จัดกระเป๋าเดินทางยังไงดี คับ???

เช็คน้ำหนักกระเป๋าที่สายการบินอนุญาตให้โหลดท้องเครื่องด้วยค่ะ อย่าให้เกินกว่าที่กำหนดไม่งั้นต้องจ่ายแพงมาก (แต่ที่จริงไปอยู่ที่นั่นเลยไม่ต้องรีบขนของไปเยอะนักก็ได้ ให้ทางเมืองไทยส่งของตามไป หรือตัวเราเองแพคของที่ไม่ต้องรีบใช้ด่วนส่งไปก่อนตามที่อยู่ที่แน่นอนก็ได้ กะเวลาให้ของไปถึงหลังจากที่ตัวเราไปถึงก่อนก็ได้)

ของเหลวที่พกขึ้นเครื่องได้ กฎมาตรฐานทุกสายการบินเหมือนกันหมด คือ บรรจุภัณฑ์ชิ้นละไม่เกิน 100 ml  พวกยาประจำตัวต้องเอาติดกระเป๋าขึ้นเครื่องไปด้วย  ดังนั้นถ้าเป็นยาน้ำ ก็ต้องระวังไม่ให้บรรจุภัณฑ์เกินขนาดที่กำนด อย่าเอายาประจำตัวโดยเฉพาะพวกที่ต้องกินตามเวลาที่กำหนดลงกระเป๋าใหญ่ที่โหลดใต้เครื่องเด็ดขาด เรื่องนี้สำคัญนะคะ เพราะถ้าไฟลท์ดีเลย์หรือแคนเซิล สายการบินให้เรารอนาน ๆ หรือพาเราไปพักที่โรงแรม เราจะไม่ได้กระเป๋าใหญ่ที่โหลดขึ้นเครื่องไปแล้ว ได้มาแต่ของติดตัวเท่าที่ถือขึ้นเครื่องเท่านั้น อย่าชะล่าใจแม้เป็นการบินเพียง 40 -50 นาที ไม่ถึงชั่วโมง แต่หากไฟลท์โดนแคนเซิลหรือเลื่อนขึ้นมา ผู้โดยสารอาจต้องรอกันข้ามวันข้ามคืนกว่าจะได้บินอีกรอบ ดังนั้นกว่าจะได้กระเป๋าใหญ่คืน ก็ต่อเมื่อได้ขึ้นไฟลท์ใหม่ แล้วรับกระเป๋าที่จุดหมายนั่นแหล่ะ  

มือถือให้เอาติดตัวขึ้นเครื่องนะคะ มีบางคนเอามือถือใส่กระเป๋าใหญ่แล้วโดนเปิดตรวจเพราะดูเหมือนมือถือเวลามองจากเครื่องเอกซเรย์จะคล้ายวัตถุระเบิด ดังนั้นสายการบินจึงอนุญาตให้เอามือถือขึ้นเครื่องได้ เพียงแต่ให้นำออกมาแสดงเวลาผ่านจุดตรวจระเบิดเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาโดนเปิดตรวจกระเป๋าใหญ่ (เดี๋ยวจะเจอ กกน. ลายเสือดาว XP)

แต่พวกกล้องหรือ Harddisk external  เอาใส่กระเป๋าใหญ่ที่โหลดขึ้นเครื่องได้ค่ะ เอกซเรย์ดูออก (ไม่รู้ดูกันยังไงเหมือนกัน ) ที่ต้องระวังคือห่อให้ดีอย่าให้กระทบกระเทือนกระแทก อาจใส่กล่องหรือเอาผ้าหรือของนุ่ม ๆ ห่อซะ จะได้ไม่พังเพราะกระเป๋าถูกโยนหรือโดนกดทับ แต่ของพวกนี้มักเพิ่มน้ำหนักให้กระเป๋ามาก ดังนั้นจะ Carry on ขึ้นเครื่อง ก็ได้ค่ะ แค่ต้องเอาออกมาแสดงเวลาเข้าเครื่องตรวจระเบิดเหมือนกัน

tablet หรือโน้ตบุคถ้าไม่ไปซื้อใหม่ จะเอาไปจากเมืองไทยเลือกรุ่นที่น้ำหนักเบา ๆ พกพาง่ายถือขึ้นเครื่องนะคะจะได้ไม่หนักใหล่ และไม่พังเพราะต่อให้กระเป๋าใหญ่ที่จะโหลดใต้เครื่องแข็งแรงแค่ไหนก็อย่าเสี่ยงเลย