ จนเมื่อเขาจะกลับเขาชวนผมไปทานข้าวและติดรถไปกับครอบครัวเขา เพราะไปทางเดียวกัน (เพราะอะไรสักอย่างนี้หล่ะครับในบทสนทนาที่ ทำให้ผมบอกที่อยู่ชั่วคราวเขาไปและเหตุผลที่ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนั้น อ้อใช่ ผมบอกเขาไปเรื่องที่ผมชอบอยู่ในที่ สาธารณะ เช่นวัด สถานีรถ สะพานลอย ฯลฯ เพื่อคิดอะไรคนเดียว ผมเองก็ไม่รู้ทำไมนะครับแต่ผมชอบทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ หลังเลิกเรียน*สมัยเรียนอยู่มัธยมนะครับ*บางทีผมก็ชอบไปนั่งเล่นอยู่ริมน้ำที่วัด ก่อนจะปั่นจักรยานกลับบ้านครับ รู้สึกว่ามันสบายใจดีมองผู้คน หรือน้ำ หรืออะไรสักอย่างหลั่งใหลผ่านเราไปพร้อมๆกับความคิดต่างๆนานาที่ไหลมาและไหลไปในหัวผม) เขาชวนผมถึงสองครั้งแต่ผมก็เลิ่กลั่กปฎิเสธไป ซึ่งจริงๆแล้วผมก็แอบย่องตามเขาไปครับ เขาเดินไปทานก๋วยเตี๋ยว หรืออะไรสักอย่างที่ร้านริมทางไม่ไกลจากสถานีมากนักซึ่งมีผม(ที่แกล้งหลอกตัวเองว่ามาเดินหาเซเว่นแถวนั้นเหมือนกัน)ตามหลังมาเงียบๆ แต่ผมก็ผงะเหมือนกันนะครับอุตส่าห์แอบตามตั้งนานแต่เขามาเห็นเพราะเวลาเขาเลือกนั่งที่โต๊กที่ร้านก็หันมาเห็นผมจนได้ หรือผมเข้าไกล้ไปมากไม่รู้ ผมก็เลยเปลี่ยนทิศทางเดินความเร็วสูงหลบสายตาเขาไปยังที่สูง(บนสะพานลอยไกล้ๆตรงนั้น)เพื่อหวังว่าจะได้(แอบ)มอง เขาอีก แต่ก็ไม่สำเร็จครับ(ต้นไม้บังจนมองไม่เห็นเลย) ผมเลยตัดสินใจแกล้งๆเดินหลบมุมรถที่จอดอยู่ริมถนนตรงนั้น หลบที่ริมมืดๆเพื่อมองเขาครับ แต่รู้สึกจะเด่นไปหน่อยเขาเลยเห็นผมพอดีในขณะที่ผมมองเขาอยู่ในระยะ 8เมตร(บางทีอาจแอบมองไกล้ไป) ผมก็เลยหันหลังหนีโบกรถแท็กซี่กลับที่พักไปเลย คืนนั้นผมเกือบนอนไม่หลับเพราะคิดถึงแต่เรื่องของเขาและนึกตลกตัวเอง และก็เกือบนอนไม่ตื่นเพราะฝันถึงเขาครับ(ส่วนฝันว่าอะไรนี่ขอเก็บเป็นความลับนะครับ)
จากนั้นวันรุ่งขึ้นผมตัดสินใจหาเรื่องไปที่สถานีนั้นอีกครั้งครับ ผมไปถึงประมาณเที่ยงแต่ไม่เจอเขา(เจอแต่แม่เขาที่ร้าน) เลยคาดหวังว่าเขาน่าจะมีงานอื่นทำในตอนกลางวัน และมาช่วยแม่หลังเลิกงาน ก็เลยได้แต่ผิดหวังและกลับบ้านจริงๆของผมครับ(เพราะไม่รู้จะหาเรื่องหรือเหตุผลอะไรมาอ้างเพื่อไปที่นั่นได้อีกแล้ว) อ้อใช่ลืมบอกครับผมมาที่กรุงเทพมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งครับเพราะว่าตอนนั้นอยู่ในช่วงไปรับเอกสารมอบตัวเป็นนิสิต+จองหอที่มหาวิทยาลัย ตอนนี้ผมกลับมาที่บ้านที่ต่างจังหวัดอีกครั้งครับ(ไม่ขอบอกว่าจังหวัดอะไร) และแน่นอนว่าผมยังคิดถึงเขาอยู่ครับ ตอนนี้ผมได้แต่รอวันที่จะย้ายไปที่หอและเปิดเทอม พร้อมกับยังมีความรู้สึกเหล่านี้คาใจอยู่ครับ
.
.
ผมอยากพบเขาอีกครั้งอยากรู้จักอยากคุยด้วยอีก
อยากถามเรื่องความเป็นอยู่ และถามเรื่องชีวิตในวัยหนุ่มของเขาครับ
ผมอยากรู้เรื่องราวความรักของเขา(เพราะจากการคาดการณ์ + ความหวังของผมคิดว่าเขายังไม่มีแฟนครับ)
ผมอยากรู้ว่าทำไมกลิ่นอายของเขาถึงมีผลต่ออารมณ์ของผมมากขนาดนี้
ผมอยากรู้ว่าเขามีเวลาให้กับตัวเองบ้างหรือเปล่า(นอกจาก ช่วยแม่ ทำงาน หาเงิน)
ผมอยากรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับผม
ถ้าเป็นไปได้หากผมเรียนจบมีงานทำมีรายได้เป็นของตัวเองผมอยากทำอย่างไรก็ได้ให้ผมกับเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน (เช่นชวนไปเที่ยวผ่อนคลาย หรืออะไรสักอย่าง)
ผมอยากให้เขาเป็นที่ปรึกษาที่ระบายในขณะที่ผมเรียนอยู่ครับ
ผมรู้สึกว่าเขาดูเซ็กซี่มาก ผมชอบมองทุกส่วนของเขา แต่สำหรับ ขา แผ่นหลัง และแขนของเขากลับรู้สึกว่าพิเศษมากๆ รวมทั้งเวลาทำงาน เวลาคุยกับลูกค้า(จะมีลูกค้า หรือมีผู้คนมาคุยปรึกษาปัญหาชีวิตกับเขาครับ(จากการแอบฟังและการสังเกตุทั้งสองคืน) และดูดีมากในแสงสลัวของค่ำคืนครับ
ผมชอบกลิ่นอายของเขา และชอบที่เขามาช่วยแม่
ในอนาคตผมอยากดูแลเขาครับ อยากให้ความสุขกับเขา ถึงแม้ผมจะรู้ว่าอายุของเราห่างกันมากแค่ไหนก็ตาม ถึงแม้ผมจะกลัวว่าเขาอาจมองผมเป็นแค่เด็กก็ตาม
ผมอยากรู้ชื่อของเขา(เขียนมาซะเยอะ คุยมาซะเยอะแต่ผมกลับยังไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขาครับ)
.
.
เขาเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไรหรอครับ?
.
.
ปล.ผมคิดว่าผมเป็นเสือไบนะครับเพราะผมเคยรู้สึกคล้ายๆกันกับผู้หญิงคนหนึ่งมาก่อน ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนไป และผมรู้สึกว่าการที่เราสนใจใครสักคนมันไม่ควรมีเส้นขั้นหรือขอบเขตอะไรครับ
ปล2.(-.- วงเล็บเยอะไปปะครับ แถมเรื่องในวงเล็บนี้ก็ยาวอีก) <-- นี่ก็วงเล็บอีก ขออภัยครับ